วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557

มูลนิธิพระใหญ่ยันไม่มีแชร์ลูกโซ่ฟอกเงิน พร้อมแจงที่มาทุกโครงการตรวจสอบได้ พระอาจารย์เปี๊ยกปฏิบัติภารกิจตามปกติ

 

 


 

LAST UPDATE : JUNE 13, 2014  05:00 A.M.   ATLANTIC TIME

 

 

 

 


 

 

 

สามแสนล้าน !

 

มหาเศรษฐีทุ่มบุญสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ

 

ถูกข้อหาปั่นแชร์หมุนเงิน

 

กรรมการดาหน้าออกมาแถตามสูตร

 

ประกาศนโยบาย

เงินมาจากไหน-อย่าไปสนใจ

 

ให้สนใจแต่ "เอามาให้เรา" เท่านั้นก็พอ

 

 

 

 

อีกไม่นานก็รู้ หมู่หรือจ่า ศาสนา อิฐ ดิน หิน ทราย และความงมงายแบบนี้ก่อนหน้านั้นท่านเรียกว่า "ผีบุญ" แต่ภายหลังชาวอีสานเรียกว่า "เณรคำ" ก็ไม่น่าเชื่อว่า พระพุทธศาสนาบนดินแดนอีสานจะตกต่ำย่ำแย่ถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้แห่ไปไหว้เณรคำ วันนี้ร่วงหนักถึงกับไว้ "ไอ้อาจารย์บ้าบอ" ที่อ้างว่าปฏิบัติธรรมทั้งผ้าขาว ไม่ยอมบวชพระ แต่อุตริสร้างพระใหญ่ที่สุดในโลก แถมมีคนบ้าบุญทุ่มเงินให้ถึงสามแสนล้าน ถ้าเป็นจริงก็ยิ่งกว่าควาย !

 

 

 

 

 

 

 

มูลนิธิพระใหญ่ยันไม่มีแชร์ลูกโซ่ฟอกเงิน พร้อมแจงที่มาทุกโครงการตรวจสอบได้ พระอาจารย์เปี๊ยกปฏิบัติภารกิจตามปกติ

 

ความคืบหน้าหลังผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ พบข่าวแพร่สะพัดไปทั่วโลกออนไลน์ และมีผู้แจ้งเบาะแสให้ช่วยตรวจสอบ กรณีผู้มีจิตศรัทธราเตรียมนำเงินร่วมบริจาคสร้างโครงการพระใหญ่ที่สุดในโลก ให้กับมูลนิธิพระใหญ่ที่ จ.ชัยภูมิ รวมมูลค่าเงินทั้งโครงการสูงกว่า 3.2 แสนล้านบาท และมีการตรวจพบมีกลุ่มคนที่อาจจะเข้ามาแอบอ้างหากินเป็นขบวนการแชร์ลูกโซ่บนกองบุญครั้งนี้ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 13 มิ.ย. คณะกรรมการชุดใหญ่จากมูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ นำโดย นายอนันต์  ปลื้มสุด ,นายวงษ์ชัย  ชนะชัย,นายทองอิน  เพียภูเขียว และคณะทนายความของมูลนิธิฯ ติดต่อประสานงานมาที่สื่อมวลชน เพื่อขอชี้แจงต่อกรณีที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อขอความเป็นธรรมต่อทุกกรณีข่าวที่เกิดขึ้นด้วย
 
เปิดเผยว่า จากกรณีข่าวที่มีการกล่าวว่ามีขบวนการแชร์ลูกโซ่ใช้กองบุญก่อสร้างพระใหญ่ชัยภูมิหลายพันล้านบาทบังหน้านั้น เพื่อแลกกับผลกำไรใครลง 30,000 บาท ได้ 100,000 บาท หรือ 200,000 บาท ได้คืน 500,000 บาท นั้น ไม่เป็นความจริงเด็ดขาด
 
ที่ผ่านมา ไม่ว่าเรื่องการเปิดให้บูชาพระนั้น ที่มีราคาองค์ละ 29,999 บาท ก็ไม่ได้มีการจำหน่ายมากมายขนาดไหน และไม่ได้บังคับใครอยากได้บูชาไปจ่ายมาคนละ 1,000 - 5,000 บาท ก็มีหรือใครอยากได้ไม่จ่ายเลยก็มี รวมทั้งการจัดหาทุนซื้อที่ดินก็ไม่ได้สูงมากตามที่เป็นข่าวเลย ซึ่งก็ด้วยผู้ใจบุญเขาตั้งราคาไว้สูงหลายแสนมูลนิธิก็พยายามต่อรองลงมาได้ไร่ละไม่เกิน 120,000 บาท ไม่ได้มีเงินทองมหาศาลไปถึง3-4 พันล้านขนาดนั้น
 
และที่ผ่านมา การดำเนินการของโครงการก่อสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ มาตั้งแต่ปี 2553 ที่ผ่านมาจนปัจจุบัน รวมมีเงินที่มาดำเนินการจัดซื้อที่ดินทั้งหมดเกือบ 300 ไร่ และก่อสร้างสิ่งต่างๆที่เห็นในพื้นที่ทั้งหมดในปัจจุบันก็มีมูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาทเท่านั้น ที่ยังเหลืออีกมากที่เป้าหมายโครงการพระใหญ่ชัยภูมิ จะสร้างเสร็จภายในปี 2561 ซึ่งอาจารย์เปี๊ยกตั้งไว้น่าจะแล้วเสร็จประมาณเกือบ 10,000 ล้านบาท
 
"ที่เป็นการดำเนินการรวมเครือข่ายศูนย์ประสานงานลูกศิษย์ลูกหาของมูลนิธิพระใหญ่จากทั่วประเทศที่มีมากกว่า 250 แห่ง ช่วยกันดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2553 ศูนย์ไหนใครมีเงินบริจาคครั้งละ 4-5 พันก็ส่งมาให้โครงการต่อเนื่อง ที่ได้ไม่มากเลย จะมากสุดก็ครั้งละไม่เกิน 50,000-100,000 บาทเท่านั้น แต่เมื่อได้มาต่อเนื่องในส่วนกลุ่มคนที่ขาดเหลืออย่างวัด โรงเรียน โรงพยาบาล เกือบทั่วประเทศก็ขอความช่วยเหลือมาที่มูลนิธิพระใหญ่จำนวนมากด้วยเช่นกัน ทางอาจารย์เปี๊ยก ก็เห็นใจและแบ่งบางส่วนที่ได้มากลับไปช่วยเหลือควบคู่กันมาตลอดที่มีการช่วยบริจาคจากโครงการพระใหญ่ชัยภูมิไปช่วยสร้างวัด โรงเรียน และโรงพยาบาลที่ขาดแคลนมาแล้วเกือบทั่วประเทศประมาณไม่น้อยกว่า 2-3 พันล้านบาทด้วยเช่นกัน"นายอนันต์ กล่าว
 
นายอนันต์ กล่าวอีกว่า จนปัจจุบันรวมเงินได้เพียงกว่า 300 ล้านบาทเท่านั้น ที่เข้ามาดำเนินการอยู่ในโครงการพระใหญ่ชัยภูมิ และยังเริ่มมีหนี้สินติดค่าก่อสร้างบัญชีติดลบเงินในมูลนิธิต้องยังเป็นหนี้ภายนอกอีกกว่า 10 ล้านบาท

ส่วนกรณีที่มีนางวัลย์รัตน์ รัตนผล อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลข 38 ถ.เทศบาล 14 ต.เขาปูน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ที่อ้างว่าตัวเองเป็นผู้ใจบุญและจะสามารถหาเงินจากองค์การค้าระหว่างประเทศ WTO กลุ่มธนาคารประเทศญี่ปุ่น และและกลุ่มธนาคารยุโรป ได้รายละกว่า 1 แสนล้านบาท รวมถึงเงินที่พร้อมจะนำมาช่วยบริจาคให้กับฆราวาสชื่อดังอาจารย์เปี๊ยกพระใหญ่ชัยภูมิในครั้งนี้ได้อีกกว่า 2 หมื่นล้านบาท เพื่อเก็บไว้ใช้ส่วนตัว ซึ่งรวมแล้วเป็นเงินรวมกว่า 320,000,000 ล้านบาท (สามแสนสองหมื่นล้านบาท) มาสมทบสร้างพระใหญ่ สูงที่สุดในโลกครั้งนี้ด้วยในไม่เกินสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ได้นั้น
 
นายอนันต์ กล่าวว่า ทางคณะกรรมการมูลนิธิฯก็คงปฏิเสธไม่ได้ หากมีผู้ใจบุญต้องการยื่นมือมาช่วยสานต่อโครงการให้เสร็จตามวัตถุประสงค์ มูลนิธิที่เราทำถูกต้องตามกหมาย และจะให้ไปตามคนมาบริจาคว่าจะเอาเงินมาจากไหนได้นั้นคงไม่เหมาะ ก็ต้องรอว่าถ้าเขาทำได้ก็ดีไป และที่ผ่านมาที่ผู้ใจบุญรายนี้มาอยู่ที่นี่หลายเดือน ก็ไม่เคยที่จะเรียกรับเงินทองจากใคร แต่ก็มีแต่จะกลับจะให้มากกว่าด้วย ก็ต้องให้โอกาสกันต่อไปและพร้อมให้ตรวจสอบได้อยู่แล้วทุกขั้นตอนของโครงการพระใหญ่ชัยภูมิ
 
รวมทั้งกรณีที่มีข่าวว่า อาจารย์ทิพากร หรืออาจารย์เปี๊ยก ผู้ก่อตั้งมูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ หลบหนีไปแล้วนั้น ไม่เป็นความจริงเด็ดขาด ขอให้ทุกคนให้ความเป็นธรรมในจุดนี้ด้วย ใครอยากพบอยากปฏิบัติธรรมก็มาพบได้ที่พระใหญ่ชัยภูมิ ก็ยังจะมีการปฏิบัติภารกิจร่วมปฏิบัติธรรมเปิดบุญร่วมกับญาติโยมผู้มีจิตศรัทธราในทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตามปกติต่อไป เพื่อให้โครงการนี้เดินหน้าเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมตามโครงการพระใหญ่ที่สุดในโลกต่อไปด้วย

 

 

 

 

ข่าว : คมชัดลึก
14 มิถุนายน 2557

วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ศาลอาญาท่านคงจะรอให้มีคนตายเป็นเบือก่อนมั๊ง ถึงค่อยวินิจฉัยว่ามีคนเสียหายเพราะการทำรัฐประหาร

 

 


 

LAST UPDATE : JUNE 10, 2014  06:00 P.M.   ATLANTIC TIME

 

 

 

 

 

ยกฟ้องประยุทธ จันทร์โอชา

 

ข้อหาทำปฏิวัติรัฐประหารปล้นอำนาจประชาชน

ศาลอาญาชี้แจงสี่เบี้ยผู้ฟ้องไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง

แต่ผู้เสียหายโดยตรงก็คือ รัฐ ?

 

 

 

อืม..โอ้ ! ศาลอาญาท่านคงจะรอให้มีคนตายเป็นเบือก่อนมั๊ง ถึงค่อยวินิจฉัยว่ามีคนเสียหายเพราะการทำรัฐประหาร การพิพากษาแบบนี้ถือว่าเป็นบรรทัดฐานของศาลในกาลข้างหน้า แบบว่า คนไทย 70 ล้านคน ไม่มีสิทธิ์ฟ้องผู้ทำการปฏิวัติยึดอำนาจจากประชาชน และล้มล้างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดปกครองประเทศ ตามมาตราที่68 ได้เลยแม้แต่คนเดียว ความจริงถ้าศาลวินิจฉัยว่า "ศาลกลัวลูกปืน จึงไม่กล้าวินิจฉัยว่าคณะปฏิวัติผิด" แบบนี้จะน่าฟังกว่าเสียอีก ถามว่า ถ้าเป็นเช่นนั้น จะร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาปกครองประเทศให้เสียเวลาทำไมไม่ทราบ ก็ประกาศให้คณะปฏิวัติปกครองประเทศอย่างถาวรไปเลยไม่ดีกว่าหรือ หรือไม่ก็ประกาศตั้ง "พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา" เป็นเจ้าชีวิตของคนไทยไปเลยสิ !

 

 

 

 

 

 

 

ศาลอาญาไม่รับฟ้อง ′ฉลาด′ ฟ้อง ′ประยุทธ์′ กับพวก รวม 27 คน ผิดฐานกบฏ ชี้ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง

 

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 มิถุนายน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก  เรืออากาศตรีฉลาด วรฉัตร เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. , พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. , พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ.  , พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีต ผบ.ตร. , พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รองผบ.ทบ. , พล.อ.จิระ โกมุทพงศ์ เจ้ากรมพระธรรมนูญ , นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี , พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมพวกปลัดกระทรวงต่างๆ รวม 27 คน เป็นจำเลยที่ 1-27 ในความผิดฐานกบฏ เป็นผู้สนับสนุนกระทำความผิด และดูหมิ่นอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112,113,83 และ 86

 

โดย เรืออากาศตรีฉลาด ระบุว่าการประกาศกฎอัยการศึก ประเทศต้องอยู่ในภาวะสงคราม หรือเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง ซึ่งประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยจึงใช้ระบบอื่นมาปกครองไม่ได้ ถือว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง จึงต้องมาฟ้องร้องดำเนินคดี แต่หากภายหลัง ที่ยื่นฟ้องแล้วทาง คสช. จะเรียกให้ไปรายงานตัว ก็จะไม่ไปตามหมายเรียก แต่จะไม่หลบหนี หาก คสช. จะจับกุม ก็ให้ไปจับตนที่หน้ารัฐสภา

 

อย่างไรก็ตาม เรืออากาศตรีฉลาด ได้ทำการอดอาหารประท้วงบริเวณหน้ารัฐสภา มาแล้วเป็นเวลา 19 วัน และที่ผ่านมา มีแพทย์มาตรวจร่างกาย 2 ครั้ง โดย เรืออากาศตรีฉลาด ยืนยันว่า จะอดอาหารไปจนกว่า จะมีการกำหนดวันเลือกตั้ง ที่ชัดเจน แต่หากประเทศยังไม่มีนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ก็ขออดอาหารไปจนกว่าจะสิ้นชีวิต

 

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเรืออากาศตรีฉลาดมีท่าทางที่อิดโรยและหมดแรงซึ่งมีผู้ติดตามคอยพยุงเวลาเดิน และตลอดเวลาที่ให้สัมภาษณ์เรืออากาศตรีฉลาดได้ขอนั่งบริเวณบันไดศาล แทนการยืนให้สัมภาษณ์

 

ต่อมาเวลา 15.00 น. ศาลอาญามีคำสั่งไม่รับฟ้อง โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าเมื่อระหว่างวันที่ 20 พฤษภาคม 2557  จนถึงวันฟ้องต่อเนื่องกัน ตามคำฟ้องแสดงให้เห็นว่า การเริ่มต้นแห่งการกระทำความผิด ได้เกิดขึ้นก่อนที่ คสช.จะเข้ามาควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศ คดีจึงอยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรม แม้มีการกระทำความต่อเนื่องกันมา หลังจากนั้นก็ไม่ทำให้คดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

 

ดังนั้นศาลอาญาจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ แต่เมื่อความผิดตามฟ้องเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ถือได้ว่าเป็นความผิดต่อรัฐโดยตรง รัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหายที่มีอำนาจดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิด แม้โจทก์จะอ้างว่าได้รับความเสียหายในการใช้ชีวิตอย่างปกติสุขว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพ แต่โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) ดังนั้นโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องในคดีนี้ ตาม ป. วิ อาญา มาตรา 28 ให้ยกฟ้อง

 

 

 

 

ข่าว : มติชน
11 มิถุนายน 2557

วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เสียงโห่ และเสียงโห่ฮา และ กษัตริย์ทุจริตที่โลกเกลียดชังมากที่สุด

วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ข่าวดีจากสเปน‏

ข่าวดีจากสเปน‏



เสียงโห่ และเสียงโห่ฮา และ กษัตริย์ทุจริตที่โลกเกลียดชังมากที่สุด
https://www.youtube.com/watch?v=NENKgIsWXcM

โดย ใจ อึ๊งภากรณ์

สาธารณรัฐจงเจริญ!!! ประชาชนสเปนเรียกร้องให้ยกเลิกสถาบันกษัตริย์ ชูธงสเปนจากยุคสาธารณรัฐก่อนเผด็จการฟรังโก้ ประชาชนสเปนหลายหมื่นใน 60 เมืองทั่วประเทศออกมาเรียกร้องให้มีการลงประชามติว่าจะยกเลิกสถาบันกษัตริย์หรือไม่ หลังจากที่ วาน คาร์ลอส ลาออก

กษัตริย์ วาน คาร์ลอส ของสเปน ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยจอมเผด็จการฟาสซิสต์ ฟรังโก้ เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ขวาจัดของเผด็จการหลัง ฟรังโก้ ตาย ประกาศลาออกจากตำแหน่งท่ามกลางเรื่องอื้อฉาวในราชวงศ์ เรื่องอื้อฉาวแรกคือการ วาน คาร์ลอส ไปทริ้ปราคาแพงปิดลับ เพื่อไปยิงช้างในอัฟริกา ซึ่งขณะนั้นประชาชนสเปนกำลังตกงานและเดือดร้อนกันทั่วประเทศจากวิกฤตเศรษฐกิจ ซ้ำยังอ้างว่าตนเองเป็นนักอนุรักษ์สัตว์ป่าด้วย เรื่องอื้อฉาวที่สองคือการคอร์รับชั่นของลูกสาวเจ้าหญิงคริสตีนา หนังสือพิมพ์ El Mundo รายงานข่าวว่าสองเรื่องนี้ทำให้ชาวสเปน 75% มองว่า วาน คาร์ลอส ควรจะลาออกตั้งแต่ปีที่แล้ว

หลายคนเข้าใจผิดว่า วาร คาร์ลอส เป็น "กษัตริย์ประชาธิปไตย" แต่ในช่วงท้ายของเผด็จการฟรังโก้ คลื่นการต่อสู้ทั่วยุโรปให้กำลังใจชาวสเปนในการต้านเผด็จการและปลดแอกตนเอง พรรคคอมมิวนิสต์จัดตั้งสภาแรงงานใต้ดิน และสามารถนัดหยุดงานฝ่าฝืนกฏหมายได้ ซึ่งกดดันนายทุนสเปนเป็นอย่างมาก ส่วนชาวบาส์ค ก็จับอาวุธสู้เพือแบ่งแยกดินแดน และสามารถวางระเบิดยักษ์ใต้รถรัฐมนตรีกลาโหมดับ ปรากฏว่าซากรถขึ้นไปอยู่บนหลังคาตึกสูง ชนชั้นปกครองสเปนมองว่าเผด็จการคงไปไม่รอดหลัง ฟรังโก้ตาย ก่อนหน้านี้ ฟรังโก้ เคยหวังว่ากษัตริย์เลี้ยงของเขา จะรักษาระบบฟาสซิสต์หลังยุคฟรังโก้ แต่พวกนั้นทานกระแสประชาธิปไตยในสังคมไม่ได้ พอเข้าสู่ยุค 80 ทหารฟาสซิสต์พยายามทำรัฐประหารโดยบุกรัฐสภาเพื่อหมุนนาฬิกากลับ แต่ วาน คาร์ลอส ไม่สนับสนุน ในเอกสารลับของกระทรวงต่างประเทศเยอรมัน ซึ่งพึ่งปล่อยออกมาให้ประชาชนอ่าน วาน คาร์ลอส เล่าให้ทูตเยอรมันฟังว่าตนเองอยากเห็นระบฟาสซิสต์กลับมา และเห็นใจนายทหารที่พยายามทำรัฐประหาร แต่จำใจต้องสร้างภาพสาธารณะว่าไม่เห็นด้วย

(ที่มา) 
http://redthaisocialist.com/2011-05-20-06-58-02.html  



วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557

วิทยานิพนธ์ "ก้าวข้ามความขัดแย้งฯ"

 

 


 

LAST UPDATE : JUNE 07, 2014  06:00 P.M.   ATLANTIC TIME

 

 

 

 

 

 

 


 


 

 

 

 

ก้าวข้ามความขัดแย้ง !

 

วิทยานิพนธ์ของว่าที่ ดร.เจ๊หน่อย

 

 

ระบุชัด "สื่อนอกระบบ-ตัวการทำลาย" ประชาธิปไตย อยากให้มีประชาธิปไตยสมบูรณ์ต้อง "ควบคุมสื่อ" ซึ่งปรากฏว่า ตรงกับนโยบาย ของ คสช. และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ราวกับว่าคนเขียนนโยบายของ คสช. และคนทำวิทยานิพนธ์ของเจ๊หน่อยเป็นคนเดียวกัน แหมอะไรจะขนาดนั้น เหมือนกันได้ไง ในเมื่อเจ๊ลงทะเบียนเรียน ป.เอก มจร. มาสองปีแล้ว ส่วน คสช. เพิ่งจะปฏิวัติได้ไม่ถึงเดือนเอง ไม่เกรงคนครหาว่าเป็น "วิทยานิพนธ์เฉพาะกิจ-วิทยานิพนธ์ฉบับเพื่อชาติ  หรือฉบับ คสช." (คืนความสุขให้ประชาชน) ดอกหรือเจ๊  วิทยานิพนธ์เล่มนี้ถือว่ามีปัญหา แรกนั้นอ้างว่า "เป็นวิทยานิพนธ์ทางธรรม" แต่ลงท้ายกลายเป็น"วิทยานิพนธ์ทางการเมือง"  ขนาด "ดร.วิษณุ เครืองาม" กรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ ก็ยังหักหน้าว่า "เน้นการเมืองมากกว่าธรรมะ" ก็เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณากันต่อไป ถ้าหากว่าทาง สภามหาวิทยาลัย มจร. พิจารณาให้ผ่าน ก็คงต้องมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตให้แก่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. อีกใบหนึ่งด้วย ในฐานะที่นำเอาเนื้อหาในวิทยานิพนธ์เล่มนี้ไปปฏิบัติอย่างเป็นมรรคเป็นผล ตั้งแต่เจ๊หน่อยยังเรียนไม่จบ

 

 

 

 

 

เจ๊หน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธ์

ทำวิทยานิพนธ์ส่งมหาวิทยาลัยสงฆ์ มจร.

แต่เนื้อในเป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ

 

 




 

 

 

เจ๊หน่อยเสนอวิทยานิพนธ์ "ก้าวข้ามความขัดแย้งฯ" แนะตั้ง "สภาธรรมาธิปไตย" วิษณุเป็นกก.สอบด้วย

 

วันที่ 7 มิ.ย. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานสถาบันสร้างอนาคตไทย กล่าวในการเสวนาวิชาการ เรื่อง "ก้าวข้ามความขัดแย้งด้วยธรรม ด้วยหลักคุณธรรม 4 ประการ" โดยเป็นการนำเสนอวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก ตามหลักสูตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ตอนหนึ่งว่า วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีเนื้อหาถึงช่วงมีปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา โดยได้นำหลักธรรมคุณธรรม 4 ประการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระราชทานในวโรกาสที่เสด็จออกพระสีหบัญชร ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2549  ประกอบด้วย

 

1.ให้ทุกคนคิดพูดทำด้วยความเมตตา มุ่งดี มุ่งเจริญ ต่อกายต่อใจต่อกัน

 

2. การที่แต่ละคนช่วยเหลือเกื้อกูลกันประสานงาน ประสานประโยชน์กัน ให้งานที่ทำสำเร็จผล ทั้งแก่ตน แก่ผู้อื่น และแก่ประเทศชาติ  

 

3. ทุกคนประพฤติปฏิบัติตนสุจริตในกฎกติกา และในระเบียบแบบแผนโดยเท่าเทียมกันเสมอกัน

 

4.การที่ต่างคนต่างพยายามทำคามคิดความเห็นของตนให้ถูกต้องเที่ยงตรงและมั่นคงอยู่ในเหตุในผล หากความคิดจิตใจ และการประพฤติปฏิบัติที่ลงรอยเดียวกันในทางที่ดี ที่เจริญนี้ ยังพร้อมมูลในกายในใจคนไทย ก็มั่นใจว่าประเทศชาติจะดำรงอยู่ต่อไปได้  

 

ซึ่งหลักดังกล่าวไม่มีองค์กรใดนำมาปฏิบัติ จึงใช้โอกาสนี้มาศึกษาวิจัย เพื่อนำคุณธรรมทั้ง 4 ประการ มาปรับใช้กับการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองให้เป็นรูปธรรมในเชิงปฏิบัติ วิกฤตปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองจึงได้ยืดเยื้อและขยายตัวเพิ่มมากขึ้น สืบเนื่องมาปัจจุบัน

 

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า 82 ปี ของประชาธิปไตยไทย มีการรัฐประหาร 11 ครั้ง สำเร็จ 10 ครั้ง มีนองเลือด 4 ครั้ง เปลี่ยนรัฐธรรมนูญ 18 ฉบับ ทั้งนี้ในระยะ 9 ปี ที่ผ่านมามีทั้งวิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันสังคมไทยเกิดความแตกแยกส่วนหนึ่งมาจากสื่อมวลชน ที่ไม่ใช่สื่อหลัก นั่นคือสื่อออนไลน์ที่มีการเผยแพร่อย่างรวดเร็วและบางบริบทนำเสนอความเท็จ ถือเป็นวจีทุจริต สร้างความขัดแย้งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้โครงสร้างของสังคมไทยเปลี่ยนไปแบบหยั่งรากลึกถึงเรื่องปัญหาของคุณธรรมศีลธรรมของสังคมไทย อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ความขัดแย้งทางการเมือง 9  ปีที่ผ่านมา เป็นความขัดแย้งของสองฝ่าย ทั้งฝ่ายแดงที่คิดว่าไม่ได้รับความเป็นจากการรัฐประหาร สองมาตรฐาน ฉีกรัฐธรรมนูญ อำนาจนอกระบบ มองเห็นเป็นวงจรอุบาศทางการเมือง ซึ่งฝ่ายนี้ต้องการสื่อให้มีประชาธิปไตยอย่างมีคุณภาพ ขณะที่ฝ่ายเหลืองมองว่าได้นักการเมืองที่ไม่มีคุณภาพ สะสมทุน ซื้อเสียงเลือกตั้ง ประชาธิปไตยไทยไม่เป็นธรรมาธิปไตย และเกิดความบกพร่องในโครงสร้างประชาธิปไตยไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายมองวงจรอุบาศกันคนละได้  อย่างไรก็ตามในตามแนวของพระพุทธเจ้าได้ใช้หลักธรรมาธิปไตยเรียกประชุมทุกฝ่าย ใช้เสียงข้างมากในการตัดสินเรื่องต่างๆ จึงไม่เกิดการทะเลาะกัน แต่การตัดสินใจต่างๆ ต้องเป็นผู้ที่มีปัญญาดี ซึ่งหากดูแล้วในทางการเมืองผู้ที่ตัดสินใจ จะประกอบด้วยนักการเมืองและประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทั้งสองส่วนนี้ต้องใช้ปัญญาในการตัดสินใจ

 

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ประชาธิปไตยหากยึดแค่หลักสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค แต่ไม่ได้เอาโครงสร้างส่วนลึกของครอบครัวที่หล่อหลอมให้มีจริยธรรม การกล่อมเกลาทางจิตใจ จึงก่อให้เกิดประชาธิปไตยแยกส่วน เพราะต่างคนต่างคิดถึงสิทธิของตัวเอง ไม่ได้คำนึงถึงผู้อื่น จึงก่อให้เกิดปัญหาในประชาธิปไตยไทย

 

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า หากใช้หลักธรรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องของความเมตตา มุ่งดี และเจริญต่อกัน จะช่วยสร้างบรรยากาศสมานฉันท์ โดยการยุติการเผชิญหน้าของสองฝ่าย และยุติการใช้สื่อเทียมในการยุยง ซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ  (คสช.) ได้ดำเนินการแล้ว ที่สำคัญต้องดำเนินการตามหลักกฎหมายอย่างเสมอภาค ขณะเดียวกันหากทำให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันพูดคุยกัน หรือสร้างกระบวนการที่เห็นต่าง ให้เป็นผู้ร่วมพัฒนาประชาธิปไตยไทย โดยสงวนจุดต่างเอาจุดร่วมมาพูดคุยกันแล้วให้เกิดมีสภาประชาชนที่จะให้ฟังความคิดเห็นต่างสองฝ่ายมาหล่อหลอมกันให้เป็น"สภาธรรมาธิปไตย" เอาธรรมะเป็นตัวตั้ง ให้ผู้เห็นต่างคิดร่วมกัน น่าจะเป็นหนทางก้าวสมานฉันท์ได้ จึงขอเสนอแนวทางดังกล่าวเป็นโรดแมป แก้ปัญหาความขัดแย้ง เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง  และสภาธรรมาธิปไตย ต้องอยู่ต่อเพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ต่อไปในอนาคต โดยมีองค์กรไม่แสวงหาประโยขน์เข้ามาดูแล

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นได้เปิดโอกาสให้ผู้ทรงคุณวุฒิได้วิพากษ์วิทยานิพนธ์ โดยนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย คสช. ในฐานะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ กล่าวว่า  วิทยานิพนธ์ที่ดำเนินการเป็นเรื่องของพระพุทธศาสนา ไม่ใช่รัฐศาสตร์ การเดินเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบควรยึดกรอบพระพุทธศาสนา  จึงขอให้อิงหลักทางศาสนามากกว่าทางการเมือง ดังนั้นเนื้อหาจึงยังไม่ชัดตามเค้าโครงเรื่อง 

 

 

 

 

ข่าว :  มติชน
8 มิถุนายน 2557

วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557

อัพเดทผู้ถูกคุมขัง มาใหม่อีก 6 ราย รวมหญิงถูกอุ้มขึ้นแท็กซี่ด้วย

อัพเดทผู้ถูกคุมขัง มาใหม่อีก 6 ราย รวมหญิงถูกอุ้มขึ้นแท็กซี่ด้วย

Mon, 2014-06-02 07:51

http://www.prachatai.com/journal/2014/06/53722


2 มิ.ย. ผู้ประท้วงและถูกคุมขังที่กองปราบ ณ วันที่ 2 มิ.ย. รวมทั้งสิ้น 10 ราย มาใหม่เมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) 6 ราย 

รายเก่า 4 ราย อย่างไรก็ดี รายที่เป็นชายถูกจับที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ราว 18.00 น.วันที่ 28 พ.ค. 

ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลวานนี้ (1 มิ.ย.) หลังจากมีอาการปวดท้องอย่างหนัก ไข้ขึ้นสูง และอาเจียน 

9 รายที่เหลือประกอบด้วย หญิง 5 คน ชาย 4 คน 

- รายแรก หญิงวัย 49 ปี อาชีพแม่บ้าน ชูป้ายที่อนุสาวรีย์ชัยฯ เมื่อ 29 พ.ค.

- หญิง 4 คน ถูกจับ 1 มิ.ย. ได้แก่ รายแรกคือคุณป้าวัย 70 ปีที่ใส่หน้ากาก people ย่านราชประสงค์ , 

รายที่สองคือหญิงวัยราว 40 ปีที่ถูกตำรวจนอกเครื่องแบบบังคับให้ขึ้นรถแท็กซี่สีชมพูบริเวณ terminal 21 

รายที่สาม หญิงวัยราว 50 ปีใส่เสื้อสีฟ้า ทำกิจกรรมปิดตาและชู 3 นิ้วที่ terminal 21 

อีกรายเป็นหญิงวัย 30 กว่าปี ไม่ทราบรายละเอียด

-ชาย 2 ราย ถูกจับ 1 มิ.ย. คนหนึ่งถูกจับที่บริเวณแยกอโศก อีกคนหนึ่งถูกจับบริเวณห้างฟอร์จูน 

ภายหลังผู้คนที่ไปชุมนุมแยกย้ายกันกลับบ้าน

วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ว่าด้วย Junta สื่อต่างชาติ พาดหัวข่าว สะท้อนการเมืองไทย ยุคหลังรัฐประหารปีจอ

 

ว่าด้วย Junta

ว่าด้วย Junta สื่อต่างชาติ พาดหัวข่าว สะท้อนการเมืองไทย ยุคหลังรัฐประหารปีจอ
ผู้เขียน: พิจารณ์รัฐกิจ ชมแล้ว: 4,954 ครั้ง
post ครั้งแรก: Tue 10 April 2007, 4:02 pm ปรับปรุงล่าสุด: Wed 18 April 2007, 9:56 am
อยู่ในส่วน: ไม่ได้ระบุว่าให้อยู่ห้องใด

หน้าที่ 1 - ว่าด้วย Junta สื่อต่างชาติ พาดหัวข่าว สะท้อนการเมืองไทย ยุคหลังรัฐประหารปีจอ
ในสายตานักข่าวฝรั่ง ประเทศไทยไม่ค่อยมีอะไรหวือหวาชนิดที่น่าเขียนถึง เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านเอเชียด้วยกันอย่างจีน อินเดีย เกาหลีเหนือ พม่า แม้กระทั่ง ฟิลิปปินส์ แต่หลังจากคณะทหารยึดอำนาจรัฐและตั้งรัฐบาลมาปกครองประเทศเองเสียแล้ว สิ่งที่เป็นเงาตามตัวก็คือ ข่าวของเมืองไทยบนหน้าหนังสือพิมพ์ฝรั่ง เนื่องจากภาษาฝรั่งที่ผู้เขียนอ่านออกเขียนได้มีเพียงภาษาเดียว ดังนั้น ภาษาฝรั่งในที่นี้ขอหมายความถึงเฉพาะภาษาอังกฤษ เหตุการณ์ในเมืองไทยหลังการยึดอำนาจ เริ่มเป็นที่สนใจของสื่อต่างชาติมากขึ้น ปกติก็จะซาไปเองตามกาลเวลาและความน่าเบื่อ แต่สำหรับรัฐประหารปีจอ หนนี้มาแปลก เพราะเหตุการณ์บ้านเมืองของไทย เป็นข่าวมากขึ้นในทุกมิติ เช่น ถี่ยิบ ล้วงลึก เรื่องยาว คุและกรุ่นตลอดเวลา อาจจะเพราะฝ่ายตรงข้ามที่กำลังตามล้างตามเช็ดอยู่นี้ มีฤทธิ์มากและสร้างความเคลื่อนไหวตลอดเวลา ทำให้ข่าวคาว เอ๊ย ข่าวคราวของไทยมีสีสันขึ้นมาก สำหรับคอข่าวการเมืองโดยเฉพาะคนที่ชอบอ่านข่าวฝรั่งเขียนเกี่ยวกับเมืองไทย คงชินกับคำว่า Junta Junta ที่มีความหมายว่า คณะทหารที่ยึดอำนาจรัฐมาด้วยรถถังและปืนกล อะไรทำนองนั้น เช่น เมื่อพูดถึง ชนชั้นปกครองพม่า ที่เรารู้จักกันในนาม สล็อก นักข่าวฝรั่งจะเรียกว่า the SLORC junta หรือ Burmese junta หรือ the military junta in Burma หรือ Myanmar จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลังเหตุการณ์ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ใหม่ๆ จะมีคำว่า coup d'etat และคำว่า Junta โผล่ขึ้นมาในหัวข้อข่าวเกี่ยวกับไทยแทบทุกวัน และยืดยาวมาจนเข้าเดือนที่ ๕ คำว่า coup d'etat นั้น ( รวมทั้งคำย่อที่เรียกว่า coup ) ออกเสียงว่า คูป์เดทา หรือเรียกสั้น ๆ ว่า คูป์ เพราะตัว p ไม่ออกเสียง คำว่า "รัฐประหาร" นี้จริงๆแล้วไม่มีในภาษาอังกฤษแท้หรอก แต่ขอยืมมาจากภาษาฝรั่งเศส ผู้อ่านคงทราบกันดีโดยทั่วไปแล้วว่า coup d'etat ตรงกับภาษาไทย (ที่ใครบัญญัติขึ้นมาก็ไม่ทราบ?) ว่า รัฐประหาร ซึ่งแปลว่า การล้มรัฐบาลอย่างฉับพลันและใช้ความรุนแรง เป็นศัพท์ในเชิงการเมืองการปกครอง เป็นการใช้กำลังทหารเพื่อเปลี่ยนแปลงผู้นำรัฐบาล โดยระบอบการปกครองยังคงเดิม บ้างก็ว่า หมายถึง การล้มล้าง การใช้กำลังเข้ายึดอำนาจการปกครองรัฐในขณะนั้นอย่างฉับพลันจากรัฐบาลโดยไม่เป็นไปตามวิถีทางที่รัฐธรรมนูญกำหนด แม้ว่าหลังเหตุการณ์ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ หนังสือพิมพ์ทุกฉบับจะพาดหัวข่าวว่า ปฏิวัติ ก็ตาม แต่จริงๆแล้ว ปฏิวัติ กับ รัฐประหาร นั้นต่างกันมาก อย่าใช้สับสน คำว่า ปฏิวัติ เป็นคำสูง ตรงกับภาษาอังกฤษว่า revolution หมายถึง การเปลี่ยนรูปแบบหรือระบอบการปกครองประเทศ จากรูปแบบหนึ่ง ไปสู่อีกรูปแบบหนึ่ง เปลี่ยนแปลงมูลฐานระบอบการปกครองอย่างสิ้นเชิงเช่น การปฏิวัติฝรั่งเศส เป็นการเปลี่ยนจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ไปสู่ระบอบประชาธิปไตย การปฏิวัติจีนก็เปลี่ยนจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ไปสู่ ระบอบสังคมนิยม จริงๆแล้ว การปฏิวัติในประเทศไทยเคยเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น คือ เมื่อปี ๒๔๗๕ เปลี่ยนจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็น ระบอบประชาธิปไตยที่พระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยคณะราษฎร นับจากวันนั้น กว่าจะมาถึงวัน ประเทศไทยผ่านเหตุการณ์รัฐประหารมาแล้ว ๙ ครั้ง และมีเหตุการณ์ที่เรียกว่ากบฏ ( Rebellion) แล้ว ๑๒ ครั้ง 1.กบฎ ร.ศ.130 2.กบฎบวรเดช (11 ตุลาคม 2476) 3.กบฎนายสิบ (3 สิงหาคม 2478) 4.กบฏพระยาทรงสุรเดช หรือกบฏ 18 ศพ (29 มกราคม 2482) 5. กบฎเสนาธิการ (1 ตุลาคม 2491) 6.กบฏแบ่งแยกดินแดน (พฤศจิกายน 2491) 7.กบฏวังหลวง (26 กุมภาพันธ์2492) 8.กบฏแมนฮัตตัน (29 มิถุนายน 2494) 9.กบฏสันติภาพ (8 พฤศจิกายน 2497) 10.กบฎ 26 มีนาคม 2520 11.กบฎยังเตอร์ก (1-3 เมษายน 2524) 12.กบฏทหารนอกราชการ (9 กันยายน 2528) ลองเข้าไปอ่านในเว็ปที่เขียนถึง outlook สรุปข้อมูลพื้นฐานของไทย ในปีเก่าๆเดิมจะเรียกว่า ประเทศไทยมีระบบการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยเขียนว่า Government Constitutional Monarchy เฉยๆ ตามด้วยพระนามพระมหากษัตริย์ ในฐานะประมุขแห่งรัฐ และชื่อนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล หลัง ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ฝรั่งเรียกประเทศไทย ว่ามีระบอบการปกครองแบบ Constitutional Monarchy under military junta Constitutional Monarchy เป็นคำเดิม แต่ตอนนี้ เขาเติมคำสร้อยลงไปว่า " under military junta" และมีการเพิ่มชื่อตำแหน่งและชื่อตัวของประธาน คมช.ลงไป กลายเป็นดังนี้ "Government : Constitutional Monarchy under military junta - King : HM The King Bhumibol Adulyadej - Prime Minister : General Surayud Chulanont - President of the Council of National Security : General Sonthi Boonyaratglin" วันนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะเอามะพร้าวห้าวมาขายจระเข้ เอ๊ย ขายสวน แต่ตั้งใจจะชวนอ่าน ชวนดูคำว่า Junta โผล่ขึ้นมาในหัวข้อข่าวทุกวัน และอยากให้ผู้อ่านสังเกต วิธีการพาดหัวข่าว การโปรยหัวข่าวของสื่อต่างชาติว่าสะท้อนการเมืองไทย ยุคหลังรัฐประหารปีจออย่างไร เขาคิดอย่างไร เขามองเราอย่างไร อันคำว่า junta อาจพบทั้งใช้เดี่ยวๆ หรือ ใช้ควบกลายเป็นคำว่า military junta junta ออกเสียงว่า ฮุน-ท่า เป็นคำในภาษาสเปน มีรากเหง้าเดิมแท้ๆ แปลว่าคณะกรรมการ (a board of directors, committee, council) แต่ความหมายในภาษาอังกฤษ ที่ใช้กันตามหน้าหนังสือพิมพ์ เป็นความหมายใหม่ หมายถึง คณะเผด็จการทหาร (Military dictatorship) รัฐบาลที่ปกครองโดยทหารหรืออำนาจทหาร (a form of government wherein the political power resides with the military ) เรามาสำรวจอารมณ์จากหัวข้อข่าวกันดู คำว่า Military junta หรือ ruling junta หรือ coup junta เริ่มปะปนในหัวข้อข่าวเกี่ยวกับไทยมากขึ้น เช่น Nicholas Farrelly จาก The Nation ฉบับ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๔๙ เขียนบทความชื่อว่า Thai junta supremo lectures on democracy. junta supremo ถ้าจะให้แปล ก็โขกออกมาตรงๆ พอได้ว่า คณะทหารผู้กุมอำนาจสูงสุด แม้นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้บริหารประเทศแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็เป็นทางนิตินัย (de jure) เท่านั้น โดยพฤตินัย (de facto) ประธาน คมช.ต่างหากล่ะ ที่เป็นผู้มีอำนาจสูงสุด จนได้รับนามเรียกขานว่า junta supremo เพราะสามารถเลคเชอร์เรื่องประชาธิปไตยได้เป็นฉากๆ ทั้งๆที่เพิ่ง ฉีกรัฐธรรมนูญ Thai junta which has staged a coup, torn up the 1997 constitution and destroyed democracy ช่วงหลังรัฐประหารหมาดๆ และ กำลังออกประกาศคณะ คปค.ฉบับแล้วฉบับเล่า หากสำรวจจากหัวข้อข่าว จะเป็นแบบนี้ The Thai military launched a coup against Prime Minister Thaksin Shinawatra on Tuesday night. The head of Thai military junta is a muslim! และบางฉบับ บอกว่า เมืองไทยเปลี่ยนแปลงมากจากรัฐบาลพลเรือนที่ฉ้อฉลบ้าอำนาจ สู่ รัฐบาลทหาร เมืองไทยเดินถอยหลังเข้าคลองแท้ๆ (turned back the clock ) Thailand has simply changed tunnels, from one of an abusive civilian prime minister to that of a junta that turned back the clock on Thai democracy. ช่วงนั้น คปค.ให้สัมภาษณ์และสัญญาว่าจะกลับกรมกองโดยเร็ว พาดหัวข่าวในช่วงนั้น เป็นแบบนี้ The junta promised to quickly step back and return the country to civilian และช่วงที่ คปค. ยังคุมตัวบุคคลจากรัฐบาลเก่า ๔ คน มุมมองฝรั่งว่า Four members of Thai's ousted administration have been detained. ต่อมามีการชี้แจงเหตุผลของการยึดอำนาจ มุมมองฝรั่งเป็นอย่างนี้ จึงเขียนว่า The National Security Council is reported to be set to publish a 35-page White Paper laying out the military's reasons for overthrowing PM Thaksin. และเมื่อ คณะ คปค.บอกว่าจะยุติบทบาทลงหลังตั้งนายกรัฐมนตรีได้ ก็รู้ทันและเขียนว่า Thai junta to stay after naming PM โปรยหัวข่าวในช่วงหลังรัฐประหาร กำลังห้ามโน่น ห้ามนั่น สำรวจจากหัวข้อข่าว จะเป็นแบบนี้ Thailand's new military rulers said they have assumed the duties of parliament and banned meetings by all political parties. บางฉบับเขียนว่า The leaders of Thailand's coup ban all meetings and other activities by political parties, two days after taking power. บางฉบับเขียนว่า - The junta has cracked down on political freedom, including free speech, - The new Thai junta has taken the next step after their unconstitutional coup, banning all meetings and other activities by political parties - Thailand's junta today announced a ban on political meetings and barred the establishment of new parties. The declaration, made on all Thai television - Thai junta further undermines press freedom by closing radio stations อันนำมาสู่ การลดบทบาท ลดความร้อนแรงทางการเมืองของตัวเองของบรรดาเว็บมาสเตอร์ที่ดูแลเว็บบอร์ดสำหรับคอการเมืองเว็บต่างๆ Junta clamps down on websites "In the wake of September 19, many Thai Web discussion boards were blocked or ordered to self-censor ลองอ่านโปรยหัวข่าวในช่วงสัปดาห์แรกตั้งนายก สำรวจจากหัวข้อข่าว จะเป็นแบบนี้ Former General May Be Thailand's New Prime Minister - Thai military junta refuses to release his name for the time being. บางฉบับเขียนว่า Thailand's ruling junta drew up a four-man shortlist, including former WTO head บางฉบับเขียนว่า The junta's leader said today that the Thai military would remain in an advisory role after naming a civilian prime minister. แม้กระทั่งช่วงที่ตั้งนางงามมาเป็นโฆษก คณะ คปค. ก็พาดหัวข่าวในเมื่อ ๒๗ กันยายน ว่า The Thai Junta's PR Coup: Women, Smiles and Free Markets. Thailand's new junta is trying to soften its image, using a former beauty queen to make announcements, assigning female troops to help keep the peace in Bangkok and telling its soldiers to smile. ข่าวในช่วงต้นเดือนตุลาคม หลังตั้งนายกได้ใหม่ๆและการแปลงสภาพ คปค. เป็น คมช. สำรวจจากหัวข้อข่าว จะเป็นแบบนี้ Still, the junta, which has renamed itself the Council for National Security (CNS), is coming under close scrutiny and a measure of skepticism. The Thai military junta strengthened its grip over the weekend by appointing a retired general as the new "civilian" prime minister เมื่อพูดถึง ครม. ฝรั่งเขาจะเรียกว่า รัฐบาลชั่วคราวทุกทีไป นี่คือสายตาฝรั่ง the military-appointed government…หรือ....2006 interim civilian government เมื่อพูดถึง รัฐมนตรี เขาจะเรียกว่า The Minister which was appointed by a junta that came to power in mid-September coup…เมื่อพูดถึงการตั้ง ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ Thai parliament elects ruling junta's legal adviser as its speaker. เมื่อพูดถึงการยกเลิกกฎอัยการศึกหรือไม่ อย่างไร The military junta in control of Thailand says martial law is still necessary for 35 of the country's 76 provinces. ใน New York Times ถึงกับตั้งหัวข้อของ อดีตนายก ไว้ ใน nytimes Times Topics > People > T > Thaksin Shinawatra ลองแวะเข้าไปดูได้ อย่างนาย Seth Mydans (November 23, 2006 http://topics.nytimes.com/top/reference/timestopics/people/t/thaksin_shinawatra/index.html World News) เขียนบทความชื่อ Out of Office, but Neither Out of Sight Nor Out of Mind โดยโปรยว่า Thailand' s deposed prime minister seems to be having a better time than the generals who ousted him, who are struggling to control the country he left behind. พาดหัวข่าวในช่วงปลายปีจนถึงเดือนมกราคม ๒๕๕๐ ทั้งเดือน ช่วงนั้นกำลังมีการออกนโยบายเศรษฐกิจ ออกมาตรการต่างๆกันอุตลุต หัวข้อข่าวจะเป็นแนวนี้คือ เล่นงานเรื่องทำระบบเศรษฐกิจหัวทิ่มและค่าเงินหัวตำ Just three months after seizing power, Thai junta under fire over economic policies. บ้าง Thai Junta Stumbles on the Baht บ้าง ราวกุมภาพันธ์ ช่วงที่ลือสะพัดเรื่องปฏิวัติซ้อน ฝรั่งเขาเขียนอย่างนี้ Thailand junta denies coup rumors. ช่วงที่ไทยระหองระแหงกับประเทศเพื่อนบ้าน นำไปสู่การตีข่าวว่ามีการดักฟังโทรศัพท์ สำรวจจากหัวข้อข่าวอ่านได้ดังนี้ Military fears that Singapore's government might be trying to tap its mobile phones. The Thai junta, which ousted prime minister Thaksin Shinawatra in September, has reportedly reverted to using walkie-talkies after voicing concerns over the foreign ownership of Thai telecom firms. ฉบับนี้ถึงกับเรียกอาการนี้ว่า Paranoid ใครจะแปลว่าอย่างไรไม่ทราบ แต่คำที่ชอบคือ สติแตก Paranoid Thai junta to dump cell phones for walkie-talkies Military fears that Singapore's government might be trying to tap its mobile phones. Thai junta censoring CNN's interview with Thaksin 16 January 2007 เมื่อถอนพาสปอร์ตทูตของอดีตผู้นำ ก็เป็นข่าว Thai Junta Revokes Ousted Prime Minister's Diplomatic Passport. พาดหัวข่าวในช่วงหลังเหตุการณ์ระเบิด ๙ จุด ในค่ำคืนวันส่งท้ายปี ประเทศไทยก็ดังอีกแล้ว แทบทุกฉบับเขียนว่า Thailand's junta chief has blamed politicians from the country's ousted government for the deadly bombings that rocked Bangkok on New Years Eve พาดหัวข่าวในช่วงปลายกลาง-ปลาย มกราคม ๒๕๕๐ เป็นแบบนี้และแบบนี้ Thailand's military leaders on 15 January moved to block CNN broadcasts of the cable BANGKOK, Jan. 31 -- The leader of Thailand's ruling military junta vowed Wednesday to hold democratic elections before the end of the year พาดหัวข่าวในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๐ ทั้งเดือน ช่วงที่รัฐบาลมีคะแนนนิยมที่เปลี่ยนแปลงไป ข่าวจะเป็นแบบนี้ So far, the Thai public doesn't appear too rattled. Although a local poll showed the junta Cabinet's popularity plunging from 90% to 48% since October, บางฉบับบอกว่า The junta — the latest in a series of military governments in Thailand's the military is out to reshape the Thai political system to suit itself. เมื่อ พูดถึง สสร.และ การร่างรัฐธรรมนูญ ฝรั่งก็ว่า Therefore, the Thai junta will handpick the people who will draft the constitution. If the junta is not satisfied, it can still veto. พาท่านทัวร์อ่านข่าวมามากพอสมควรแก่เวลาแล้ว ก็พอจะสรุปว่า ประเทศไทยที่ไม่น่าสนใจและไม่มีอะไรน่าสนใจนักในสายตาฝรั่ง ขณะนี้เริ่มน่าสนใจมากขึ้น ข่าวของไทยมีสีสันขึ้นมากและสามารถแย่งชิงพื้นที่ข่าวมาได้มากขึ้น น่าเสียใจนิดเดียวคือว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้อ่านข่าวเหล่านี้ โดยเฉพาะหลายอย่าง หลายประเด็น ที่ไม่นึกว่าฝรั่งเขาจะสนใจ ก็ได้รับความสนใจมาก เรียกว่าไม่ตกข่าวเลย คนไทยเสียอีกเสพแต่สื่อไทย ตกข่าวในหลายกรณีและได้รับข่าวสารในมุมมองเดียว น่าสงสารประเทศไทยจริงๆ **************************



*หมายเหตุ งานเขียนชิ้นนี้ ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิทางปัญญา โดยลิขสิทธิเป็นของผู้เขียน ที่ให้เกียรตินำเผยแพร่ผ่าน วิชาการ.คอม เรามีความยินดีและอนุญาตให้ทำซ้ำหรือเผยแพร่ต่อเพื่อประโยชน์ทางการศึกษาเท่านั้น กรุณาให้เกียรติผู้เขียน โดยอ้างชื่อผู้เขียนและ วิชาการ.คอม (www.vcharkarn.com) ทุกครั้งที่ทำการเผยแพร่ต่อ ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อในสื่อที่เอื้อประโยชน์ทางธุรกิจก่อนได้รับอนุญาต ขอขอบคุณที่ร่วมกันช่วยสร้างให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งปัญญา

ออสเตรเลียห้ามประยุทธเข้าประเทศ จนกว่าจะสละอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้ง

  

 


 

LAST UPDATE : MAY 31, 2014  08:00 P.M.   PACIFIC TIME

 

 

 

 

 


 

 

วัดนวมินทรราชูทิศพร้อม

 

จัดประชุมใหญ่สมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา

 

11-15 มิถุนายน ศกนี้

 

 

พิธียิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 50 ปี

ของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา

 

ใครไม่ไปก็เสียดายเด้อ

 

 


 

ถนนทุกสายมุ่งสู่วัดนวมินทร์

 

 

กดที่ภาพ เพื่อเข้าสู่เว็บไซต์ วัดนวมินทรราชูทิศ นครบอสตัน

 

 

 

ปูโผล่ !

 

 

โชว์ภาพกอดน้องไปป์บนเฟสบุ๊ค

 

ขอบคุณแฟนๆ

 

แต่..งดแสดงความเห็นทางการเมือง

 

เป็นเรื่องแปลกแต่จริง !

 

 

ตระกูลชินวางมือทางการเมืองแล้วหรือไร

หรือว่า

รอเลือกตั้งรอบใหม่ ในอีก 1 ปีข้างหน้า ?

 

 

 

 

 

 

 

 

ภาพ..วันวานยังหวานอยู่

 

 






 

 

กดที่ภาพเพือฟังเพลง "เจ็บนิดเดียว" ของนิตยา บุญสูงเนิน

 

 

 

ที่มา : เฟสบุ๊คยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
1 มิถุนายน 2557


 

 

 

 

USG. ไม่รับรู้แผนบิ๊กตู่ !

 

 

บอกจะทำอะไรไม่สน สนก็แต่เลือกตั้ง

 

ดังนั้น ทหารต้องสละอำนาจให้ประชาชน

 

 

Right Now !

 

แปลว่า ทันที  มิใช่ปีหน้า นะจ๊ะ

 

 

อ๊ะๆ..คืนได้ไง ถ้าคิดจะคืนจะยึดมาทำไม ปลดข้าราชการไปตั้งมากมาย เสียของหมดสิ จริงไหม บอกแล้วไงว่า ผมผูกเชือกรองเท้าแล้ว ต้องเดินหน้าต่อไปให้สุดหนทาง เว้นเสียแต่ว่าเชือกผูกรองเท้าจะขาด ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้นะ เพราะผมก็มิใช่หมอดูจะได้รู้อนาคต บอกแล้วไงว่าให้ช่วยผมด้วย เพราะผมมิใช่เจ้าของประเทศ แต่เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศเท่านั้นเอง เอางี้สิฮะ รับไปก่อน แล้วค่อยแก้ไขภายหลัง เหมือนรัฐธรรมนูญ ปี 50 ถึงตอนนั้น ถ้าแก้ไข เราก็ใช้กำลังปฏิวัติอีก ตั้งข้อหา "เปลี่ยนแปลงการปกครองขัดกับหลักรัฐธรรมนูญ" เมื่อฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งแล้ว ทหารก็จะร่าง รธน.ฉบับใหม่ ออกมาใช้ต่อไป และต่อไป เขียนรัฐธรรมนูญแบบนี้ ปฏิวัติทีไรได้รับดอกไม้ทุกที

 

 

 

 

 

 

 

 

สหรัฐ ไม่รับโรดแม็ป 15 เดือนของ คสช. จี้กองทัพเร่งจัดเลือกตั้ง

วันที่ 31 พ.ค. สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า นายชัค เฮเกล รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา กล่าวในที่ประชุมสุดยอดความมั่นคงเอเชียที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีผู้แทนจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย สมาชิกอาเซียน และสหรัฐเข้าร่วมว่า สหรัฐขอเรียกร้องให้ กองทัพไทยจัดการเลือกตั้งในทันที 

รวมถึงปล่อยตัวบุคคลทางการเมือง และนักเคลื่อนไหวที่ยังอยู่ในการกักกันตัว หลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคสช. แถลงว่าจะใช้เวลานานกว่า 15 เดือนจึงจะจัดการเลือกตั้งได้

นายเฮเกลระบุว่า กองทัพไทยควรยุติการลิดรอนเสรีภาพในการสื่อสารและแสดงความคิดเห็น ถึงเวลาแล้วที่กองทัพจะคืนอำนาจให้แก่ประชาชนชาวไทยผ่านการเลือกตั้งที่มีความยุติธรรม ตามระบอบประชาธิปไตย 

 

 

 

 

ที่มา : ข่าวสด
1 มิถุนายน 2557


 

 

 

 

ปิดไฟใส่กลอน !

 

 

ออสเตรเลียห้ามประยุทธเข้าประเทศ

 

จนกว่าจะสละอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้ง

 

 

อา..ถ้างั้นก็หมายถึงว่า ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ (พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา) หรือหัวหน้ารัฐบาล (นายกรัฐมนตรี) รวมทั้งคณะรัฐมนตรี ที่มาจากการปฏิวัติในครั้งนี้ ถูกรัฐบาลออกเตรเลียคว่ำบาตรไปแล้ว 1 ราย เหลือบิ๊กๆ อีกไม่กี่ราย เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมันนี จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย อินเดีย เป็นต้น ถ้าส่งสัญญาณพร้อมๆ กัน ซัก 4-5 ประเทศ ก็ทำเอาแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของ คสช. เพื่อช่วงชิงอำนาจประชานิยมจากทักษิณเป็นหมันนะสิฮะ แหมจะค้าจะขายมันเกี่ยวอะไรกับการเมือง และเอ้อ นี่ขนาดยังไม่ได้ปราบม็อบตายไปซักคนนะ พวกนานาชาติมันสุมหัวกันเล่นงานบิ๊กตู่ซะโอนเอน ถ้ามีรูปปราบม็อบไปโชว์ รับรองว่าบิ๊กตู่โดนรุมกินโต๊ะแน่ !

 

 

 

 

 

จริงหรือจ๊ะ ไม่อยากเชื่อหูเลย

 

 

แต่โทษเถิดครับ ผมผูกเชือกรองเท้าแล้ว

ต้องออกเดินทันที ไม่มีหันหลัง

 

 

 

 

 

 

รัฐบาลออสเตรเลีย ออกแถลงลดระดับความสัมพันธ์กับผู้นำกองทัพ คสช.เร่งชี้แจง

 

เมื่อ 31 พ.ค. เว็บไซต์ "อย่างเป็นทางการ" ของกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย ออกแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีต่างประเทศ และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม มีเนื้อหาระบุว่า รัฐบาลออสเตรเลียแสดงความไม่เห็นด้วยกับท่าทีของกองทัพไทยที่แทรกแซงการเมืองในประเทศ พร้อมประกาศลดความร่วมมือกับกองทัพไทย และลดระดับความสัมพันธ์กับผู้นำกองทัพไทย

 


สำหรับ มาตรการเฉพาะหน้า ของรัฐบาลออสเตรเลีย คือยกเลิกการอบรมเรื่องต่างๆ ที่กองทัพออสเตรเลียจัดให้กองทัพไทย 
แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ แถลงการณ์พูดถึงการดำเนินการ เพื่อไม่ให้ผู้นำรัฐประหารเดินทางเข้าออสเตรเลียอย่างเด็ดขาด

 


อย่างไรก็ตามด้วยความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานของทั้งสองประเทศทางการออสเตรเลียหวังว่า สถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว และประเทศไทยมีการปกครองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งออสเตรเลียยินดีปรับระดับความสัมพันธ์กลับสู่ภาวะปกติอีกครั้ง

 

พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก   กล่าวถึงท่าทีของต่างประเทศ ว่า   ขณะนี้ยังไม่เห็นเอกสารอย่างเป็นทางการของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งข้อมูลที่ได้รับยังไม่ใช้ข้อมูลที่เป็นทางการเป็นเพียงข้อมูลผ่านสื่อเท่านั้น ทาง คสช.ยังไม่มั่นใจว่า ข้อมูลที่ออกมามีความน่าเชื่อถือแค่ไหน ซึ่งกระบวนการในขณะนี้ ทางคสช.และกระทรวงการต่างประเทศพยายามเร่งทำความเข้าใจ ซึ่งเท่าที่ได้ตามช่าวสารผ่านสื่อต่างๆก็ได้เห็นหลายแนวทางซึ่งมีทั้งเชิงบวกและลบ 
  
พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า การชี้แจงกับต่างประเทศถือเป็นเรื่องสำคัญ เข้าใจว่าเมื่อเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น ซึ่งหลักการของแต่ละประเทศก็จะต้องมีการปฏิบัติการตามกฏหมาย ดังนั้น  คิดว่าสิ่งสำคัญที่จะช่วยได้ก็คือ สื่อมวลชน ไม่ว่าจะเป็นสื่อไทยและต่างประเทศต้องพยายามรายงานสถานการณ์ในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะถูกมองว่ามีการรัฐประหาร แต่ว่าความเป็นรู้ของประชาชนคนไทยยังสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติ ไม่ได้มีปัญหาต่อมาตรการต่างๆ หากส่วนคนที่มีปัญหา คือคนที่ไม่หวังดีและมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสถานการณ์ ฉะนั้น ขอวิงวอนให้สื่อช่วยรายงานสถานการณ์เพื่อให้ต่างประเทศได้เข้าใจ

 

 

 

 

ที่มา : มติชน
1 มิถุนายน 2557


 

 

 

 

แก้ประวัติสังฆราช !

 

ส.ศิวลักษณ์วิพากษ์ประวัติอดีตพระสังฆราช

 

"ไม่มีมหาสา 18 ประโยค"

 

 

 

 

ส.ศิวลักษณ์ กูรูวงการพระ

 

 

อ้างพระบรมราชโองการ "ไม่มีมหาสา 18 ประโยค อย่างเป็นทางการ" มีแต่ประวัติบอกเล่า "กรรมการสอบเห็นเณรสาทำลับๆ ล่อๆ เลยโดนสั่งให้สอบใหม่" และสอบได้ 18 ประโยคจริงๆ แต่สอบได้ในตอนเป็นเณร มิใช่สึกแล้วกลับมาบวช-สอบใหม่ เหมือนใครต่อใครเล่า  แถมท้า ใครมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็เอามายืนยัน จะถอนคำพูด

 

อุ๋ยตาย เรื่องใหญ่ในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาเชียวนะคะ เพราะว่า พระมหาสานั้น ถือว่าเป็นระดับซีเนียของธรรมยุต เพราะเป็นศิษย์ของพระภิกษุวชิรญาณ (สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) รุ่นแรก ที่ย้ายจากวัดราชาธิวาสไปอยู่วัดบวรนิเวศวิหาร ภายหลังได้เป็นถึงสมเด็จพระสังฆราช และประวัติเรื่องนี้ นักเรียนบาลีก็รู้กันทุกคน แต่จะรู้ลึกรู้จริงเหมือนอาจารย์ ส.ศิวลักษณ์เล่าหรือไม่ ก็ไม่มีใครทราบ เพราะไม่มีใครเอาไปออกข้อสอบ อย่างไรก็ตาม ตามที่อาจารย์ ส. เล่าให้ฟังนั้น มันก็น่าฟัง เพราะท่านอ้างพระบรมราชโองการว่า "ให้พระอาจารย์สา วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระสาสนโสภณ ที่พระราชาคณะ" ถามว่า วัดบวรนิเวศวิหาร มีประวัติอย่างเป็นทางการไหม ??

 

 

 

 

 


 

 

 

 

ที่มา : เฟสบุ๊ค ส.ศิวลักษณ์
31 พฤษภาคม 2557


 

 

 

แก้ พรบ. คณะสงฆ์ !

 

ส.ศิวลักษณ์ จี้ "คสช." ต่อยอดภารกิจหลัก

 

อยากให้การเมืองมีคุณธรรม ต้องอย่าลืมวงการสงฆ์

เพราะพระสงฆ์คือผู้แสดงธรรม

 

ถ้าแสดงผิด ก็ผิดตั้งแต่ต้นธาตุต้นธรรม

จะนำไป "สวรรค์" หรือ "นรก" ก็อยู่ที่พระสงฆ์

 

ดังกรณี "ธุดงค์บนกุหลาบ" ที่ผิดเพี้ยน

 

แก้ตรงนี้ไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าจะไปถึงไหน

 

 

 

 

 

 

การจะปรับให้ระบบการศึกษาดีขึ้น รวมถึงการคณะสงฆ์ด้วย

แต่เกรงว่าทัศนะดังกล่าว คงไม่อยู่ในสายตา ของคนที่มีอำนาจในบัดนี้
 

 

 

 

 

การรัฐประหารครั้งล่าสุด ณ วันที่ 24 พฤษภาคม 2557 นี้ ดูจะใช้บทเรียนจากความล้มเหลวของคราวที่แล้ว อย่างน่าทึ่ง เช่น 

1) เริ่มจากการประกาศกฎอัยการศึกก่อน แล้วจึงประกาศยึดอำนาจอีกสองวันต่อมา แม้วุฒิสภาก็สั่งล้มเลิกลงภายหลัง แสดงว่าประกาศอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ที่คนๆ เดียว แล้วจึงค่อยกราบบังคมทูลพระกรุณา และรับพระราชโองการโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ 26 นี้เอง โดยไม่มีประธานองคมนตรีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และไม่มีการไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วยประการใดๆ ทั้งนี้ เพื่อกันความครหานินทาถึงราชสำนักให้เห็นว่าทหารคิดการทำกันเอง โดยที่ใครจะเชื่อความข้อนี้แค่ไหนเป็นอีกประเด็นหนึ่ง

2) คราวนี้ ไม่มีการตั้งนายกรัฐมนตรีให้มาบริหารราชการแผ่นดินแทนคณะรัฐประหาร ซึ่งเรียกชื่ออย่างสั้นๆ เพียงว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ คสช. ตั้งธงเพื่อทำลายอำนาจของทักษิณ ชินวัตรอย่างฉับพลันด้วยการย้ายปลัดประทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้หมดอำนาจลง รวมถึงการโยกย้ายนายตำรวจคนสำคัญๆ สายทักษิณ รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ ด้วย ถ้าสามารถทำให้ทักษิณและคณะหมดอำนาจไปจากทางราชการงานเมือง จะเป็นความสำเร็จของ คสช. ดังที่การรัฐประหารคราวที่แล้วล้มเหลวด้วยประการทั้งปวง (ส่วนการย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นั้น เท่ากับเป็นการได้แต้มอย่างง่ายๆ)

3) การบริหาราชการโดยเฉพาะก็ทางด้านเศรษฐกิจและการคลังที่เอานักวิชาการที่สามารถมาร่วมด้วยนั้น นับว่าน่าจับตามองดัง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล กับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นั้นอยู่คนละขั้ว แต่ก็ซื่อสัตย์สุจริตและมีความสามารถด้วยกันทั้งคู่ ถ้าทำงานร่วมกันได้ โดยนายทหารใหญ่รับฟังทัศนคติของบุคคลทั้งสอง น่าจะเป็นผลดี ยังนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ ก็เป็นนักวิชาการที่มีจุดยืนทางจริยธรรม ที่มีความสามารถด้วยเช่นกัน แม้การไปเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลหลังรัฐประหารคราวที่แล้ว จะไม่ประสบผลสำเร็จก็ตาม อยากทราบว่าจะมีเทคโนแครตที่ซื่อสัตย์และสามารถอย่างอาจหาญ มาร่วมกับ คสช. อีกกี่คน นอกเหนือพวกเนติบริกร ซึ่งรับใช้เผด็จการทุกคณะ


4) ที่พึงตราเอาไว้ ก็คือคณะผู้บริหารดังกล่าว จะกล้าตีไปที่โครงสร้างทางสังคมอันอยุติธรรมได้เพียงไหน มีทางเข้าใจถึงความยากไร้ของคนส่วนใหญ่เพียงใด และมีทางที่จะเรียนรู้จากภูมิปัญญาชาวบ้านบ้างหรือไม่ โดยที่ต้องตราเอาไว้ทีเดียวว่านโยบายของทักษิณและยิ่งลักษณ์นั้นเป็นไปแต่ในทางประชานิยมเท่านั้น หากยังเป็นการซ่อนเร้นความทุจริตไว้อย่างหมกเม็ดอีกด้วย ไม่ว่าจะเรื่องจำนำข้าวหรือการซื้อรถยนต์คันแรกโดยได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ซึ่งเป็นการสนับสนุนบริษัทค้ารถยนต์ เพิ่มการจราจรติดขัด ตลอดจนเป็นพิษเป็นภัยกับระบบนิเวศยิ่งนัก

ทราบว่า คสช. มีนโยบายให้ทำถนนหรือเขื่อนรอบๆ กรุงเทพฯ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง นี่ก็คือความหายนะอย่างแท้จริง ดังที่ยิ่งลักษณ์อนุมัติเงินจำนวนมหาศาล เพื่อทำเขื่อนต่างๆ โดยอ้างว่าเพื่อเอาชนะอุทกภัย นั่นเป็นความเลวร้ายอย่างสุดๆ ถ้าจะทำอะไรให้ราชธานีแห่งนี้ ควรลอกแม่น้ำเจ้าพระยาและคูคลองต่างๆ ที่โยงถึงกันให้เมืองกรุงมีศักดิ์ศรีสมกับเป็นเมืองของพระแก้วมรกต จะอย่างไรก็ตาม งานพวกนี้ควรขอประชามติด้วยจึงจะควร

5) การตั้งศาลทหารนั้นเป็นดาบสองคม ถ้าจะช่วยให้กระบวนการยุติธรรมดีขึ้น นั่นเป็นสาระที่สำคัญอันควรใช้ทั้งสติและปัญญา ตลอดจนขันติธรรม เฉกเช่น การจะปรับให้ระบบการศึกษาดีขึ้น 
รวมถึงการคณะสงฆ์ด้วย แต่เกรงว่าทัศนะดังกล่าวคงไม่อยู่ในสายตาของคนที่มีอำนาจในบัดนี้

6) การเชิญคนไปพบ หรือไปกักตัวนั้น ดูจะบานปลายไปทุกๆ ที ดีไม่ดีนี่จะเป็นระบอบแมกคาที ดังที่ปรากฏมาแล้ว ณ สหรัฐอเมริกา น่าจะหลีกเลี่ยงให้ทันท่วงที และที่สหรัฐฯตัดความช่วยเหลือในช่วงนี้ นั่นก็เป็นเพียงเกมการเมืองในระยะสั้น เพราะสหรัฐฯอุดหนุนรัฐบาลเผด็จการมาแล้วแทบทั้งนั้น ไม่ว่าจะสุฮาโต้แห่งอินโดนีเซีย หรือ ส. ธนะรัชต์ แห่งไทยแลนด์

7) จิตสำนึกของผู้นำ คสช. ในเวลานี้ ดีร้ายจะเอาอย่าง ส. ธนะรัชต์ ก็ได้ แต่อย่าลืมนะว่าแม้คนๆ นั้นจะเลวร้ายเพียงใด และบ้ากามเพียงไหน แต่เขาก็มีความฉลาดเฉลียวมิใช่น้อย ทั้งยังมีกุนซือที่สามารถยิ่งนัก แม้คน ๆ นั้นจะปราศจากศีลธรรมจรรยาเอาเลย แต่คนๆ นั้นก็ช่วยให้จอมเผด็จการผ้าขาวม้าแดง หาคนดีมีฝีมือมารับใช้บ้านเมืองได้อย่างควรแก่การก้มหัวให้ เช่น ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ทางด้านเศรษฐกิจการคลัง และทวี บุณยเกตกับระบบรัฐสภา แม้นั่นจะใช้เวลากว่า 10 ปี จึงจะร่างรัฐธรรมนูญเสร็จก็ตาม

8) การสั่งให้มอบเงินแก่ชาวนาอันเรื้อมานานจากการจำนำข้าวนั้น คสช. ได้ใบชมสมกับอภิสิทธิ์ของการรัฐประหาร ดังเมื่อรัฐประหารครั้งแรกในปี พ.ศ.2490 ก็สั่งลดราคาโอเลี้ยง น้ำแข็ง ฯลฯ โดยได้แต้มอย่างรวดเร็ว และผู้นำคณะรัฐประหารกล่าวหาว่ารัฐบาลก่อนหน้านั้นทุจริต แต่แล้วคณะรัฐประหารก็ทุจริตยิ่งกว่านั้นมากมายหลายเท่านัก

9) หวังว่าการร่างรัฐธรรมนูญคราวนี้และการตั้งรัฐบาลพลเรือนคราวนี้ คงไม่เลวร้ายหรือล่าช้าดังสมัย ส. ธนะรัชต์ และการทำลายล้างปัญญาชนตลอดจนนักการเมืองที่คิดต่างไปจากกระแสหลัก คงจะไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างโหดเหี้ยมเลวร้ายดังสมัย ส. ธนะรัชต์ เช่นกัน

10) พระราชบัญญัติการปกครองคณะสงฆ์ ที่ ส. ธนะรัชต์ ให้ตราออกมา เมื่อ พ.ศ.2505 นั้น คือต้นตอแห่งความหายนะของสถาบันสงฆ์ ถ้าไม่แก้ไขประเด็นนี้ให้ถึงแก่น การพระศาสนาจะฟื้นตัวขึ้นไม่ได้เลย
 


ส.ศ.ษ.

 

 

ที่มา : เฟสบุ๊ค ส.ศิวลักษณ์
31 พฤษภาคม 2557


 

 

 

 

 

เปิดหนังสือรายงานตัว !

 

 

พระนิติภูมิ อภินิติโก

 

 

ถึง..พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา

หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

 

 

เล่นสำนวนโดนใจแม้ว

 

"อาตมาหวังว่า คสช.จะยึดอำนาจไว้ไม่นาน"

 

มิน่า คสช. ถึงต้องการตัวทั้งผ้าเหลือง

 

 

 

 

 

พระนิติภูมิ อภินิติโก

พระธรรมยุตหนึ่งเดียวที่ถูกคำสั่ง คสช. ให้รายงานตัว

 

 

 

 

 

จดหมายรายงานตัว

พระนิติภูมิ อภินิติโก วัดบวรนิเวศวิหาร

 

      
เจริญพร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

สิ่งที่ส่งมาด้วย หนังสือรับรองการบรรพชาอุปสมบท

ของสมเด็จพระวันรัต รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร


       
วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2557 อาตมาบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ นิติภูมิ ฉายา อภินิติโก ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร โดยมีสมเด็จพระวันรัตเป็นพระอุปัชฌาย์ พระราชสุมนต์มุนี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระราชมุนี เป็นพระอนุสาวนาจารย์
       
เมื่อบรรพชาอุปสมบทแล้ว อาตมาศึกษาพระปริยัติธรรม ณ วัดบวรนิเวศวิหาร และเดินทางไปสาธารณรัฐอินเดีย และสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2557 เพื่อบูชาสังเวชนียสถานทั้ง 4 ตามมหาปรินิพพานสูตร พระไตรปิฎก
       
อาตมาบรรพชาอุปสมบท วันที่ 7 ซึ่งเป็นห้วงเวลาก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 อันเป็นวันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติยึดอำนาจการปกครองถึง 15 วัน
       
อาตมาเดินทางจากสาธารณรัฐอินเดียมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อเวลา 19.35 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 ข้อความแรกที่อาตมาได้รับในโทรศัพท์มือถือก็คือ มีปฏิวัติรัฐประหารอุบัติขึ้นในราชอาณาจักรไทยเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา อาตมาก็ปฏิบัติบำเพ็ญธรรมอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร
       
อาตมามีหนังสือฉบับนี้เจริญพรถึงโยม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะ เพื่อขอเลื่อนการรายงานตัวออกไปก่อน หากมีเหตุจำเป็นอะไรที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะต้องสอบสวนอาตมา อาตมาก็ขอว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะส่งเจ้าหน้าที่มาสอบอาตมาที่คณะเขียวบวร วัดบวรนิเวศวิหาร"
       
นอกจากนี้ ในจดหมายยังระบุว่า "อาตมาเคยรับราชการเป็นผู้บังคับหมวดตำรวจตระเวนชายแดน ก่อนลาออกจากราชการมาดำเนินงานทางการเมือง อาตมาได้รับพระราชทานยศ ร้อยตำรวจเอก อาตมาใช้ยศพระราชทานนี้เสมอ และไม่ใคร่พอใจหากใครเรียกขานอาตมาในกิจธุระทางโลกว่านายนิติภูมิ นวรัตน์ แทนร้อยตำรวจเอก นิติภูมิ นวรัตน์ ดังเช่นในคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 36/2557 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ซึ่งมีชื่อทางโลกของอาตมาในลำดับที่ 4 ว่า นายนิติภูมิ นวรัตน์ คำสั่งนี้ลงนามโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เช่นเดียวกัน หากมีใครเอ่ยถึงโยม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าคือ นายประยุทธ์ จันทร์โอชา อาตมาก็คิดว่าโยมคงจะไม่ชอบและคงจะเทอดทูน หวงแหน รักษา ยศพระราชทานเช่นเดียวกับอาตมา
       
ท้ายนี้ อาตมาหวังว่าการรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่นำโดยโยม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะใช้เวลาไม่นาน และในห้วงเวลาดังกล่าว คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะได้นำความสงบ ความเจริญ มาสู่ประเทศชาติราชอาณาจักรไทย อันเป็นที่รักยิ่งของพวกเราทุกคน


       
เจริญพร
       
พระอภินิติโก
คณะเขียวบวร วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
30 พฤษภาคม พ.ศ.2557

 

 

 

 

ที่มา : ผู้จัดการ
31 พฤษภาคม 2557


 

 

 

 

ฮือฮา !

 

 

นิติภูมิ นวรัตน์ อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย

 

ห่มเหลืองเข้ารายงานตัวต่อ คสช.

 

โชว์หนังสือสุทธิ ระบุชื่อพระอุปัชฌาย์

 

"สมเด็จพระวันรัต"

วัดบวรนิเวศวิหาร เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุติกนิกาย

 

 

 

 

 

 

สมเด็จพระวันรัต

วัดบวรนิเวศวิหาร เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุติกนิกาย

พระอุปัชฌาย์ของพระนิติภูมิ นวรัตน์

 

 

 

 

 

อาตมา-พระนิติภูมิ อภินิติโก

บวชก่อนเบียด เอ๊ย ก่อนปฏิวัติ นะจ๊ะ อย่าเข้าใจผิดว่าบวชการเมือง

 

 

 

 

'นิติภูมิ นวรัตน์' ห่มผ้าเหลืองเข้ารายงานตัว คสช. หอบเอกสารยืนยันหลักฐานการบวชตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. มาแสดง ขอทหารใช้เวลาไม่นานรักษาความสงบบ้านเมือง ด้าน 'โคทม-แกนนำแดง' ทยอยรายงานตัวคึกคัก

 

เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติมในวันนี้ จำนวน 45 คน ที่ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก โดยแยกให้รายงานตัวในช่วงเช้าตั้งแต่เวลา10.00-12.00 น. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแกนนำเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ จ.นนทบุรีปทุมธานี ภาคเหนือและอีสานบางส่วน นักการเมืองท้องถิ่น นักจัดรายการวิทยุชุมชนสมาชิกสมาคมชาวปักษ์ใต้ อดีต ส.ส.นักวิชาการ ประกอบด้วย

 

1. น.ส.จิรนันท์ จันทวงษ์ แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนา ประชาธิปไตย จังหวัดเชียงใหม่

2. นายณัฐชัย อินทราย

3. นายเมธี หรือนายนิติธาดา เมธาสุข ดีเจเสื้อแดง จ.พะเยา

4. นายเจริญ ปัญญาวงศ์

5. นายมหวรรณกะวัง แกนนำเสื้อแดงเชียงใหม่ และนายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยรุ่น "บัวเกี๋ยง" ร่วมรุ่นกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

6. น.ส.อุบลกาญจน์ อมรสิน ดีเจวิทยุชุมนุมเสื้อแดง จ.อุบลราชธานี 

7. นายไพรัช สร้างถิ่น

8. นายชัชวาล กาญจนะหุต พิธีกรรายการทีวีเสื้อแดง

9. นายเฉลิมพล เจษฎางกูล ณ อยุธยา หรือผาสุข นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองลาดสวาย จ.ปทุมธานี

10. นายสมชาติ นาคบรรจง เสื้อแดงปทุมธานี และจัดวิทยุชุมชน

11. นายชาญไชยะ ดีเจวิทยุชุมชน กวป.

12. นายวุฒินันท์ ปราบนอก

13. น.ส.สกุล บางระมาด

14. นายไพรวรรณ์ สีน้ำอ้อม

15. นายประเทือง ภิญโญ

16. นายพงศ์พิศิษฐ์ คงเสนา หรือเล็กบ้านดอน แกนนำวิทยุ กวป.

17. นายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย

18. นายสมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรีเทศบาลนครนนทบุรี

19. นายสมบูรณ์ สิมะแสงยาภรณ์ อดีตคนเดือนตุลาฯ อดีตที่ปรึกษา รมว.คมนาคม สมัยนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เป็น รมว.คมนาคม

20. นายโคทม อารียา ผอ.สำนักสันติวีธี ม.มหิดล

21. นายนิติภูมิ นวรัตน์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย

22. นายสมบัติ เฉลิมวุฒินันท์

23. นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม

24. น.ส.อภิรดี สุพรรณ

25. นายประเสริฐทองนุ่ม

26. นายสุนทร ลิ้มพิกุล ที่ปรึกษาชมรมทักษิณสัมพันธ์

27. นายประวิทย์ ใจห้าว

28. นายอาน่า วิภูสมิธ กรรมการสมาคมชาวปักษ์ใต้

29. นายณรงค์ แก้วพรพงษ์

30. พ.ต.อ.(พิเศษ) พินิจ ไชยเสนีย์ สมาคมชาวปักษ์ใต้

31. นายชัยมงคล เสน่หานายกสมาคมศิษย์เก่ารามคำแหง

32. นายอนุศักดิ์ อนุการ นายกสมาคมศิษย์เก่ารามคำแหง

33. นายสุวิชา พานิชผล อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัท พลังงานบริสุทธ์

34. น.ส.สายลม กาบบัวแดง

35. นายโยธิน ศรีจันทร์เทพ

36. นพ.สง่า คุณยศยิ่ง แกนนำ นปช.ปราจีนบุรี

37. ร.อ.ทองทศ มากสาคร อบจ.สระแก้ว และ นปช.สระแก้ว

38. นางมณีรัตน์ โกธันต์ ประธานนปช.สระแก้ว

39. นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย

40. นายปิยะบุตร พรหมลักขโณ อดีตรองนายกฯ อบจ.ขอนแก่น

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทั่งเวลา 11.15 น. นายโคทมได้เดินทางเข้ารายงานตัวตามคำสั่ง คสช. โดยมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมโบกทักทายสื่อมวลชนด้วย จากนั้นเวลา 11.40 น. ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ ได้เดินทางเข้ารายงานตัวด้วยพร้อมผู้ติดตาม ซึ่งได้สร้างความฮือฮาให้กับสื่อมวลชนที่ปักรอทำข่าวอย่างมาก เนื่องจาก ร.ต.อ.นิติภูมิได้บวชเป็นพระภิกษุ ฉายาว่า อภินิติโก โดยได้นำเอกสารรับรองการบรรพชาอุปสมบทของสมเด็จพระวันรัต เป็นพระอุปัชฌาย์ รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดวัดบวรนิเวศวิหารมอบต่อ คสช. เป็นการยืนยันการอุปสมบท พร้อมแจกจ่ายสำเนาเอกสารดังกล่าวให้กับสื่อมวลชนด้วย  โดยหนังสือดังกล่าวชี้แจงว่า ได้ทำการบวชเมื่อวันที่7 พ.ค. ที่ผ่านมาก่อนที่ คสช.จะมีคำสั่งเรียกรายงานตัวเป็นเวลา 15 วัน ซึ่งในระหว่างนั้นได้เดินทางไปศึกษาพระปริยัติธรรมที่ประเทศอินเดีย และเนปาล และเดินทางกลับมาถึงเมื่อวันที่ 22 พ.ค. และได้จำวัดอยู่ที่วัดบวรฯ ตั้งแต่นั้นมา

 

ดังนั้น หากมีความจำเป็นที่ คสช. ต้องการสอบสวนก็จะขอให้ คสช. ส่งเจ้าหน้าที่มาสอบได้ที่วัดบวรนิเวศฯ อย่างไรก็ตาม หวังว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้า คสช. จะใช้เวลาไม่นานในการรักษาความสงบและแก้ไขปัญหาบ้านเมือง

 

 

 

ข่าว : เดลินิวส์
30 พฤษภาคม 2557