วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เชิญฟังอีกครั้ง : หญิงเสื้อแดงคนสุดท้ายเวทีการชุมนุม รปส.

 

วันจันทร์, พฤษภาคม 19, 2557

เชิญฟังอีกครั้ง : หญิงเสื้อแดงคนสุดท้ายเวทีการชุมนุม รปส.

 
https://www.youtube.com/watch?v=UQ5YOyF9QKQ

Uploaded on Mar 9, 2011
ผุสดี งามขำ อดีตพยาบาล
หญิงเสื้อแดงคนสุดท้ายที่นั่งถือธงอยู่หน้­าเวทีปราศรัยราชประสงค์
หลังแกนนำประกาศยุติการชุมนุมเธอไม่เห็นด้­วยที่มายุติตอนคนเสื้อแดงตายไปมากแล้ว
หากเลิกกลางคันเช่นนี้ คนที่ตายก็ต้องถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการ­ร้ายทันที
เธอคิดเพียงว่าเพื่อคนเสื้อแดงไม่ต้องตายเ­ปล่า
ควรรวมตัวกันอยู่ที่เวทีอย่างสงบเพื่อให้โ­ลกรู้ว่าคนเสื้อแดงไม่ได้เป็นผู้ก่อการร้า­ย
แต่หลังจากเสียงระเบิดและเสียงปืนดังใกล้เ­วทีต่อเนื่องแกนนำทั้งหมดกลับมอบตัว
ส่วนผู้ชุมนุมคนอื่นๆ ก็หนีไปด้วย
จึงตั้งใจว่าเมื่อครั้งหนึ่งเคยให้สัญญากั­บแกนนำคนหนึ่งไว้ว่า
"คนเสื้อแดงจะอยู่และตายร่วมกัน"­;
จึงตัดสินใจอยู่เพื่อรอจนกว่าทหารจะมาจับห­รือยิงเธอทิ้ง
...


ที่มา Voice TV

ผุสดี งามขำ เผยเหตุผลที่เธอไม่หนีเอาชีวิตรอดในวันที่เจ้าหน้าที่ทหารออกมาล้อมปราบประชาชนและขอคืนพื้นที่การชุมนุมของคนเสื้อแดงบริเวณสี่แยกราชประสงค์เมื่อวันที่19พฤษภาคม2553 เพราะสถานการณ์ตอนนั้นเธอรู้ดีว่าประชาชนต้องพ่ายแพ้เธอจึงขอสละชีวิตของตนเองเพื่อฟ้องให้ทั่วโลกได้รู้ว่าผืนแผ่นดินนี้ไม่มีความเป็นธรรม

จากบทเรียนความสูญเสียเมื่อสามปีที่แล้วทำให้ผุสดีได้เรียนรู้อีกทั้งเชื่อว่าประชาชนจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อของฝ่ายผู้มีอำนาจอีกต่อไปซึ่งหลังจากนี้การขับเคลื่อนของคนเสื้อแดงจะเข้มแข็งและรัดกุมขึ้น อาวุธของคนเสื้อแดงต่อจากนี้ไปคือช่องทางของกฎหมายและความถูกต้อง

การรวมตัวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงถือเป็นการรวมตัวทางการเมืองมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยขณะเดียวกันยังถือเป็นความสูญเสียของประชาชนผู้บริสุทธิ์มากที่สุดเช่นเดียวกัน ผุสดี งามขำกล่าวว่าผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวคือบทเรียนและประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่ควรค่าแก่การจารึกไว้ว่าประเทศไทยจะไม่มีประวัติศาสตร์นี้ซ้ำรอยขึ้นอีก

แม้วันนี้เป้าหมายของคนเสื้อแดงจะสำเร็จไปแล้วบางส่วนแต่ขบวนการขับเคลื่อนเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยยังคงอยู่วิธีการและแนวทางอาจถูกปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ จนหลายครั้งสมาชิกผู้ขับเคลื่อนเองรู้สึกไม่พอใจกับแนวทางที่แกนนำกำหนดทั้งนี้ ผุสดีได้ฝากถึงเพื่อนพ้องที่มีอุดมการณ์เดียวกันว่าความสำเร็จจำเป็นต้องอาศัยความสามัคคีและหนักแน่นจึงจะไปถึงจุดมุ่งหมายที่ตั้งใจไว้


แม้วันนี้ผุสดี งามขำผู้หญิงคนสุดท้ายหน้าเวทีการชุมนุมของคนเสื้อแดงสามรถรอดชีวิตจากการปราบปรามมาได้ซึ่งเธอขอใช้ลมหายใจที่มีอยู่เรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ผู้เสียชีวตและบาดเจ็บจนกว่าสังคมจะยอมรับและยกย่องให้พวกเขาเป็นวีรบุรุษ

ช็อตเด็ดวันนี้... อุต๊ะ ทหารม้า เพียบ!!!!

สุเทพ ถกเครียด แกนนำ สรส.-สหภาพทุกรัฐวิสาหกิจ แผนการทวงคืนอำนาจรัฐ (ที่มา มติชนออนไลน์)



ม้านั่ง นะคะ

Credit

สมชัย กกต. อย่า ชิกเก้น เสียก่อน...เอาที่ปรึกษามาให้หมด...


หมูเห็นตัวเองเป็นเสือ เมาอำนาจเข้าหน่อย คิดว่าตัวเองเก่ง 555

"นักวิชาการกลุ่มเล็กๆ" โถ ก็กลุ่มเล็กๆนี่แหละ กลุ่มใหญ่ๆ ของ กปปส.ไม่กล้าดีเบตด้วยซักราย

อย่ามาแถว่าใครจะออกค่าใช้จ่าย ขอให้รับคำท้าเถอะ เดี๋ยวจะไปบอก Voice ให้ หรือถ้าจะเล่นแง่ Voice ไม่เป็นกลาง ผมว่าสปริงนิวส์ เนชั่น ฯลฯ เขาเอาหมดแหละ เพราะเรตติ้งถล่มทลาย

แน่จริงอย่าเบี้ยวแล้วกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็อ้างว่ามติ กกต.ไม่เห็นด้วย แน่จริงก็เอาที่ปรึกษามาให้หมด ทั้งสมคิด เลิศไพฑูรย์, สุรพล นิติไกรพจน์


สุรพลนี่ต้องเจอปิยบุตรนะครับ ประกบคู่ไว้เลย 555


ooo

"สมชัย" รับคำท้าดีเบต นักวิชาการ สปป. ขอความชัดเจนกติกา - ข้องใจใครจ่ายค่าถ่ายทอดสด


ภายหลังจากนางพวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในนักวิชาการกลุ่มสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย(สปป.) ท้า กกต. ทั้งคณะพร้อมทั้งที่ปรึกษากฎหมายของ กกต. ให้มาดีเบตกับนักวิชาการ สปป. ถ่ายทอดผ่านสื่อ (อ่านรายละเอียด คลิ๊ก!!!)

ล่าสุดนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้ง โพสต์ข้อความทางเฟซบุครับคำท้าดังกล่าว โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 

"มีนักวิชาการกลุ่มเล็กๆ กลุ่มนึง เขาท้าผมดีเบตเกี่ยวกับหลักนิติรัฐ นิติธรรม และหลักประชาธิปไตย โดยผ่านการถ่ายทอดสดทางทีวี บอกว่าที่ไหนก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้

ผมยินดีรับกับท้าครับ 

แต่ขอทราบว่าใครจะเป็นผู้ประสานงานกับทีวีในการถ่ายทอดสดและรับผิดชอบในด้านค่าใช้จ่ายจะมีกติกาอย่างไรใช้เวลาเท่าไรหากมีความชัดเจนแล้วขอให้ติดต่อมา

ส่วนประเด็นช่อง 11 ที่ออกอากาศรายการที่สร้างความเข้าใจผิดและสร้างความแตกแยกในสังคม เป็นเรื่องที่ กกต.ในฐานะผู้รักษากฎหมาย และความเป็นธรรมในการจัดการเลือกตั้งต้องกำกับดูแล หากรัฐกระทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 181(4) ไม่เกี่ยวกับนักวิชาการกลุ่มนี้ครับ"
ooo

โต้เดือด!! นักวิชาการ สปป. ท้า "สมชัย" ดีเบตออกสื่อ - ไล่กลับไปดูเทปอภิปราย ตรงไหนเข้าข้างรัฐบาล


นางพวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในนักวิชาการกลุ่มสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย(สปป.) กล่าวถึงกรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้ง โพสต์ข้อความทางเฟซบุค ระบุว่า วันอังคารที่ 20 พ.ค. จะทำหนังสือสอบถามไปยังรัฐมนตรีที่กำกับดูแลช่อง 11 กรณีถ่ายทอดเวทีการอภิปรายของนักวิชาการ สปป. เมื่อวันที่ 17 พ.ค. เนื่องจากสร้างความสับสนแก่ประชาชนและเอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล โดยนางพวงทอง กล่าวว่า ขอให้นายสมชัย ไปเปิดเทปดูการอภิปรายทั้งหมดของ สปป. ว่ามีตรงไหน ที่บอกให้ประชาชนเลือกพรรคการเมืองใด หรือท่อนไหนที่บอกว่าพรรคใดดีกว่าพรรคใด ขณะที่การอภิปรายวันที่ 17 พ.ค. มีเนื้อหาสำคัญถึงกลุ่มต่างๆ ที่พยายามผลักดันให้มีนายกรัฐมนตรี ที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงการที่ กลุ่ม กปปส. ละเมิดกฎหมาย ส่วนประชาชนจะตัดสินใจเลือกพรรคไหน ย่อมเป็นเรื่องการตัดสินใจของประชาชน 

นางพวงทอง กล่าวด้วยว่า เราพยายามชี้ให้เห็นว่าการเลือกตั้งเป็นหนทางแก้วิกฤตการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ ถ้านายสมชัย บอกว่าการอภิปรายของ สปป. เมื่อวาน(17 พ.ค.) ทำให้ ประชาชนสับสน ก็อยากถามกลับว่า การพยายามขัดขวาง หรือเลื่อนการเลือกตั้ง ของกลุ่มต่างๆ นี่คืออะไร ที่ผ่านมา นายสมชัยพยายามจะวิจารณ์การกระทำของ กปปส. หรือไม่ เพราะการกระทำเช่นนี้ของ กปปส. เท่ากับ กกต. ไม่มีความหมาย รวมถึงการเสนอ นายกฯ มาตรา 7 ก็เป็นการทำลายความชอบธรรมในการดำรงอยู่ของ กกต. โดยตรง ทำไม กกต. จึงไม่วิจารณ์และยืนยันให้มีการเลือกตั้ง  

"ถ้า กกต.สมชัย เห็นว่าการอภิปรายของ สปป. มีปัญหา ดิฉันท้าให้ กกต.ทั้งคณะ รวมทั้ง ที่ปรึกษากฎหมายของ กกต. มาดีเบต กับ สปป. โดยตรง จะถ่ายทอดสดออกทีวี ที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ ขอให้มาดีเบตเรื่องหลักนิติรัฐ นิติธรรม หลักประชาธิปไตย แทนที่จะใช้อำนาจไปเล่นงานเจ้าหน้าที่ที่เผยแพร่ข้อมูล กกต.และที่ปรึกษากฎหมายของกกต. มาเจอกับ สปป. เลยดีกว่า ประชาชนจะได้หายสับสนว่าสิ่งที่ควรจะเป็น มันคืออะไรกันแน่" นางพวงทองกล่าว

สำหรับการโพสต์เฟซบุคของนายสมชัย มีเนื้อหาดังนี้ 

"ช่อง 11 อีกแล้ว
ในการประชุมเช้าวันอังคารนี้ ผมจะเสนอให้ กกต.ทำหนังสือสอบถามไปยัง รมต.ที่กำกับดูแล ช่อง 11 ถึงการถ่ายทอดการอภิปรายของกลุ่มนักวิชาการ ที่มีขึ้นในวันเสาร์ที่ 17 พ.ค. ระหว่างเวลา 18.00-19.00 น. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ว่า เป็นคำสั่งถ่ายทอดของใคร และใช้เงินในการดำเนินการเท่าใด เนื่องจากเนื้อหาที่นำเสนอเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล และมีการเสนอข้อมูลที่สร้างความแตกแยกและความสับสนต่อประชาชน ยกตัวอย่างเช่น การระบุว่ารัฐบาลสามารถทูลเกล้านำเสนอพระราชกฤษฎีกำหนดวันเลือกตั้งได้เอง โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจาก กกต. และหากพบว่า เป็นการดำเนินการโดยผู้บริหารสถานีเอง ก็จะดำเนินการตักเตือนอย่างเป็นทางการ"   

รำลึกเสธแดงปีที่4 วัดสุขวราราม ราชบุรี

https://www.youtube.com/watch?v=3G2eBJs4d1A&list=UUgvNi5JYrOvQdkGE4RVAszg

Published on May 17, 2014
รายการดีเจเอก เขกหัวอำหมาด ตอน ทำบุญ รำลึกถึงท่านเสธแดง ปีที่ 4 (ทหารของประชาชนนักสู้เพื่อประชาธิปไตยผู้­หญิงใหญ่) ณวัด สุขวราราม ราชบุรี 17 พค. 2557 ขอขอบคุณ , อดีตสส.ขัตติยาสวัสดิผล,คุณจ.เจต,การ์ดเสธ­แดง,นักรบไซเบอร์ ,แม่ต้อย ผู้รักเสธแดงมากที่สุดในโลก ,พลฯมะโหนก (พิธีกรภาคสนาม,ถ่ายทำ)

ไว้อาลัยวีรชน 19 พฤษภาคม 2553, "คืนนั้น วันนี้ เมื่อปีโน้น" โดย ไม้หนึ่ง ก.กุนที



ที่มา เสื้อแดงชิคาโก้ Blog

ไว้อาลัยวีรชน 19 พฤษภาคม 2553
"คืนนั้น วันนี้ เมื่อปีโน้น" โดย ไม้หนึ่ง ก.กุนที

1.
ผ่านคืนวัน วันหวาด ราชดำริ
ผ่านสันติ วิธีทาส ราชประสงค์
ผ่านศาลาแดง ที่ยัง เด่นดำรง
ผ่านสวนลุม สีลม เลิกหลงคนดี
2.
ผ่านเพลินจิต มิตรต้านยัน วิทยุ
ผ่านประตู น้ำเกือบเป็น ประตูผี
ผ่านรางน้ำ กลางวงอ้อม เขาล้อมตี
ผ่านบดขยี้ ไปถึงทาง ด่วนดินแดง
3.
ผ่านคลองเตย บ่อนไก่ คนใจสู้
เผายางรถ พรางศัตรู หลั่งเลือดแห้ง
เหมือนเป็ดไก่ หมูหมา… มันฆ่าแกง
ไม้ไผ่พุ่ง แทงไม่ถึง เทพซาตาน!
4.
วัดปทุมฯ คุ้มเป็น อภัยเขต
พุทธสังเวช ไม่พ้น กระสุนสังหาร
ผู้สั่งฆ่า ช่างต่ำช้า ช่างสามานย์
ธรรมสถาน ร่ำร้องก้อง ระงมปืน…
5.
เสียหลายศพ เราจึงได้ รู้เดียงสา
เสียหลายปี ผ่านมา กว่าจะตื่น
เสียศรัทธา โสมม เมื่อวานซืน
ที่สุดเรา พร้อมกันยืน กล้าเป็นตาย!
6.
เลือดเคยหลั่ง... แห้งกรังเปียก หยดน้ำตา
เราพบหน้า กันไม่ใช่ เพื่อร้องไห้
เรามารวม กันเพื่อ หลอมดวงใจ
สร้างฟ้าใหม่ ด้วยมหาชน คนเสื้อแดง!


บันทึกบางเสี้ยวจาก 10 เมษาถึง 19 พฤษภา 2553






โดย ลิซ่า RED USA
เผยแพร่ครั้งแรก 18 พฤษภาคม 2555

เราไปอยู่และทำงานเปิดร้านอาหารไทยที่อเมริกานานกว่า 10 ปี ตอนก่อนเหตุการณ์ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยปี53 ได้กลับมาบ้านที่เมืองไทย และได้มีโอกาสเข้าร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง ทั้งเหตุการณ์ 10 เมษาฯ และเหตุการณ์ 19 พฤษภา ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง เหมือนกับคนที่เดินทางมาจากภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ..เหมือนชาวบ้านทั่วๆไป

ที่ผ่านมาไม่ได้บันทึกถึงเหตุการณ์ไว้เลย น้ำตาพาลจะไหล 

ตัวเราเองช่วงกลับบ้านเมืองไทยในตอนนั้น อยู่กับผู้ชุมนุมมากกว่าอยู่บ้าน บางวันค้างคืน บางวันกลับแต่ก็หลัง 6 ทุ่มทุกวัน ข่าวเข้ามาหนาหูว่าจะมีการสลายการชุมนุม ทุกวันๆ พวกเสื้อแดงก็เตรียมตัวกัน และเริ่มมีทหารมาตั้งด่านรอบๆนอก 

ตัวเราเองจะพกผ้าเย็นติดกระเป๋าเป้ไว้เวลาไปร่วมชุมนุม เพื่อให้กับพี่น้องที่ชราเพราะอากาศเดือนเมษายนปีนี้ร้อนมากๆในที่ชุมนุม 

เที่ยงวันที่10 เมษาฯ 53 รู้สึกผิดสังเกตมากๆ เพราะด่านกั้นรถทำให้ต้องอ้อม และเจอรถทหารมากมาย ต้องขับวน อ้อมเพื่อจะเข้าราชดำเนินให้ได้ เจอรถทหารก็จอดพยายามเอาใจมัน..(ย้ำ'มัน')..เราแจกผ้าเย็นที่ใส่ไว้ท้ายรถให้กับทหารที่นั่งในรถที่ไม่มีแอร์และปากเราก็บอกว่าอย่าทำร้ายพี่น้องนะ 

เราเองก็ถือป้ายโปสเตอร์"แดงอเมริกา"(RED USA)มาด้วย เพื่อให้พวกเขารู้ว่าเรามาไกล ตั้งใจบินมาเมืองไทย มาเพื่อช่วยพี่น้องคนไทยเรา ทหารบางคนก็ยิ้มๆรับ แต่บางคนก็ไม่ยอมรับ แต่ส่วนใหญ่ทหารหน้าเด็กๆ ที่เป็นลูกน้องจะยื่นมือรับด้วยดี 

สุดท้ายเราเข้าไปได้ทางถนนพระอาทิตย์และทะลุออกสนามหลวง วกเข้าราชดำเนินตรงแยกคอกวัว จอดรถไว้ที่เต๊นท์ของเสื้อแดงจังหวัดสตูลเยื้องแยกคอกวัว เราดูแลพวกชาวใต้ที่นี่ทุกวัน เปลี่ยนเสื้อแดงเป็นสีธรรมดา 

ตอนนั้นราวบ่าย 3 โมง ทหารกับพี่น้องผู้ชุมนุมประจันหน้ากันแล้ว ที่แยกคอกวัว ตรงกลางซอย โดยมีแผงกั้นตรงกลางพี่น้องเราเอาแผงกั้นเหล็กบ้าง รถกระบะบ้าง มาจอดขวางกลางซอย และขึ้นรถพูดโทรโข่งบอกทหารอย่าทำร้ายประชาชน และเปิดเพลงปลุกใจ โดยมีทหารนั่งบนพื้นถนนกลางซอยยาวไปจนเกือบถึงวงเวียนหน้าวัด 

เราเองตัดสินใจเดินข้ามรั้วแผงเหล็กไปหาทหารแจกผ้าเย็นตามเคย เขาก็รับด้วยดี แล้วเราก็นั่งล้อมวงคุยกับพวกเขาไปเรื่อยๆ คุยเรื่องต่างประเทศบ้าง ว่า เราทำไมเราถึงเดินทางจากอเมริกามาช่วยพี่น้องชาวไทยของเราให้ได้ประชาธิปไตย ให้ตายเถอะทหารพวกนี้เกลียดเสื้อแดง เขาถามเราว่าเสื้อแดงจะล้มล้างในหลวงทำไม? เราได้ยิน 2 หูชัดเจน

เราบอกว่าใครจะไปล้มล้างท่าน เข้าใจผิดแล้ว ท่านอยู่สูง เราแค่จะมาเอาประชาธิปไตยก็เพื่อตัวพวกเธอด้วยนั่นแหละ บางคนว่าพวกเสื้อแดงมาปิดถนนทำให้คนเขาค้าขายไม่ได้เขาเดือดร้อน เราก็บอกพวกนี้เขามีเงิน ตึกแถวนี้ถ้าไม่มี 20 ล้านเปิดไม่ได้หรอก ช่วยพวกคนจนก่อนเถอะ เธอเองก็เป็นพวกเดียวกับพี่น้องที่มาที่นี่ ไม่ต้องไปห่วงคนรวยเขาหรอก เขามีหนทางของเขา 

พวกเขาบอกว่า เมื่อไรพวกเสื้อแดงจะกลับ ผมมาเป็นเดือนแล้ว มานั่งนี่ก็ร้อนก้น เครื่องแบบก็ร้อน น่าเห็นใจทหารผู้น้อยเหมือนกัน นั่งคุยกัน มีสักคนเดียวมั้งที่สังเกตได้ว่าชอบเสื้อแดง นอกนั้นน่าจะถูกล้างสมองหมดแล้ว

ราว 5 โมงเย็น ได้ยินหัวหน้าทหารออกคำสั่งเรียกพล ทหารที่นั่งคุยกันจึงบอก คุณกลับไปฝั่งโน้นเถอะ ผมจะทำงาน เราก็เดินย้อนมาฝั่งเสื้อแดง พอทหารเริ่มเคลื่อนไหว ทางพี่น้องเราก็เตรียมป้องกันด่านกัน ด่านของเรา แรกเลยเราตั้งไว้เลยซอยข้าวสาร หมายความว่า ถนนข้าวสารอยู่ฝั่งเรามีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปด้วย (เรามารู้ภายหลังว่าตอนนั้นทหารเข้าสลายที่ชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานแล้ว พวกเราสู้กันเองไม่มีแกนนำเลย)


เกือบ 6 โมงเย็น มีคอปเตอร์บินวนมา ครั้งแรกบินสูง ครั้งที่ 2 ต่ำลงมา จนเห็นคนนั่งบนฮ. เรายังพูดกันว่าหากมีปืนจะยิงให้ร่วงเลย พวกเราโห่ไล่ 

พอครั้ง 3 มันบินมาและหย่อนสีดำๆร่วงลงมา พวกเราบอกกันว่าแก๊สน้ำตา ระวัง ไม่ทันขาดคำ ควันคลุ้งกระจายตรงแยกคอกวัวพอดี แสบตา อาเจียน แตกฮือ ไม่มีใครรักษาด่านเลย วิ่งเข้าซอย ล้างหน้ากันตามประสา เราบอกได้เลยว่า ถ้าตอนนั้นทหารบุกเข้ามาทะลุคอกวัวถึงราชดำเนินได้สบายมาก พวกทหารคงโดนด้วยกันนั่นแหละ พอพวกเราตั้งตัวได้ก็รักษาฐานกันตามเดิม นับถือใจพี่น้องจริงๆ 

เราเองยืนอยู่แถวๆหน้าถนนข้าวสารตรงร้านเบอร์เกอร์คิง นาทีสำคัญมาถึง เริ่มโพล้เพล้แล้ว ได้ยินเสียงเคาะเกราะปึบ ปึบ ปึบรัวมาแต่ไกล พี่น้องก็ฮือกั้นแผงไว้ สักครู่เราได้ยินเสียงปืน ใจก็ว่าปืนยางไม่น่ากลัว อย่างไรพี่น้องก็ยังยื้อไม่ให้ผ่านด่าน แต่ทหารก็ฝ่าด่านเข้ามาได้ 

พี่น้องเราถอยร่นถอยหลังผ่านแยกข้าวสาร มาตั้งด่านก่อนถึงปากถนนคอกวัว ตัวเราเองมันชุลมุนมากหนีเข้าไปในซอยเล็กๆหน้าถนนข้าวสาร เป็นอันว่า เราเองกลับหลงไปอยู่ฝั่งด้านทหาร โดยทหารล้ำแนวไปเกือบถึงหน้าแยกคอกวัว ทหารยึดปากซอยข้าวสารได้ ตรงนี้สำคัญมา ทหารยึดพื้นที่ปากซอยข้าวสารไว้ พี่น้องก็ไม่ยอมให้ไปถึงแยกคอกวัว 

สิ่งที่เราจะบอก เราเห็นกับตาตัวเอง ทหารเคาะเกราะ 5 แถวแรก และหลบมาเข้าซอย ที่เรายืน ทหารอีก ประมาณ 5 แถวหลังยิงปืนที่เราเองเข้าใจว่าปืนยาง แต่เราเห็นมันสั่งว่า ยิง ยิง ยิง และเห็นมีปืนจริงๆกระบอกใหญ่ๆ ไม่ใช่ปืนลูกซองยาวๆ เราเองเป็นผู้หญิงก็ไม่เคนเห็นปืนสงครามมาก่อน 

พอไอ้ตัวหัวหน้ามันพูด ยิง ยิง ยิง แล้วมันกับพวกที่มีปืนจริง ยิงเสร็จก็จะวิ่งเข้ามาตรงที่เราหลบอยู่ พอเราเห็นเราพูดอัตโนมัติว่า นั่นปืนจริงเหรอ มันตวาดว่า"เงียบ" เราอึ้งพูดไม่ออก ยอมรับว่ากลัว และคิดถึงพี่น้องทันที คงมีใครโดนไปแล้วแน่ ทำอะไรไม่ถูก นั่งทรุดกับพื้นร้องไห้ มือไม้สั่น คว้าโทรศัพท์โทรหาเพื่อนที่อเมริกาว่ามันใช้ปืนจริงด้วย
เพื่อนที่อยู่อเมริกาบอกว่า ดูข่าวอยู่มีคนบาดเจ็บตั้งแต่ที่มัฆวานและที่โรงเรียนสตรีวิทยาแล้ว โทรหาน้องสาวก็บอกให้อยู่เฉยๆ เราตกใจมาก ได้แต่นั่งตรงนั้น เราไม่หนี แต่ไม่รู้จะทำยังไง อย่างน้อยให้อยู่ใกล้พี่น้องเผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง เราได้ยินเสียงเคาะเกราะเวลาบุก และได้ยินเสียงปืนตามหลัง ไม่รู้กี่ชุด 

พี่น้องเสื้อแดงเราใจเด็ดมากมึงบุกมากูก็ถอยร่น พอมึงหยุดกูก็เฮกันเข้ามาใหม่ ไม่รู้ตัวเลยว่าวิ่งเข้ามาตาย มันมีกระสุนจริงปนกันเข้ามากับกระสุนยาง 

ตอนนั้นเราสับสนมาก แอบถ่ายรูปไว้มันก็บอกห้ามถ่าย เลยต้องซ่อนกล้อง มันหันมามองตาเขียว แต่เราอยู่ปนกับนักท่องเที่ยวก็พอรอดตัว ตรงที่เรายืนเราเก็บก้อนกรวดที่พี่น้องใช้ยิงด้วยหนังสะติ๊กมาฝั่งทหาร เราก้มลงเก็บแล้วสงสารนัก นี่แหละอาวุธคนยาก มึงฆ่าประชาชนได้ยังไง 

ขอโทษที ว่าจะแค่เล่าเรื่องแต่ก็อดเอาอารมณ์เข้ามาปนไม่ได้ 

เล่าต่อนะ ราว 2 ทุ่มครึ่งกว่าๆ ที่จริงตอนนั้นเราไม่รู้เวลาหรอก มาเช็คจากกล้องถ่ายรูปภายหลัง ขณะที่รุก รับกันทั้งสองฝ่าย เราได้ยินเสียงระเบิด บึม พวกทหารวิ่งกันหน้าตื่น เราพูดว่าหน้าตื่นจริงๆ พวกทหารวิ่งมาตรงที่เรายืนกันอยู่และพูดว่า วิ่งเร็วเอ็มลง เราก็พอเข้าใจ แว้บแรกเราว่ามีคนมาช่วยเสื้อแดงแล้ว เพราะเราภาวนาตลอดว่า คนช่วยเสื้อแดงทำไมไม่ออกมาสักที ยังไม่ถึงอึดใจ ได้ยินอีกลูกเสียงมันก้องเข้าไปในอก เรายิ้มดีใจที่เห็นทหารวิ่งหนี ใจก็ว่าทีนี้ตากูบ้างล่ะ บางคนโดนสะเก็ด เราแอบตามไปดู เพราะเราอยู่ในซอยที่ทะลุถึงกันได้ เราเห็นทหารลากจูงเพื่อนๆไปที่วงเวียนหน้าวัด และมีรถมารับชุลมุนวุ่นวาย ทหารก็กลัวตาย 

ทหารมาอยู่ที่วงเวียนส่วนใหญ่ แต่ก็ยังคุมเชิงช่วงถนนคอกวัวกันอยู่ พี่น้องเราอยู่ปากถนน ทหารอยู่วงเวียนหน้าวัด เราอยู่ดูจนทหารขึ้นรถกลับหมด เราย้อนมาบอกพี่น้องที่คอกวัวว่า ทหารไปแล้ว (เราวิ่งในซอยของชาวบ้านที่ขนานกับถนนคอกวัวน่ะ) บางคนไม่เชื่อ แต่มีบางคนจำเราได้เมื่อตอนเย็นที่เราเข้าไปคุยกับกลุ่มทหาร เมื่อพวกเรามั่นใจว่าทหารไปแล้วจึงเข้ามาพื้นที่ดูความเสียหายของรถกระบะที่จอดขวางกันไว้ พูดคุยกัน 

ส่วนตัวเราเริ่มหิวข้าว เพิ่งรู้ตัวว่าข้าวเที่ยงก็ยังไม่ได้ทาน 

ทั้งหมดนี้เป็นช่วงหนึ่งของชีวิตที่ลืมไม่ได้และจะไม่ลืม หากพี่น้องที่เสียชีวิต ที่บาดเจ็บยังไม่ได้รับความเป็นธรรม ตอนหลังเรามาฟังไอ้เทือกอภิปรายในสภาว่าไม่มีปืนจริงที่คอกวัว เรายังอยากให้มันเปิดให้ประชาชนอภิปรายมั่ง มันกล้าไหม.... 

อ้อ ลืมบอกไปเรามากับพี่น้องเสื้อแดงจังหวัดสตูลคนหนึ่งที่เราเข้าไปดูแลเต๊นท์เขาช่วงเขาเข้ามาชุมนุม เขาเป็นห่วงเลยมาเป็นเพื่อนแต่แยกหายกันไปตอนระเบิดแก๊สน้ำตาลง มาเจอกันอีกทีตอน 4 ทุ่ม เธอว่าเป็นห่วงพี่หากันไม่เจอ ก็โชคดีมาเจอกันตอนหลัง 

แต่พี่น้องเราที่เสียชีวิตที่แยกคอกวัว เขาตายไปแล้ว เราบอกได้เลยว่าเขาเป็นเพื่อนตายเรา เราจะไม่ลืมเขา จะต่อสู้เพื่อเขาต่อไป.....เราไม่ลืม 10 เมษา


จริงๆแล้วหลังจาก 10 เมษา 53 เราต้องกลับอเมริกา  แต่เมื่อเห็นพี่น้องถูกฆ่า ถูกรังแก  ..ใครจะทิ้งกันลง นั่นคือคำพูดของคนเสื้อแดง   

เราอยู่เมืองไทยต่อ เหมือนเพื่อนคนอื่นๆที่เดินทางจากต่างประเทศมาเมืองไทยที่ตัดสินใจสู้ต่อ 

เมื่อย้ายมาราชประสงค์ เวทีใหญ่ได้ขอให้พี่น้องอยู่เป็นกะ เราอยู่ประจำกะเย็น ช่วง 5 โมงเย็นถึง 5 โมงเช้า เช้ามืดพี่น้องต้องกลับไปทำงาน ทหารจะฉวยโอกาสช่วงเนี้สลายเรา 

เราเองประจำบนลานตรงจอ 4  ตรงนี้จะมีพี่น้องคนใต้ จากจ.สตูล กระบี่ รวมอยู่ด้วยกัน เราทุกคนหวังว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะยุบสภา  มีการพูดคุยต่อรอง สุดท้ายก็เลวร้ายลงเรื่อยๆ
  


หลังเสธ.แดงถูกยิง  ฉันเริ่มสับสน ทหารเริ่มล้อม อาหารน้ำหมด คนออกได้ แต่เข้าไม่ได้ แต่ฉันไม่ยอมแพ้ ขนน้ำ อาหาร ขนม ใส่กระโปรงรถ เข้ามาทางด่านมาบุญครองที่ง่ายที่สุด 

ทหารหยุดรถถามฉัน ก็ตอบว่าจะไปรับแม่  จริงๆแล้วท่านเสียไปนานแล้ว แต่ฉันมั่นใจว่าถ้าท่านอยู่ต้องนั่งหน้าเวทีแน่นอน  

เช้าวันหนึ่งฉันถามแม่ค้าว่าเอาอาหารเข้ามาทางไหน เธอตอบว่าของเหลือเมื่อวาน ตกลงเช้านั้นฉันทานข้าวหมกไก่ค้างคืน 

ฉันยังจำชายร่างท้วมขี่มอเตอร์ไซด์มาทุกเช้าข้างเวทีตรงเต๊นท์เสรีชนพร้อมน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ ฉันจะรอเขาทุกเช้า อยากเจอเขาอีกสักครั้งเพื่อกล่าวขอบคุณ ขอบคุณ...... 

ตี5ของวันหนึ่งฉันนอนอยู่บ้านกับเพื่อนที่มาจากอเมริกาด้วยกัน มีเสียงโทรศัพท์ดัง เป็นเสียงของเพื่อนอีกคนที่อยู่เท็กซัส  เธอโทรข้ามประเทศมาปลุกฉันให้ออกไปเดี๋ยวนี้ บอกว่าตำรวจจะสลายด่านสีลม 

เธออยู่ในเว็บไซต์ที่อริเมกา เป็นช่วงกลางวัน เอากะเธอซิ ฉันกะเพื่อนรีบแต่งตัวไปยันกับตำรวจ ถามว่ากลัวไหม ตอนนั้นไม่กลัว แต่พอกลับถึงบ้านถามเพื่อนที่ไปด้วยกัน พยักหน้าพร้อมกันคือกลัว.... 

และที่เป็นวีรกรรมลืมไม่ได้คือเรื่องซ้อนมอไซค์ ปกติฉันไม่กล้านั่งกลัวล้มและขาหัก น้องเมย์ ผู้ประสานงานเสื้อแดงสหภาพยุโรป(RED EU)ซึ่งพักอยู่โรงแรมใกล้เวที ฉันไปอาศัยอาบน้ำบ่อยๆ ช่วงใกล้สลายอาหารหมด เธอสั่งอาหารกล่องในโรงแรม กระเพาไก่ไข่ดาวอาหารยอดฮิต 

เราช่วยกันหิ้ว2มือ ซ้อนมอไซค์ ฉันทั้งกลัวล้ม ทั้งกลัวสไนเปอร์ ฉันเคยพูดกะน้องเมย์ว่า เราผ่านรอดพ้นมันมาได้อย่างไรกัน และก็เธออีกนั่นแหละ หลังสลาย ฉันนั่งช็อคอยู่บ้านน้ำตาไหล เคยไปเวทีทุกวัน วันนี้นั่งคนเดียว เธอมาเอาฉันไปบ้านเธอในเมืองไทยที่บางแสน เพื่อให้ฉันได้ผ่อนคลาย ฉันยกย่องในความเข้มแข็งของเธอที่สู้ทุกรูปแบบเพื่อพี่น้อง จนทุกวันนี้....ขอบใจนะน้อง

คืนวันที่17 พฤษภา 53 ท่ามกลางความมืดแสงไฟถูกปิดเพื่อความปลอดภัย ฉัน น้องแป๊ะ  น้องย้งยี้ และอีกสองสามคน พวกเราพากันเดินไปในความมืด คุยกันเบาๆเพื่อไปเยี่ยมพี่น้องที่รักษาด่านสารสิน นั่งบนบาทวิถีคุยกันเงียบๆ น้ำตาเอ่อล้น นี่ผู้ใหญ่เขาคุยปรองดองกันไปถึงไหนแล้วนะ  มองหน้ากันเราจะถูกฆ่าอีกรอบรึนี่

ฉันบอกน้องๆว่า ไม่หรอกน่า คนจะฆ่าคนง่ายๆจริงๆหรือ เป็นไปไม่ได้ ผิดพลาดวันที่10 เมษา ก็เกินพอแล้ว เด๋วก็จบด้วยดี ฉันหวังเช่นนั้นจริงๆ 

วันที่ 18 พฤษภา 53  ทหารตรวจหนัก ปิดล้อมเข้มงวด ฉันเข้าไปที่ชุมนุมเวทีใหญ่ไม่ได้ จึงไปรวมตัวกับพี่น้องเราที่แยกดินแดง  ฉันเห็นพี่น้องถูกยิง ซ้อนมอไซค์ไปโรงพยาบาล  มือนึงกุมแผล มือนึงกอดคนขับ ฉันแอบอวยพรให้น้องเขาปลอดภัยด้วยเถิด

คืนนั้นฉันนอนบนฟุตบาทเกาะกลางแยกดินแดง ทุกวันนี้ผ่านไปทีไรก็ระลึกทุกที ถามตัวเองเหมือนกันทำไมต้องขนาดนี้ แต่ทิ้งกันไม่ได้จริงๆ กลับไปนอนบ้านก็ไม่เป็นสุขแน่ๆ  

วันที่19 พฤษภา 53 ยังเข้าไปที่เวทีใหญ่ไม่ได้ ฉันมาที่อนุสาวรีย์ชัยฯรวมตัวกับพี่น้องที่เข้าไปไม่ได้จำนวนมาก ฉันเจอน้องเดชที่มาจากอเมริกาด้วยกัน เราเหมาขนมปังแจกพี่น้อง มีหลายคนถามตรงๆกะเราว่า เสื้อแดงรึเปล่า? เขาเกรงมีของพิษอยู่ในอาหาร เพราะมีผู้ไม่หวังดีเอาของพิษให้กินต้องหาพยานกันวุ่นวาย




พวกเราสับสน ว้าวุ่น เป็นห่วงคนข้างใน รถกระจายเสียงเสื้อแดงถ่ายทอดเสียงให้เราฟัง ฉันเองก็ซื้อวิทยุุุธานินทร์750บาท ฟังคลื่นพวกเราติดตัวอยู่ด้วย  พอบ่าย เวทีโดยน้องนัดวุด ประกาศสลาย พวกเราที่อยู่อนุสาวรีย์ชัยฯโห่ ไม่พอใจ ตะโกนไม่ยอมๆๆๆมองหน้ากัน ร่ำไห้ โกรธอภิสิทธิ์ เกลียดทหาร 



ในใจฉันลึกๆยังหวังจะมีใครสักคนออกมาให้หยุดทุกอย่างเหมือนอดีต แต่ไม่มีอะไรตามที่หวัง ฉันกลับบ้าน ทิ้งฉากหลังเปลวไฟพวยพุ่งเหนือท้องฟ้ามหานครกรุงเทพฯ ทีวีสีแดงก็ไม่มีให้ดูอีกแล้ว มีแต่รายงานข่าวจากโทรทัศน์กระแสหลักที่ฝ่ายรัฐบาลกับทหารประกาศชัยชนะ และบอกว่าคนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง ต้องปราบปรามให้เด็ดขาด



ฉันได้แต่สงสัยว่าใครไปเผาห้าง ทั้งที่แกนนำเวทีใหญ่ประกาศสลายการชุมนุมตั้งแต่ช่วงเที่ยง และทุกจุดมีทหารคุมเข้มงวดไปหมดอย่างนั้น 


หลังผ่านพ้นเหตุการณ์ฉันก็กลับอเมริกา และกลับมาเวลานี้เพื่อร่วมรำลึกการต่อสู้ของพวกเราในวันที่ 19 พฤษภาคม 2555


*********************************
เกี่ยวกับผู้เขียน:

คุณลิซ่า USA (ขวามือ)ขณะร่วมออกรายการโทรทัศน์กับเจ๊ดา แดงเดือด และคุณเจี๊ยบ เจแปน (กลาง)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น