วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ออสเตรเลียห้ามประยุทธเข้าประเทศ จนกว่าจะสละอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้ง

  

 


 

LAST UPDATE : MAY 31, 2014  08:00 P.M.   PACIFIC TIME

 

 

 

 

 


 

 

วัดนวมินทรราชูทิศพร้อม

 

จัดประชุมใหญ่สมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา

 

11-15 มิถุนายน ศกนี้

 

 

พิธียิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 50 ปี

ของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา

 

ใครไม่ไปก็เสียดายเด้อ

 

 


 

ถนนทุกสายมุ่งสู่วัดนวมินทร์

 

 

กดที่ภาพ เพื่อเข้าสู่เว็บไซต์ วัดนวมินทรราชูทิศ นครบอสตัน

 

 

 

ปูโผล่ !

 

 

โชว์ภาพกอดน้องไปป์บนเฟสบุ๊ค

 

ขอบคุณแฟนๆ

 

แต่..งดแสดงความเห็นทางการเมือง

 

เป็นเรื่องแปลกแต่จริง !

 

 

ตระกูลชินวางมือทางการเมืองแล้วหรือไร

หรือว่า

รอเลือกตั้งรอบใหม่ ในอีก 1 ปีข้างหน้า ?

 

 

 

 

 

 

 

 

ภาพ..วันวานยังหวานอยู่

 

 






 

 

กดที่ภาพเพือฟังเพลง "เจ็บนิดเดียว" ของนิตยา บุญสูงเนิน

 

 

 

ที่มา : เฟสบุ๊คยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
1 มิถุนายน 2557


 

 

 

 

USG. ไม่รับรู้แผนบิ๊กตู่ !

 

 

บอกจะทำอะไรไม่สน สนก็แต่เลือกตั้ง

 

ดังนั้น ทหารต้องสละอำนาจให้ประชาชน

 

 

Right Now !

 

แปลว่า ทันที  มิใช่ปีหน้า นะจ๊ะ

 

 

อ๊ะๆ..คืนได้ไง ถ้าคิดจะคืนจะยึดมาทำไม ปลดข้าราชการไปตั้งมากมาย เสียของหมดสิ จริงไหม บอกแล้วไงว่า ผมผูกเชือกรองเท้าแล้ว ต้องเดินหน้าต่อไปให้สุดหนทาง เว้นเสียแต่ว่าเชือกผูกรองเท้าจะขาด ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้นะ เพราะผมก็มิใช่หมอดูจะได้รู้อนาคต บอกแล้วไงว่าให้ช่วยผมด้วย เพราะผมมิใช่เจ้าของประเทศ แต่เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศเท่านั้นเอง เอางี้สิฮะ รับไปก่อน แล้วค่อยแก้ไขภายหลัง เหมือนรัฐธรรมนูญ ปี 50 ถึงตอนนั้น ถ้าแก้ไข เราก็ใช้กำลังปฏิวัติอีก ตั้งข้อหา "เปลี่ยนแปลงการปกครองขัดกับหลักรัฐธรรมนูญ" เมื่อฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งแล้ว ทหารก็จะร่าง รธน.ฉบับใหม่ ออกมาใช้ต่อไป และต่อไป เขียนรัฐธรรมนูญแบบนี้ ปฏิวัติทีไรได้รับดอกไม้ทุกที

 

 

 

 

 

 

 

 

สหรัฐ ไม่รับโรดแม็ป 15 เดือนของ คสช. จี้กองทัพเร่งจัดเลือกตั้ง

วันที่ 31 พ.ค. สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า นายชัค เฮเกล รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา กล่าวในที่ประชุมสุดยอดความมั่นคงเอเชียที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีผู้แทนจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย สมาชิกอาเซียน และสหรัฐเข้าร่วมว่า สหรัฐขอเรียกร้องให้ กองทัพไทยจัดการเลือกตั้งในทันที 

รวมถึงปล่อยตัวบุคคลทางการเมือง และนักเคลื่อนไหวที่ยังอยู่ในการกักกันตัว หลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคสช. แถลงว่าจะใช้เวลานานกว่า 15 เดือนจึงจะจัดการเลือกตั้งได้

นายเฮเกลระบุว่า กองทัพไทยควรยุติการลิดรอนเสรีภาพในการสื่อสารและแสดงความคิดเห็น ถึงเวลาแล้วที่กองทัพจะคืนอำนาจให้แก่ประชาชนชาวไทยผ่านการเลือกตั้งที่มีความยุติธรรม ตามระบอบประชาธิปไตย 

 

 

 

 

ที่มา : ข่าวสด
1 มิถุนายน 2557


 

 

 

 

ปิดไฟใส่กลอน !

 

 

ออสเตรเลียห้ามประยุทธเข้าประเทศ

 

จนกว่าจะสละอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้ง

 

 

อา..ถ้างั้นก็หมายถึงว่า ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ (พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา) หรือหัวหน้ารัฐบาล (นายกรัฐมนตรี) รวมทั้งคณะรัฐมนตรี ที่มาจากการปฏิวัติในครั้งนี้ ถูกรัฐบาลออกเตรเลียคว่ำบาตรไปแล้ว 1 ราย เหลือบิ๊กๆ อีกไม่กี่ราย เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมันนี จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย อินเดีย เป็นต้น ถ้าส่งสัญญาณพร้อมๆ กัน ซัก 4-5 ประเทศ ก็ทำเอาแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของ คสช. เพื่อช่วงชิงอำนาจประชานิยมจากทักษิณเป็นหมันนะสิฮะ แหมจะค้าจะขายมันเกี่ยวอะไรกับการเมือง และเอ้อ นี่ขนาดยังไม่ได้ปราบม็อบตายไปซักคนนะ พวกนานาชาติมันสุมหัวกันเล่นงานบิ๊กตู่ซะโอนเอน ถ้ามีรูปปราบม็อบไปโชว์ รับรองว่าบิ๊กตู่โดนรุมกินโต๊ะแน่ !

 

 

 

 

 

จริงหรือจ๊ะ ไม่อยากเชื่อหูเลย

 

 

แต่โทษเถิดครับ ผมผูกเชือกรองเท้าแล้ว

ต้องออกเดินทันที ไม่มีหันหลัง

 

 

 

 

 

 

รัฐบาลออสเตรเลีย ออกแถลงลดระดับความสัมพันธ์กับผู้นำกองทัพ คสช.เร่งชี้แจง

 

เมื่อ 31 พ.ค. เว็บไซต์ "อย่างเป็นทางการ" ของกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย ออกแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีต่างประเทศ และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม มีเนื้อหาระบุว่า รัฐบาลออสเตรเลียแสดงความไม่เห็นด้วยกับท่าทีของกองทัพไทยที่แทรกแซงการเมืองในประเทศ พร้อมประกาศลดความร่วมมือกับกองทัพไทย และลดระดับความสัมพันธ์กับผู้นำกองทัพไทย

 


สำหรับ มาตรการเฉพาะหน้า ของรัฐบาลออสเตรเลีย คือยกเลิกการอบรมเรื่องต่างๆ ที่กองทัพออสเตรเลียจัดให้กองทัพไทย 
แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ แถลงการณ์พูดถึงการดำเนินการ เพื่อไม่ให้ผู้นำรัฐประหารเดินทางเข้าออสเตรเลียอย่างเด็ดขาด

 


อย่างไรก็ตามด้วยความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานของทั้งสองประเทศทางการออสเตรเลียหวังว่า สถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว และประเทศไทยมีการปกครองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งออสเตรเลียยินดีปรับระดับความสัมพันธ์กลับสู่ภาวะปกติอีกครั้ง

 

พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก   กล่าวถึงท่าทีของต่างประเทศ ว่า   ขณะนี้ยังไม่เห็นเอกสารอย่างเป็นทางการของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งข้อมูลที่ได้รับยังไม่ใช้ข้อมูลที่เป็นทางการเป็นเพียงข้อมูลผ่านสื่อเท่านั้น ทาง คสช.ยังไม่มั่นใจว่า ข้อมูลที่ออกมามีความน่าเชื่อถือแค่ไหน ซึ่งกระบวนการในขณะนี้ ทางคสช.และกระทรวงการต่างประเทศพยายามเร่งทำความเข้าใจ ซึ่งเท่าที่ได้ตามช่าวสารผ่านสื่อต่างๆก็ได้เห็นหลายแนวทางซึ่งมีทั้งเชิงบวกและลบ 
  
พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า การชี้แจงกับต่างประเทศถือเป็นเรื่องสำคัญ เข้าใจว่าเมื่อเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น ซึ่งหลักการของแต่ละประเทศก็จะต้องมีการปฏิบัติการตามกฏหมาย ดังนั้น  คิดว่าสิ่งสำคัญที่จะช่วยได้ก็คือ สื่อมวลชน ไม่ว่าจะเป็นสื่อไทยและต่างประเทศต้องพยายามรายงานสถานการณ์ในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะถูกมองว่ามีการรัฐประหาร แต่ว่าความเป็นรู้ของประชาชนคนไทยยังสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติ ไม่ได้มีปัญหาต่อมาตรการต่างๆ หากส่วนคนที่มีปัญหา คือคนที่ไม่หวังดีและมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสถานการณ์ ฉะนั้น ขอวิงวอนให้สื่อช่วยรายงานสถานการณ์เพื่อให้ต่างประเทศได้เข้าใจ

 

 

 

 

ที่มา : มติชน
1 มิถุนายน 2557


 

 

 

 

แก้ประวัติสังฆราช !

 

ส.ศิวลักษณ์วิพากษ์ประวัติอดีตพระสังฆราช

 

"ไม่มีมหาสา 18 ประโยค"

 

 

 

 

ส.ศิวลักษณ์ กูรูวงการพระ

 

 

อ้างพระบรมราชโองการ "ไม่มีมหาสา 18 ประโยค อย่างเป็นทางการ" มีแต่ประวัติบอกเล่า "กรรมการสอบเห็นเณรสาทำลับๆ ล่อๆ เลยโดนสั่งให้สอบใหม่" และสอบได้ 18 ประโยคจริงๆ แต่สอบได้ในตอนเป็นเณร มิใช่สึกแล้วกลับมาบวช-สอบใหม่ เหมือนใครต่อใครเล่า  แถมท้า ใครมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็เอามายืนยัน จะถอนคำพูด

 

อุ๋ยตาย เรื่องใหญ่ในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาเชียวนะคะ เพราะว่า พระมหาสานั้น ถือว่าเป็นระดับซีเนียของธรรมยุต เพราะเป็นศิษย์ของพระภิกษุวชิรญาณ (สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) รุ่นแรก ที่ย้ายจากวัดราชาธิวาสไปอยู่วัดบวรนิเวศวิหาร ภายหลังได้เป็นถึงสมเด็จพระสังฆราช และประวัติเรื่องนี้ นักเรียนบาลีก็รู้กันทุกคน แต่จะรู้ลึกรู้จริงเหมือนอาจารย์ ส.ศิวลักษณ์เล่าหรือไม่ ก็ไม่มีใครทราบ เพราะไม่มีใครเอาไปออกข้อสอบ อย่างไรก็ตาม ตามที่อาจารย์ ส. เล่าให้ฟังนั้น มันก็น่าฟัง เพราะท่านอ้างพระบรมราชโองการว่า "ให้พระอาจารย์สา วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระสาสนโสภณ ที่พระราชาคณะ" ถามว่า วัดบวรนิเวศวิหาร มีประวัติอย่างเป็นทางการไหม ??

 

 

 

 

 


 

 

 

 

ที่มา : เฟสบุ๊ค ส.ศิวลักษณ์
31 พฤษภาคม 2557


 

 

 

แก้ พรบ. คณะสงฆ์ !

 

ส.ศิวลักษณ์ จี้ "คสช." ต่อยอดภารกิจหลัก

 

อยากให้การเมืองมีคุณธรรม ต้องอย่าลืมวงการสงฆ์

เพราะพระสงฆ์คือผู้แสดงธรรม

 

ถ้าแสดงผิด ก็ผิดตั้งแต่ต้นธาตุต้นธรรม

จะนำไป "สวรรค์" หรือ "นรก" ก็อยู่ที่พระสงฆ์

 

ดังกรณี "ธุดงค์บนกุหลาบ" ที่ผิดเพี้ยน

 

แก้ตรงนี้ไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าจะไปถึงไหน

 

 

 

 

 

 

การจะปรับให้ระบบการศึกษาดีขึ้น รวมถึงการคณะสงฆ์ด้วย

แต่เกรงว่าทัศนะดังกล่าว คงไม่อยู่ในสายตา ของคนที่มีอำนาจในบัดนี้
 

 

 

 

 

การรัฐประหารครั้งล่าสุด ณ วันที่ 24 พฤษภาคม 2557 นี้ ดูจะใช้บทเรียนจากความล้มเหลวของคราวที่แล้ว อย่างน่าทึ่ง เช่น 

1) เริ่มจากการประกาศกฎอัยการศึกก่อน แล้วจึงประกาศยึดอำนาจอีกสองวันต่อมา แม้วุฒิสภาก็สั่งล้มเลิกลงภายหลัง แสดงว่าประกาศอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ที่คนๆ เดียว แล้วจึงค่อยกราบบังคมทูลพระกรุณา และรับพระราชโองการโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ 26 นี้เอง โดยไม่มีประธานองคมนตรีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และไม่มีการไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วยประการใดๆ ทั้งนี้ เพื่อกันความครหานินทาถึงราชสำนักให้เห็นว่าทหารคิดการทำกันเอง โดยที่ใครจะเชื่อความข้อนี้แค่ไหนเป็นอีกประเด็นหนึ่ง

2) คราวนี้ ไม่มีการตั้งนายกรัฐมนตรีให้มาบริหารราชการแผ่นดินแทนคณะรัฐประหาร ซึ่งเรียกชื่ออย่างสั้นๆ เพียงว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ คสช. ตั้งธงเพื่อทำลายอำนาจของทักษิณ ชินวัตรอย่างฉับพลันด้วยการย้ายปลัดประทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้หมดอำนาจลง รวมถึงการโยกย้ายนายตำรวจคนสำคัญๆ สายทักษิณ รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ ด้วย ถ้าสามารถทำให้ทักษิณและคณะหมดอำนาจไปจากทางราชการงานเมือง จะเป็นความสำเร็จของ คสช. ดังที่การรัฐประหารคราวที่แล้วล้มเหลวด้วยประการทั้งปวง (ส่วนการย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นั้น เท่ากับเป็นการได้แต้มอย่างง่ายๆ)

3) การบริหาราชการโดยเฉพาะก็ทางด้านเศรษฐกิจและการคลังที่เอานักวิชาการที่สามารถมาร่วมด้วยนั้น นับว่าน่าจับตามองดัง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล กับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นั้นอยู่คนละขั้ว แต่ก็ซื่อสัตย์สุจริตและมีความสามารถด้วยกันทั้งคู่ ถ้าทำงานร่วมกันได้ โดยนายทหารใหญ่รับฟังทัศนคติของบุคคลทั้งสอง น่าจะเป็นผลดี ยังนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ ก็เป็นนักวิชาการที่มีจุดยืนทางจริยธรรม ที่มีความสามารถด้วยเช่นกัน แม้การไปเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลหลังรัฐประหารคราวที่แล้ว จะไม่ประสบผลสำเร็จก็ตาม อยากทราบว่าจะมีเทคโนแครตที่ซื่อสัตย์และสามารถอย่างอาจหาญ มาร่วมกับ คสช. อีกกี่คน นอกเหนือพวกเนติบริกร ซึ่งรับใช้เผด็จการทุกคณะ


4) ที่พึงตราเอาไว้ ก็คือคณะผู้บริหารดังกล่าว จะกล้าตีไปที่โครงสร้างทางสังคมอันอยุติธรรมได้เพียงไหน มีทางเข้าใจถึงความยากไร้ของคนส่วนใหญ่เพียงใด และมีทางที่จะเรียนรู้จากภูมิปัญญาชาวบ้านบ้างหรือไม่ โดยที่ต้องตราเอาไว้ทีเดียวว่านโยบายของทักษิณและยิ่งลักษณ์นั้นเป็นไปแต่ในทางประชานิยมเท่านั้น หากยังเป็นการซ่อนเร้นความทุจริตไว้อย่างหมกเม็ดอีกด้วย ไม่ว่าจะเรื่องจำนำข้าวหรือการซื้อรถยนต์คันแรกโดยได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ซึ่งเป็นการสนับสนุนบริษัทค้ารถยนต์ เพิ่มการจราจรติดขัด ตลอดจนเป็นพิษเป็นภัยกับระบบนิเวศยิ่งนัก

ทราบว่า คสช. มีนโยบายให้ทำถนนหรือเขื่อนรอบๆ กรุงเทพฯ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง นี่ก็คือความหายนะอย่างแท้จริง ดังที่ยิ่งลักษณ์อนุมัติเงินจำนวนมหาศาล เพื่อทำเขื่อนต่างๆ โดยอ้างว่าเพื่อเอาชนะอุทกภัย นั่นเป็นความเลวร้ายอย่างสุดๆ ถ้าจะทำอะไรให้ราชธานีแห่งนี้ ควรลอกแม่น้ำเจ้าพระยาและคูคลองต่างๆ ที่โยงถึงกันให้เมืองกรุงมีศักดิ์ศรีสมกับเป็นเมืองของพระแก้วมรกต จะอย่างไรก็ตาม งานพวกนี้ควรขอประชามติด้วยจึงจะควร

5) การตั้งศาลทหารนั้นเป็นดาบสองคม ถ้าจะช่วยให้กระบวนการยุติธรรมดีขึ้น นั่นเป็นสาระที่สำคัญอันควรใช้ทั้งสติและปัญญา ตลอดจนขันติธรรม เฉกเช่น การจะปรับให้ระบบการศึกษาดีขึ้น 
รวมถึงการคณะสงฆ์ด้วย แต่เกรงว่าทัศนะดังกล่าวคงไม่อยู่ในสายตาของคนที่มีอำนาจในบัดนี้

6) การเชิญคนไปพบ หรือไปกักตัวนั้น ดูจะบานปลายไปทุกๆ ที ดีไม่ดีนี่จะเป็นระบอบแมกคาที ดังที่ปรากฏมาแล้ว ณ สหรัฐอเมริกา น่าจะหลีกเลี่ยงให้ทันท่วงที และที่สหรัฐฯตัดความช่วยเหลือในช่วงนี้ นั่นก็เป็นเพียงเกมการเมืองในระยะสั้น เพราะสหรัฐฯอุดหนุนรัฐบาลเผด็จการมาแล้วแทบทั้งนั้น ไม่ว่าจะสุฮาโต้แห่งอินโดนีเซีย หรือ ส. ธนะรัชต์ แห่งไทยแลนด์

7) จิตสำนึกของผู้นำ คสช. ในเวลานี้ ดีร้ายจะเอาอย่าง ส. ธนะรัชต์ ก็ได้ แต่อย่าลืมนะว่าแม้คนๆ นั้นจะเลวร้ายเพียงใด และบ้ากามเพียงไหน แต่เขาก็มีความฉลาดเฉลียวมิใช่น้อย ทั้งยังมีกุนซือที่สามารถยิ่งนัก แม้คน ๆ นั้นจะปราศจากศีลธรรมจรรยาเอาเลย แต่คนๆ นั้นก็ช่วยให้จอมเผด็จการผ้าขาวม้าแดง หาคนดีมีฝีมือมารับใช้บ้านเมืองได้อย่างควรแก่การก้มหัวให้ เช่น ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ทางด้านเศรษฐกิจการคลัง และทวี บุณยเกตกับระบบรัฐสภา แม้นั่นจะใช้เวลากว่า 10 ปี จึงจะร่างรัฐธรรมนูญเสร็จก็ตาม

8) การสั่งให้มอบเงินแก่ชาวนาอันเรื้อมานานจากการจำนำข้าวนั้น คสช. ได้ใบชมสมกับอภิสิทธิ์ของการรัฐประหาร ดังเมื่อรัฐประหารครั้งแรกในปี พ.ศ.2490 ก็สั่งลดราคาโอเลี้ยง น้ำแข็ง ฯลฯ โดยได้แต้มอย่างรวดเร็ว และผู้นำคณะรัฐประหารกล่าวหาว่ารัฐบาลก่อนหน้านั้นทุจริต แต่แล้วคณะรัฐประหารก็ทุจริตยิ่งกว่านั้นมากมายหลายเท่านัก

9) หวังว่าการร่างรัฐธรรมนูญคราวนี้และการตั้งรัฐบาลพลเรือนคราวนี้ คงไม่เลวร้ายหรือล่าช้าดังสมัย ส. ธนะรัชต์ และการทำลายล้างปัญญาชนตลอดจนนักการเมืองที่คิดต่างไปจากกระแสหลัก คงจะไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างโหดเหี้ยมเลวร้ายดังสมัย ส. ธนะรัชต์ เช่นกัน

10) พระราชบัญญัติการปกครองคณะสงฆ์ ที่ ส. ธนะรัชต์ ให้ตราออกมา เมื่อ พ.ศ.2505 นั้น คือต้นตอแห่งความหายนะของสถาบันสงฆ์ ถ้าไม่แก้ไขประเด็นนี้ให้ถึงแก่น การพระศาสนาจะฟื้นตัวขึ้นไม่ได้เลย
 


ส.ศ.ษ.

 

 

ที่มา : เฟสบุ๊ค ส.ศิวลักษณ์
31 พฤษภาคม 2557


 

 

 

 

 

เปิดหนังสือรายงานตัว !

 

 

พระนิติภูมิ อภินิติโก

 

 

ถึง..พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา

หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

 

 

เล่นสำนวนโดนใจแม้ว

 

"อาตมาหวังว่า คสช.จะยึดอำนาจไว้ไม่นาน"

 

มิน่า คสช. ถึงต้องการตัวทั้งผ้าเหลือง

 

 

 

 

 

พระนิติภูมิ อภินิติโก

พระธรรมยุตหนึ่งเดียวที่ถูกคำสั่ง คสช. ให้รายงานตัว

 

 

 

 

 

จดหมายรายงานตัว

พระนิติภูมิ อภินิติโก วัดบวรนิเวศวิหาร

 

      
เจริญพร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

สิ่งที่ส่งมาด้วย หนังสือรับรองการบรรพชาอุปสมบท

ของสมเด็จพระวันรัต รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร


       
วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2557 อาตมาบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ นิติภูมิ ฉายา อภินิติโก ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร โดยมีสมเด็จพระวันรัตเป็นพระอุปัชฌาย์ พระราชสุมนต์มุนี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระราชมุนี เป็นพระอนุสาวนาจารย์
       
เมื่อบรรพชาอุปสมบทแล้ว อาตมาศึกษาพระปริยัติธรรม ณ วัดบวรนิเวศวิหาร และเดินทางไปสาธารณรัฐอินเดีย และสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2557 เพื่อบูชาสังเวชนียสถานทั้ง 4 ตามมหาปรินิพพานสูตร พระไตรปิฎก
       
อาตมาบรรพชาอุปสมบท วันที่ 7 ซึ่งเป็นห้วงเวลาก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 อันเป็นวันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติยึดอำนาจการปกครองถึง 15 วัน
       
อาตมาเดินทางจากสาธารณรัฐอินเดียมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อเวลา 19.35 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 ข้อความแรกที่อาตมาได้รับในโทรศัพท์มือถือก็คือ มีปฏิวัติรัฐประหารอุบัติขึ้นในราชอาณาจักรไทยเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา อาตมาก็ปฏิบัติบำเพ็ญธรรมอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร
       
อาตมามีหนังสือฉบับนี้เจริญพรถึงโยม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะ เพื่อขอเลื่อนการรายงานตัวออกไปก่อน หากมีเหตุจำเป็นอะไรที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะต้องสอบสวนอาตมา อาตมาก็ขอว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะส่งเจ้าหน้าที่มาสอบอาตมาที่คณะเขียวบวร วัดบวรนิเวศวิหาร"
       
นอกจากนี้ ในจดหมายยังระบุว่า "อาตมาเคยรับราชการเป็นผู้บังคับหมวดตำรวจตระเวนชายแดน ก่อนลาออกจากราชการมาดำเนินงานทางการเมือง อาตมาได้รับพระราชทานยศ ร้อยตำรวจเอก อาตมาใช้ยศพระราชทานนี้เสมอ และไม่ใคร่พอใจหากใครเรียกขานอาตมาในกิจธุระทางโลกว่านายนิติภูมิ นวรัตน์ แทนร้อยตำรวจเอก นิติภูมิ นวรัตน์ ดังเช่นในคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 36/2557 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ซึ่งมีชื่อทางโลกของอาตมาในลำดับที่ 4 ว่า นายนิติภูมิ นวรัตน์ คำสั่งนี้ลงนามโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เช่นเดียวกัน หากมีใครเอ่ยถึงโยม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าคือ นายประยุทธ์ จันทร์โอชา อาตมาก็คิดว่าโยมคงจะไม่ชอบและคงจะเทอดทูน หวงแหน รักษา ยศพระราชทานเช่นเดียวกับอาตมา
       
ท้ายนี้ อาตมาหวังว่าการรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่นำโดยโยม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะใช้เวลาไม่นาน และในห้วงเวลาดังกล่าว คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะได้นำความสงบ ความเจริญ มาสู่ประเทศชาติราชอาณาจักรไทย อันเป็นที่รักยิ่งของพวกเราทุกคน


       
เจริญพร
       
พระอภินิติโก
คณะเขียวบวร วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
30 พฤษภาคม พ.ศ.2557

 

 

 

 

ที่มา : ผู้จัดการ
31 พฤษภาคม 2557


 

 

 

 

ฮือฮา !

 

 

นิติภูมิ นวรัตน์ อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย

 

ห่มเหลืองเข้ารายงานตัวต่อ คสช.

 

โชว์หนังสือสุทธิ ระบุชื่อพระอุปัชฌาย์

 

"สมเด็จพระวันรัต"

วัดบวรนิเวศวิหาร เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุติกนิกาย

 

 

 

 

 

 

สมเด็จพระวันรัต

วัดบวรนิเวศวิหาร เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุติกนิกาย

พระอุปัชฌาย์ของพระนิติภูมิ นวรัตน์

 

 

 

 

 

อาตมา-พระนิติภูมิ อภินิติโก

บวชก่อนเบียด เอ๊ย ก่อนปฏิวัติ นะจ๊ะ อย่าเข้าใจผิดว่าบวชการเมือง

 

 

 

 

'นิติภูมิ นวรัตน์' ห่มผ้าเหลืองเข้ารายงานตัว คสช. หอบเอกสารยืนยันหลักฐานการบวชตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. มาแสดง ขอทหารใช้เวลาไม่นานรักษาความสงบบ้านเมือง ด้าน 'โคทม-แกนนำแดง' ทยอยรายงานตัวคึกคัก

 

เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติมในวันนี้ จำนวน 45 คน ที่ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก โดยแยกให้รายงานตัวในช่วงเช้าตั้งแต่เวลา10.00-12.00 น. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแกนนำเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ จ.นนทบุรีปทุมธานี ภาคเหนือและอีสานบางส่วน นักการเมืองท้องถิ่น นักจัดรายการวิทยุชุมชนสมาชิกสมาคมชาวปักษ์ใต้ อดีต ส.ส.นักวิชาการ ประกอบด้วย

 

1. น.ส.จิรนันท์ จันทวงษ์ แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนา ประชาธิปไตย จังหวัดเชียงใหม่

2. นายณัฐชัย อินทราย

3. นายเมธี หรือนายนิติธาดา เมธาสุข ดีเจเสื้อแดง จ.พะเยา

4. นายเจริญ ปัญญาวงศ์

5. นายมหวรรณกะวัง แกนนำเสื้อแดงเชียงใหม่ และนายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยรุ่น "บัวเกี๋ยง" ร่วมรุ่นกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

6. น.ส.อุบลกาญจน์ อมรสิน ดีเจวิทยุชุมนุมเสื้อแดง จ.อุบลราชธานี 

7. นายไพรัช สร้างถิ่น

8. นายชัชวาล กาญจนะหุต พิธีกรรายการทีวีเสื้อแดง

9. นายเฉลิมพล เจษฎางกูล ณ อยุธยา หรือผาสุข นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองลาดสวาย จ.ปทุมธานี

10. นายสมชาติ นาคบรรจง เสื้อแดงปทุมธานี และจัดวิทยุชุมชน

11. นายชาญไชยะ ดีเจวิทยุชุมชน กวป.

12. นายวุฒินันท์ ปราบนอก

13. น.ส.สกุล บางระมาด

14. นายไพรวรรณ์ สีน้ำอ้อม

15. นายประเทือง ภิญโญ

16. นายพงศ์พิศิษฐ์ คงเสนา หรือเล็กบ้านดอน แกนนำวิทยุ กวป.

17. นายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย

18. นายสมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรีเทศบาลนครนนทบุรี

19. นายสมบูรณ์ สิมะแสงยาภรณ์ อดีตคนเดือนตุลาฯ อดีตที่ปรึกษา รมว.คมนาคม สมัยนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เป็น รมว.คมนาคม

20. นายโคทม อารียา ผอ.สำนักสันติวีธี ม.มหิดล

21. นายนิติภูมิ นวรัตน์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย

22. นายสมบัติ เฉลิมวุฒินันท์

23. นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม

24. น.ส.อภิรดี สุพรรณ

25. นายประเสริฐทองนุ่ม

26. นายสุนทร ลิ้มพิกุล ที่ปรึกษาชมรมทักษิณสัมพันธ์

27. นายประวิทย์ ใจห้าว

28. นายอาน่า วิภูสมิธ กรรมการสมาคมชาวปักษ์ใต้

29. นายณรงค์ แก้วพรพงษ์

30. พ.ต.อ.(พิเศษ) พินิจ ไชยเสนีย์ สมาคมชาวปักษ์ใต้

31. นายชัยมงคล เสน่หานายกสมาคมศิษย์เก่ารามคำแหง

32. นายอนุศักดิ์ อนุการ นายกสมาคมศิษย์เก่ารามคำแหง

33. นายสุวิชา พานิชผล อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัท พลังงานบริสุทธ์

34. น.ส.สายลม กาบบัวแดง

35. นายโยธิน ศรีจันทร์เทพ

36. นพ.สง่า คุณยศยิ่ง แกนนำ นปช.ปราจีนบุรี

37. ร.อ.ทองทศ มากสาคร อบจ.สระแก้ว และ นปช.สระแก้ว

38. นางมณีรัตน์ โกธันต์ ประธานนปช.สระแก้ว

39. นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย

40. นายปิยะบุตร พรหมลักขโณ อดีตรองนายกฯ อบจ.ขอนแก่น

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทั่งเวลา 11.15 น. นายโคทมได้เดินทางเข้ารายงานตัวตามคำสั่ง คสช. โดยมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมโบกทักทายสื่อมวลชนด้วย จากนั้นเวลา 11.40 น. ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ ได้เดินทางเข้ารายงานตัวด้วยพร้อมผู้ติดตาม ซึ่งได้สร้างความฮือฮาให้กับสื่อมวลชนที่ปักรอทำข่าวอย่างมาก เนื่องจาก ร.ต.อ.นิติภูมิได้บวชเป็นพระภิกษุ ฉายาว่า อภินิติโก โดยได้นำเอกสารรับรองการบรรพชาอุปสมบทของสมเด็จพระวันรัต เป็นพระอุปัชฌาย์ รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดวัดบวรนิเวศวิหารมอบต่อ คสช. เป็นการยืนยันการอุปสมบท พร้อมแจกจ่ายสำเนาเอกสารดังกล่าวให้กับสื่อมวลชนด้วย  โดยหนังสือดังกล่าวชี้แจงว่า ได้ทำการบวชเมื่อวันที่7 พ.ค. ที่ผ่านมาก่อนที่ คสช.จะมีคำสั่งเรียกรายงานตัวเป็นเวลา 15 วัน ซึ่งในระหว่างนั้นได้เดินทางไปศึกษาพระปริยัติธรรมที่ประเทศอินเดีย และเนปาล และเดินทางกลับมาถึงเมื่อวันที่ 22 พ.ค. และได้จำวัดอยู่ที่วัดบวรฯ ตั้งแต่นั้นมา

 

ดังนั้น หากมีความจำเป็นที่ คสช. ต้องการสอบสวนก็จะขอให้ คสช. ส่งเจ้าหน้าที่มาสอบได้ที่วัดบวรนิเวศฯ อย่างไรก็ตาม หวังว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้า คสช. จะใช้เวลาไม่นานในการรักษาความสงบและแก้ไขปัญหาบ้านเมือง

 

 

 

ข่าว : เดลินิวส์
30 พฤษภาคม 2557

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น