วันเสาร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2557

ศอ.รส. เตือนท่าทีปลัดทุกกระทรวง การให้การรับรองแกนนำ กปปส.

 

ศอ.รส. เตือนท่าทีปลัดทุกกระทรวง การให้การรับรองแกนนำ กปปส.

ศอ.รส. เตือนท่าทีปลัดทุกกระทรวง

https://www.youtube.com/watch?v=kSsUAIt2WE4

Published on Apr 9, 2014


ศอ.รส.เตรียมเรียกประชุมปลัดทุกกระทรวง หลังเทศกาลสงกรานต์ เพื่อตักเตือนท่าที
การให้การรับรองแกนนำ กปปส. เนื่องจากขัดต่อพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน

ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. เตรียมเชิญปลัดทุกกระทรวง 
เข้าร่วมการประชุมในวันที่ 17 เมษายนนี้ เวลา 14.00 น. เพื่อกำชับ ตักเตือน และทำความเข้าใจ 
ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พุทธศักราช 2551 ที่กำหนดให้ข้าราชการมีเสรีภาพ
ในการรวมกลุ่มได้ แต่ต้องไม่กระทบต่อประสิทธิภาพในทำงาน ต้องไม่มีวัตถุประสงค์ทางการเมือง 
ต้องสนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และ
ต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง

ซึ่ง ศอ.รส.เห็นว่าการที่แกนนำม็อบ กปปส. เดินสายเรียกร้องให้ข้าราชการเข้าร่วมการชุมนุม 
เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะนายสุเทพ เทือกสุบรรณกับพวก เป็นผู้กระทำผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ 
ที่มีหมายจับจากศาล พร้อมยกตัวอย่างการที่ปลัดกระทรวงยุติธรรมลงมาต้อนรับและให้การรับรอง 
และควรจะแจ้งให้พนักงานสอบสวนเข้าจับกุมดำเนินคดีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวกมากกว่า

นอกจากนี้ ศอ.รส. ยังเปิดเผยรายงานของบริษัท มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ที่ระบุถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญ 
วินิจฉัยให้การเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมูดีส์ระบุว่า 
คำวินิจฉัยดังกล่าวเป็นผลลบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของไทย และทำให้เกิดความเสี่ยงว่า 
ภาวะชะงักงันทางการเมืองจะยืดเยื้อต่อไปจนถึงครึ่งปีหลัง

นอกจากนี้ ยังรายงานข้อมูลจากธนาคารโลก ที่คาดการณ์ว่าในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะมีการขยายตัว
ต่ำที่สุดในอาเซียน อยู่ที่ไม่เกินร้อยละ 30 ขณะที่ประเทศในอาเซียน มีอัตราการเติบโต
เฉลี่ยร้อยละ 4.8 เนื่องจากการบริโภคและการลงทุนของไทย ยังอยู่ในระดับต่ำ เพราะปัญหาการเมือง

และล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. 
จะปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยอีกครั้ง จากเดิมที่คาดว่า
จะเติบโตร้อยละ ๓-๔ เนื่องจากปัญหาทางการเมืองเช่นกัน

 
ศอ.รส. จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นโดยเร็ว โดยเฉพาะองค์กร
ในกระบวนการยุติธรรม นอกจากนี้ ศอ.รส. ยังมีความเห็นว่า ควรมีการจัดการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด
และขอเรียกร้องประชาชนหยุดสนับสนุนกลุ่มการเมืองที่มีความขัดแย้งในขณะนี้






ซึ่งในการนี้ ทางโซเชี่ยลมีเดียก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน...


ข้าราชการกระทรวงเกษตร เปิดประตูรับ กปปส. เข้าไปคุยในสำนักปลัด ท้าทายคำสั่งรัฐบาล
ข้าราชการระดับสูง หลายกระทรวง ระดับปลัด เริ่มทะยอยเปิดประตูรับ กปปส 
เริ่มจาก สาธารณสุข ยุติธรรม กลาโหม มา เกษตร
มันบ่งบอกอะไรบ้าง ทำไมข้าราชการเริ่มขัดคำสั่งของรักษาการรัฐบาลกันหลายหน่วยงานแล้ว 
(สังเกตุคนในภาพ ด่วนจ้า)
...
เรื่องเกี่ยวข้อง...


นกหวีด (ทองคำ) นกรู้ ทำไม กำนันสุเทพ ไม่มอบให้ปลัดคนดี ไปเสียเลย ?




วันนี้   นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. พร้อมแกนนำ กปปส. เช่น นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย 
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นายชุมพล จุลใส และแกนนำคนอื่น ๆ นำกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. เคลื่อนขบวน
จากสวนลุมพินี ถึง กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี เพื่อเชิญชวนข้าราชการให้ร่วมต่อสู้ กับ กปปส. 
โดยข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข ต่างออกมาต้อนรับ โดยการโบกธงชาติละเป่านกหวีดเป็นจำนวนมาก 
ซึ่งแกนนำได้เข้าไปพูดคุยกับ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยนายสุเทพได้มอบ
นกหวีดทองคำให้แก่ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อแสดงสัญญลักษณ์ว่ากระทรวงสาธารณสุขอยู่ข้างประชาชน 
แต่เนื่องจากนกหวีดที่มอบให้นั้นราคาเกิน 3 พันบาทจึงไม่ได้มอบให้แก่ปลัดสาธารณสุขเป็นการส่วนตัว
แต่เป็นการมอบให้แก่กระทรวงสาธารณสุข

นกหวีดทองคำ ราคาเท่าไร แน่ ?  แต่ที่แน่ๆ ไม่มีใครกล้าเสี่ยง มอบและรับ !!!
 
สำหรับ กฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการให้ของขวัญแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ หลักๆ มีอยู่ 3 ฉบับ ประกอบด้วย

1. พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542  
มาตรา 103 บัญญัติว่า “ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคล นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย หรือกฎ ข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยา ตามหลักเกณฑ์และจำนวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด” ฉะนั้น ตามมาตรานี้ การให้ของขวัญแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถทำได้ตามเกณฑ์และตามมูลค่าที่ ปปช. ประกาศกำหนด โดยเกณฑ์ดังกล่าวใช้กับอดีตเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เพิ่งพ้นจากตำแหน่งไม่ถึงสองปีด้วย

2. ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง 
หลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. 2543

ประกาศ ปปช.ฉบับนี้ กำหนดว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด
โดยธรรมจรรยาได้ใน 3 กรณีหลักคือ 
(1) รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากญาติซึ่งให้โดยเสน่หาตามจำนวนที่เหมาะสมตามฐานานุรูป 
(2) รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลอื่นซึ่งมิใช่ญาติมีราคา
     หรือมูลค่าในการรับจากแต่ละบุคคล แต่ละโอกาสไม่เกินสามพันบาท 
(3) รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่การให้นั้นเป็นการให้ในลักษณะให้กับบุคคลทั่วไป

ทั้งนี้  การให้ของขวัญแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐกรณีผู้ให้ไม่ใช่ญาติโดยหลักๆ จะมีเกณฑ์ 2 ประการคือ 

ประการที่หนึ่งจะต้องเป็นการให้ “โดยธรรมจรรยา” เท่านั้น หมายความว่า เป็นการให้ทรัพย์สิน
หรือประโยชน์อื่นใดในโอกาสต่างๆ โดยปกติตามขนบธรรมเนียม ประเพณี หรือวัฒนธรรม 
หรือให้กันตามมารยาทที่ปฏิบัติกันในสังคม เช่น เทศกาลปีใหม่ เทศกาลสงกรานต์ 
งานแต่งงาน งานบวช งานประเพณีต่างๆ และ

ประการที่สอง ราคาหรือมูลค่าในการรับจากแต่ละบุคคล แต่ละโอกาสไม่เกิน 3,000 บาท

การให้ในโอกาสอื่นนอกเทศกาลแม้จะไม่เกิน 3,000 บาท หรือการให้ของขวัญในช่วงเทศกาล
ที่มีมูลค่าเกิน 3,000 บาทก็จะเข้าข่ายขัดกับประกาศ ปปช. ฉบับนี้

3. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้หรือรับของขวัญของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. 2544

สำหรับ ระเบียบสำนักนายกฯ เรื่องการให้หรือรับของขวัญ เป็นระเบียบที่ออกมาเพิ่มเติมประกาศ ปปช. 
โดยใช้บังคับกับเจ้าหน้าที่ของรัฐและบุคคลในครอบครัว (เช่น คู่สมรส บุตร บิดามารดา พี่น้อง) 
ของเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วย โดยกำหนดว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐจะรับของขวัญหรือให้ของขวัญแก่ผู้บังคับบัญชา
หรือบุคคลในครอบครัวของผู้บังคับบัญชา นอกเหนือจากกรณีปกติประเพณีนิยมที่มีการให้ของขวัญแก่กันมิได้ 
และจะให้และหรือรับของขวัญหรือรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่มีราคาหรือมูลค่าเกินจำนวนที่ ปปช. 
กำหนดคือ 3,000 บาท ไม่ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น