วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ปฏิกิริยานานาชาติต่อการปฏิวัติ ! ฝรั่งเศส-ต้าน ยูเอ็น-เตือน อังกฤษ-ขอให้ประนีประนอม จีน-ญี่ปุ่น-สหรัฐ-รัสเซีย เงียบ

 

 


 

LAST UPDATE : MAY 22, 2014  11:00 A.M.   PACIFIC TIME

 

 

 

 

 


 

 

SAFETY FIRST !

 

สมาชิก "ตระกูลชิน" หลบวูบ

 

 

ไม่มีใครเห็น ไม่ว่าจะเป็น ยิ่งลักษณ์ เจ๊แดง สมชาย ชัยสิทธิ์ โอ๊ค เอม อิ๊งค์ แม้กระทั่ง "ทักษิณ" ก็เงียบ ทั้งๆ ที่แกนนำแดงโดนรวบหมดทีม สงสัยกำลังตั้งหลัก ยังเดาทางไม่ออกว่าจะเอาไงกับการเมืองไทยในยกต่อไป หรือจะรอส้มหล่นเอง เพราะทหารถึงจะรบเก่ง แต่เข้าสนามการค้าแล้วเป็นเจ๊งทุกที แต่นาทีนี้ต้องท่องคาถามหานิยม "เอาตัวรอดเป็นยอดดี" ไว้ก่อนล่ะฮ่ะ โบราณว่า น้ำเชี่ยว อย่าเอาเรือขวาง

 

 

 


 

 

ตระกูลชิน

 

ห้าสมาชิกตระกูลชินวัตร ผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองไทย คณะปฏิวัติต้องการตัวมากที่สุด ได้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารบก นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และ เจ๊แดง-นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีตสตรีหมายเลขหนึ่ง ผู้ทรงอิทธิพลในพรรคเพื่อไทย

 

 

 

คนใกล้ชิด "เจ๊แดง" เผยหลังรัฐประหาร ตระกูล "ชินวัตร" ไม่ได้อยู่พื้นที่เชียงใหม่

 

วันที่ 22 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ หลัง พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และผู้อำนวยการรักษาความสงบแห่งชาติ ออกแถลงการณ์ยึดอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน หรือรัฐประหารจากรัฐบาลรักษาการ ในนามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ว่า มีทหารพร้อมรถฮัมวี่และรถบรรทุกทหาร พร้อมอาวุธครบมือออกรักษาความสงบรอบตัวเมืองเชียงใหม่ และอำเภอสันกำแพง ฐานที่มั่นพรรคเพื่อไทยและตระกูลชินวัตร โดยไม่มีการต่อต้านจากมวลชนเสื้อแดงหรือเหตุรุนแรงอย่างใด

 

ส่วนสำนักงานพรรคเพื่อไทย สาขาเชียงใหม่ ที่ ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง ได้ปิดสำนักงานและประตูเข้าออก  ตั้งแต่เวลา 17.00 น. โดยไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ประจำสำนักงาน ส่วนร้านชินวัตรไหมไทย ต.สันกำแพง ยังคงเปิดปกติตามปกติ จนถึงเวลา 18.00 น. ก่อนปิดกิจการ สำหรับบ้านพักนายสมชาย  วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี  และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือเจ๊แดง พี่สาว น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กรีนวัลเล่ย์อ.แม่ริม มีเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย โดยนายสมชาย นางเยาวภา พร้อมครอบครัว ไม่ได้พักอาศัยที่บ้านดังกล่าว

 

นายเกษม  นิมมลรัตน์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เขต 3 คนสนิทนางเยาวภา เผยว่า ช่วงนี้ไม่มีคนในตระกูลชินวัตร หรือแขกวีไอพี พำนักที่เชียงใหม่ ส่วนนางเยาวภาและครอบครัว ไม่ได้ติดต่อกันและไม่ทราบไปไหน ส่วนพื้นที่ อ.สันกำแพง ซึ่งเป็นฐานเสียงพรรคเพื่อไทย และตระกูลชินวัตร นั้น เชื่อว่าไม่มีการต่อต้าน หรือเหตุรุนแรงเพราะทุกคนเข้าใจสถานการณ์ดี อยากให้ประเทศกลับเข้าสู่ความสงบสุขโดยเร็ว

 

 

 

ที่มา  : มติชน
23 พฤษภาคม 
2557


 

 

 

 

เรียก "ชินวัตร" รายงานตัว !

 

ยิ่งลักษณ์-เจ๊แดง-สมชาย-ชัยสิทธิ์

ตามด้วยขุนพลพรรคเพื่อไทยเต็มสำรับ

10 โมงเช้า พรุ่งนี้ ที่หอประชุมกองทัพบก

 

หากไม่มาจะถือว่าขัดขืน โทษแรง

 

แต่ถามว่าจะมาเร้อ ดู "ตู่-เต้น" เป็นตัวอย่าง ถลำตัวไปประชุม โดนล็อกตัวยังไม่ปล่อยมาจนบัดนี้ ดาวเดือนไม่ได้เห็น ถ้ายิ่งลักษณ์ไปจริง ก็คงพักยาว เตรียมชุดไปเยอะๆ ด้วยนะเจ๊ปู รับรองว่าสบายกว่าพระ นั่งกินนอนกินข้าวผัดกับโอเลี้ยง น้องไป๊ป์ไม่ได้เห็นหน้าแม่แน่นอน  ได้ตัวยิ่งลักษณ์มา รับรองว่าเจรจาต่อรองกับ "ประธานตระกูลชิน" รื่นคอขึ้นเหมือนซดต้มโคล้งเลยเชียวล่ะ อิอิ !

 

 

 

 

 

 

คสช.ประกาศ สั่ง "ยิ่งลักษณ์" พร้อมพวก เข้ารายงานตัวที่หอประชุม ทบ. เทเวศร์ พรุ่งนี้ เวลา 10.00 น.

 

เมื่อวันที่ 23 พ.ค.57 พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ได้แถลงประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่องให้บุคคลมารายงานเพิ่ม ณ หอประชุมกองทัพบกเทเวศน์ เวลา 10.00 น.

 

 

1.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

2.นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

3.นายวราเทพ รัตนากร

4.นายนพดล ปัทมะ

5.นายโภคิน พลกุล

6.นายพิชัย นริพทะพันธุ์

7.นายภูมิธรรม เวชยชัย

8.นายสาโรจน์ หงษ์ชูเวช

9.นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์

10. พล.ต.มนัส เปาริก

11.พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร

12.พล.ต.ท ชัจจ์ กุลดิลก

13.นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช

14.นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์

15.นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ

16.นายวรพงษ์ ตันติเวชยานนท์

17.นายยงยุทธ ติยะไพรัช

18.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง

19.พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา

20.นายเกรียงกมล เลาหไพโรจน์

21.นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์

22.นายธงทอง จันทรางศุ

23.พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง

 

 

 

 

 

ที่มา  : ไทยรัฐ
23 พฤษภาคม 
2557


 

 

 

 

ปฏิกิริยานานาชาติต่อการปฏิวัติ !

 

ฝรั่งเศส-ต้าน ยูเอ็น-เตือน อังกฤษ-ขอให้ประนีประนอม

จีน-ญี่ปุ่น-สหรัฐ-รัสเซีย เงียบ

 

 

นอกนั้นกำลังหันซ้ายหันขวาเป็นนกแล

แปลว่า บ้านใครบ้านมัน ของฉันก็ยุ่งอยู่แล้วจ้า

ขอให้ใช้หนี้ฉันตามกำหนดเท่านั้นก็พอ นอกนั้นไม่สน

 

 

 

 

 

ภาพ : เดลินิวส์

 

 

 

 

ปฏิกิริยานานาชาติต่อการทำรัฐประหารในไทย

 

เอเอฟพี/รอยเตอร์ส - ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ของฝรั่งเศสในวันพฤหัสบดี(22) ออกถ้อยแถลงประณามรัฐประหารในไทยและเรียกร้องให้กลับสู่หลักนิติธรรมโดยเร็ว ขณะที่สหประชาติก็แสดงความเป็นห่วงว่าประกาศกฎอัยการศึกและคำสั่งของทหารอาจละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน แต่อังกฤษมาผิดแผก ไม่โจมตีการยึดอำนาจของกองทัพและเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าเจรจา ส่วนสหรัฐฯยังไม่มีคำแถลงออกมาอย่างเป็นทางการ แต่สถานทูตก็ออกคำเตือนพลเมืองควรอยู่แต่ในเคหสถาน หลังมีการประกาศเคอร์ฟิว
       
ปฏิกริยาของประธานาธิบดีฝรั่งเศสมีขึ้น ตามหลังพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา แถลงรัฐประหารผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติในวันพฤหัสบดี(22) แค่ 2 วันหลังจากเพิ่งประกาศกฎอัยการศึกในช่วงต้นสัปดาห์ "ประธานาธิบดีของประณามการยึดอำนาจของกองทัพไทย" คำแถลงจากสำนักงานของนายออลลองด์ระบุ และบอกว่าผู้นำรายนี้ขอเรียกร้องให้ไทยคืนสู่ระบอบรัฐธรรมนูญและจัดการเลือกตั้งในทันที ขณะที่สิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนคนไทยก็ควรได้รับความเคารพ

 

 

 

 

ที่มา  : ไทยรัฐ-คมชัดลึก
23 พฤษภาคม 
2557


 

 

 

 

ข่าวลือ !

 

อเมริกาปฏิเสธข่าวตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในสถานทูต

 

 

แหมแบบนี้ก็ออกตัวแต่เนิ่นๆ สิฮะ ถ้างั้นก็คงเลิกหวังแล้วล่ะว่า อเมริกาจะคว่ำบาตรคณะปฏิวัติ และอุ้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะออกอาการ "เฉยเมย" เสียแล้ว อเมริกาวันนี้หามิตรยากเสียด้วย ทะเลาะกับเขาไปทั่ว ไล่ตั้งแต่จีนถึงรัสเซีย ถ้าเสียไทยไปอีกประเทศหนึ่ง ก็คงเหงาน่าดู เหมือนอยู่คนเดียวเลยล่ะ

 

 

 

 

 

หัวหน้าประชาธิปไตย

ในวันชนะเลือกตั้งจึงปรากฏกาย

 

 

 

 

 

 

สัมพันธภาพระหว่างเรา หรือสัมพันธภาพระหว่างชาติ

 

 

 

 

 

 

ทั้งง้อทั้งงอนเชียวนะคะ

 

 

 

 

 

 

อภิมหามิตร

 

 

 

 

 

 

โอ๊ย ผู้ชาย เจ้าชู้พ่อไก่แจ้

 

 

 

 

 

สถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยออกแถลงการณ์ แจ้งชาวอเมริกันที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ควรอยู่แต่ในเคหสถาน ตามคำประกาศของกองทัพไทยที่ได้ประกาศเคอร์ฟิว หลังจากก่อ 'รัฐประหาร' เข้ามาคุมอำนาจบริหารประเทศ ...

 

สถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงเทพฯ ออกแถลงการณ์ประกาศแจ้งชาวอเมริกันที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย ว่า กองทัพไทยซึ่งประกาศคุมอำนาจบริหารประเทศ เมื่อเวลา 16.30 น. ของวันนี้ (23 พ.ค.) ได้ประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ห้ามประชาชนออกนอกบ้านในยามวิกาล ตั้งแต่เวลา 22.00-05.00 น. ด้วยเหตุนี้ จึงขอให้พลเมืองชาวสหรัฐฯ ควรพำนักอยู่ในเคหสถานในช่วงเวลาดังกล่าว และขอให้มีความระมัดระวัง และควรเฝ้าติดตามข่าวสาร

 

สถานทูตสหรัฐฯ ได้แจ้งก่อนหน้านี้แล้วโดยได้ประกาศเตือนชาวอเมริกันในประเทศไทยควรหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีการชุมนุมประท้วง และพื้นที่ที่มีฝูงชนชุมนุมกันอยู่เป็นจำนวนมาก และควรติดตามฟังคำแนะนำของทางการไทย โดยพลเมืองสหรัฐฯ ควรระวังว่าสถานการณ์ประท้วง สามารถที่จะเปลี่ยนจากการประท้วงอย่างสงบสันติ มาเป็นการเผชิญหน้า และนำไปสู่การเกิดเหตุความรุนแรงได้ ด้วยเหตุนี้ จึงควรหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปในพื้นที่ที่มีการชุมนุมประท้วง

 

 

สหรัฐปัดนิวัฒน์ธำรงตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น

เมื่อเวลา 20.15 น. นายวอลเตอร์ เอ็ม บราวโนห์เลอร์ โฆษกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่านายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น

ขณะที่นางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ทวิตข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ส่วนตัว กรณีข่าวนายนิวัฒน์ธำรง พำนักในสถานทูตสหรัฐว่า อย่าไปเชื่อข่าวลือ

 

 

 

 

 

ที่มา  : ไทยรัฐ-คมชัดลึก
23 พฤษภาคม 
2557


 

 

 

หมวกสามใบ !

 

ประยุทธตั้ง "ตัวเอง" เป็นนายกรัฐมนตรี

ในฐานะเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์

 

ไม่ต้องรับพระบรมราชโองการ

 

 

 

แสดงว่า ไม่มีใครกล้าเป็น เพราะการเมืองไทยวันนี้มันพัฒนามาไกลมาก ขนาดองคมนตรีก็ยังแหยง ไม่กล้าลงมาเล่นอีกแล้ว เหลือก็แต่"ผบ.ทบ." ที่ยังกล้าเล่นการเมืองในเครื่องแบบ วันนี้ พล.อ.ประยุทธ สวมหมวกใบที่สามแล้ว นับจาก ผบ.ทบ. ผอ.รส. และ นายกรัฐมนตรี สามเก้าอี้นั่งคนเดียว ถ้าทำงานบริหารบ้านเมืองสำเร็จเรียบร้อย ก็ต้องยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะ แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ แบบว่ายิ่งแก้ยิ่งยุ่ง ก็ไม่รู้จะว่ายังไง นอกจากทำใจว่า มันเป็นเคราะห์กรรมของประเทศไทย ที่ต้องมาตกระกำลำบาก เพราะคนในชาติขาดสามัคคี

 

 

 

 

 

พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา

ผู้บัญชาการทหารบก

หัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ

ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี

 

 

 

คสช. ประกาศให้อำนาจนายกฯ - ครม. เป็นของ "พล.อ.ประยุทธ์"

 

 

 

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ฉบับที่ 10/2557

 

เรื่อง เรื่องให้อำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี

เป็นอำนาจหน้าที่ของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

 

 

โดยที่มีกฎหมายบางฉบับ ได้บัญญัติไว้ถึงอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ในอันที่จะปฏิบัติตามกฎหมายไว้ และเพื่อประโยชน์แห่งการปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้

 

ในระหว่างที่ยังไม่มีผู้ใดดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ให้บรรดาอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี หรอคณะรัฐมนตรี ให้เป็นหน้าที่ของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือผู้ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมอบหมาย

 

 

ประกาศ ณ วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ


       

 

 

ที่มา  : ไทยรัฐ
23 พฤษภาคม 
2557


 

 

 

 

ยกเลิกรัฐธรรมนูญ !

เว้นหมวดพระมหากษัตริย์

 

 

 

 

พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา

หัวหน้าคณะปฏิวัติ

 

 

คสช. ประกาศให้ รธน. สิ้นสุดลงชั่วคราว ยกเว้นหมวด 2 พระมหากษัตริย์ ส.ว. ศาล องค์กรอิสระ

 

เมื่อเวลา 19.13 น.วันที่ 22 พ.ค.2557 พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกทบ.อ่านคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ระบุว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกาศยึดอำนาจการปกครองประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม เวลา 16.30 น. เป็นต้นไปนั้น เพื่อให้การบริหารประเทศสามารถดำเนินการได้ จึงให้ดำเนินการดังนี้ 

 

1. ให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 สิ้นสุดลงชั่วคราว เว้นหมวด 2 พระมหากษัตริย์

 

2. คณะรัฐมนตรีรักษาการสิ้นสุดการปฎิบัติหน้าที่

 

3. วุฒิสภายังปฎิบัติหน้าที่ตามจำนวนสมาชิกวุฒิสภาที่มีอยู่

 

4. ศาลทั้งหลายมีอำนาจพิจารณาพิพากษาอรรถคดี

 

5. องค์กรอิสระและองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ ยังคงปฎิบัติหน้าที่ต่อไป

 

 

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยังได้แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ดังนี้

 

1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.เป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

 

2. พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

 

3. พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร.เป็นรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

 

4. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ.เป็นรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

 

5. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เป็นรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

 

6.พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รองผบ.ทบ.เป็นเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

 

 

 

ที่มา  คมชัดลึก
22 พฤษภาคม 
2557


 

 

 

รวบเฉลิม !

 

 

 

 

 

 

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง

 

นักการเมืองระดับตำนาน อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และอดีตผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย (ศรส.) ถูกทหารจับกุมและนำตัวไปกักบริเวณในกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ในเวลา 20.20 น. หรือสองทุ่มยี่สิบนาที วันที่ 22 พฤษภาคม 2557

 

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นั้น เป็นนักการเมืองเก๋าฝีปากกล้าระดับดาวสภา คู่กับ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้มีบารมีในทางการเมือง โดยเฉพาะในแวดวงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้เพราะเคยเป็นตำรวจมาก่อน ร.ต.อ.เฉลิมนั้นมีฉายาว่า "เจ้าพ่อบางบอน" เพราะมีบ้านและอิทธิพลจนล้นเขตนั้น ร.ต.อ.เฉลิม มีบทบาทโดดเด่นเกี่ยวกับการปฏิวัติมาตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ซึ่งถูกปฏิวัติโดย พล.อ.สุจินดา คราประยูร เรื่อยมาจนถึงวันนี้ วันที่มีการปฏิวัติโดย พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เพราะความสำคัญดังนี้ เมื่อมีการปฏิวัติทีไร ทหารก็ต้องการจับตัว ร.ต.อ.เฉลิม ไว้ให้ได้ ไม่งั้นอันตราย

 

 

 

เผยวินาที เฉลิม อยู่บำรุง ถูกทหารเชิญตัวไปรายงานตัวที่ กรมทหารราบที่ 1 ขณะออกกำลังกาย ย้ำไม่หวั่นเพราะไม่ใช่คู่ขัดแย้ง ย้ำไม่มีแผนไปต่างประเทศเร็วๆ นี้... 

 

วันที่ 22 พ.ค. เวลา 19.00 น. นายอาจหาญ อยู่บำรุง บุตรชายคนโตเปิดเผยกับไทยรัฐออนไลน์หลังมีข่าวลือว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีต รมว.แรงงาน ได้ถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เชิญตัวไปกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ว่าเป็นเรื่องจริง ขณะเดินออกกำลังกายบริเวณสนามหญ้าที่บ้านตอนเย็นเป็นประจำ

 

"ทหารขออนุญาตเข้ามาในบ้านเดินเข้ามาแค่ 2-3 นายมาเชิญตัวท่านเฉลิมไปกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ขณะวิ่งออกกำลังกายอยู่ ซึ่งท่านเฉลิมก็ยินดี เพราะเชื่อว่าตัวเองไม่ใช่คู่ขัดแย้ง โดยมีนายดวง อยู่บำรุง บุตรชายคนเล็กเดินทางไปด้วย และไม่มีการเข้ามาค้นบ้านริมคลองแต่อย่างใด"

 

เมื่อถามว่ามีการวางแผนว่าจะไปต่างประเทศไหม...? บุตรชายคนโตบอกว่า ยังไม่มี และท่านเฉลิมก็ไม่ได้วิตกอะไร เนื่องจากทหารที่มาเชิญตัวยืนยันว่า แค่เชิญไปรายงานตัว และชี้แจง หลังจากนั้นก็จะอนุญาตให้กลับมาที่บ้านได้   

 

 

 

ที่มา  : ไทยรัฐ
22 พฤษภาคม 
2557


 

 

 

 

CNN หายงง !

 

หลังฟังประกาศคณะปฏิวัติ

 

 

 

 

 

 

Bangkok, Thailand (CNN) -- The Thai military has taken control of the government in a coup, the country's military chief announced in a national address Thursday.

 

Military officials also imposed a curfew from 10 p.m. to 5 a.m. local time (11 a.m. - 6 p.m. ET), authorities said in a televised address.

 

The developments are the latest in a chain of failed attempts to defuse tensions that have simmered since November. The discord has its roots in politics, and led to both pro- and anti-government factions to fight over the country's leadership.

 

Three days ago, the military imposed martial law in an attempt to end the instability, but said it was not a coup. Now, it has taken power outright.

 

The move came after rival factions were unable to come up with a suitable agreement to govern, the military chief said.

 

Hours earlier, members of the military and opposition parties met for a second day to try to find a solution to the crisis in Thailand.

 

Members of the political parties involved in the talks were seen being escorted by the military after the meeting.

 

In his address, the military chief told citizens that despite the coup, it should be business as usual for the public. All civil servants and officials should report to work, he said, and anyone who has weapons -- such as police -- should not make any attempt to move those weapons without orders.

 

The military also said it will provide security to foreigners, including vacationers and diplomats.

 

The people of Thailand are all too familiar with coups. Thursday's coup was at least the 19th actual or attempted military takeover since Thailand became a constitutional monarchy in 1932.

 

 

ที่มา  CNN
22 พฤษภาคม 
2557


 

 

นาทีสุดท้าย !

 

ก่อน พล.อ.ประยุทธ ลั่นคำ

 

"ถ้างั้น ผมยึดอำนาจ"

 

ปิดประชุม !

 

 

 

 

 

 

"ถ้างั้นตั้งแต่นาทีนี้ ผมตัดสินใจยึดอำนาจการปกครอง"

 

 

 

 

 

 

แหล่งข่าวจากที่ประชุม 7 ฝ่ายที่กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) ได้กล่าวถึงบรรยากาศก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะประกาศยึดอำนาจว่า ผู้เข้าร่วมประชุมชุดเดิมที่เดินทางไปต่างรู้สึกได้ถึงความแตกต่างของบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยในวันนี้ ที่ทางกองทัพได้จัดกำลังทหารเข้ามาดูแลภายในตัวอาคารสโมสรกองทัพบกที่ใช้เป็นสถานที่หารือจำนวนมาก และแต่ละคนจะพกอาวุธประจำกาย ขณะเดียวกันบรรดาเสนาธิการทหาร ก็ได้เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ขณะที่วันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา แม้จะมีเจ้าหน้าที่ทหารประจำการในอาคารแต่ก็ไม่มีการพกพาอาวุธ และแต่ละเหล่าทัพก็มีเพียงผู้นำ หรือตัวแทนเหล่าทัพบางคนเท่านั้น นอกจากนี้ก่อนการหารือยังได้มีการขอเก็บเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดของผู้เข้าร่วมประชุม เนื่องจากการหารือเมื่อวันที่ 21 พ.ค. ได้มีภาพภายในห้องประชุมออกไปเผยแพร่ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่อยากให้มีภาพในลักษณะดังกล่าวหยุดออกไปอีก และได้กันผู้ติดตามให้ไปรอผู้ร่วมประชุมอีกชั้นหนึ่ง
       
อย่างไรก็ตามเมื่อการประชุมเริ่มขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปิดโอกาสให้แต่ละฝ่ายได้เสนอแนวทางตามที่ได้ให้การบ้านไปก่อนหน้านี้ โดยแต่ละฝ่ายก็ยังคงนำเสนอแนวทางในมุมของตัวเองซึ่งเห็นว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดของประเทศแล้ว เมื่อแต่ละฝ่ายไม่มีจุดร่วมที่ตรงกัน พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขอพักการประชุม และเชิญ แกนนำฝ่าย นปช. และ กปปส. ไปหารือร่วมกันอีกห้องหนึ่ง ประมาณ 45 นาที เมื่อกลับมาที่วงหารือแล้วก็ยังได้เชิญเฉพาะ นายจตุพร พรหมพันธ์ ประธาน นปช. และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ไปพูดคุยกันส่วนตัวประมาณ 1 นาที ก่อนที่จะกลับมาที่วงหารือและได้สอบถาม นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าคณะฝ่ายรัฐบาล ว่าตกลงรัฐบาลยืนยันไม่ลาออกทั้งรายบุคคลและทั้งคณะใช้หรือไม่ ซึ่งนายชัยเกษม ระบุว่านาทีนี้ไม่ลาออก พล.อ.ประยุทธ์ จึงบอกว่า 
"ถ้างั้นตั้งแต่นาทีนี้ ผมตัดสินใจยึดอำนาจการปกครอง"
       
จากนั้นก็ได้เชิญ ตัวแทน ส.ว. และ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกจากที่ประชุม โดยไม่มีการควบคุมตัวไว้แต่ขอให้ยังอยู่ในพื้นที่สโมสรทหารบกเพื่อรอเคลียร์บุคคลไม่เกี่ยวข้องให้ออกจากพื้นที่ก่อน ส่วนตัวแทนจากฝ่ายอื่นๆ ก็ได้ถูกควบคุมตัวไปยังสถานที่สถานที่หนึ่ง
       
ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกควบคุมตัวไปประกอบด้วย

 

1. ฝ่ายรัฐบาล นายชัยเกษม นิติสิริ, นายวราเทพ รัตนากร, นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช, นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์, นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย,
       
2. พรรคเพื่อไทย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์, นายภูมิธรรม เวชยชัย, นายชูศักดิ์ ศิรินิล, นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์
       
3. พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, นายจุติ ไกรฤกษ์, นายศิริโชค โสภา, นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ, นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์
       
4. กปปส. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ, นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย, นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์, นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข
       
5. นปช. นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นางธิดา ถาวรเศรษฐ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง
       
 ต่อมาเวลา 17.26 น. ทหารได้เปิดให้สื่อมวลชนออกจากพื้นที่สโมสรทหารบกแล้ว โดยใช้ประตู 2 ของสนามกีฬากองทัพบกแล้ว
       
เวลา 17.30 น. นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. กล่าวกับผู้สื่อข่าวผ่านทางโทรศัพท์ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถออกจากพื้นที่สโมสรได้ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ทหารกำลังเคลียร์คนออกจากพื้นที่ แต่ไม่ได้มีการควบคุมตัว กกต. หรือ ส.ว. แต่อย่างใด และเท่าที่เห็นบรรยากาศก็ยังไม่มีเหตุรุนแรง ส่วน กกต. จะดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้นคงต้องรอดูประกาศคำสั่งของ คสช. ก่อนหากมีการฉีกรัฐธรรมนูญองค์กรอิสระก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อน

 

 

 

ข่าว  ผู้จัดการ
22 พฤษภาคม 
2557


 

 

 

 

จับแกนนำ นปช. !

 

รวบตัวคาห้องประชุม

 

 

 

จตุพร วีระกานต์ ณัฐวุฒิ ธิดา ก่อแก้ว

และคณะรัฐมนตรี โดนเรียบ

ที่เหลือจับตามธรรมเนียม

 

ยิ่งลักษณ์ นิวัฒน์ธำรง และเฉลิม ยังไม่รู้ชะตากรรม

 

 

 

 

 

ภาพสุดท้ายของหัวหน้า นปช.

โดนหลอกไปประชุมแล้วปิดประตูตีแมว

 

 

 

 

 

 

 

หนังสือเชิญประชุมวันที่สอง ก่อนปฏิวัติ

 

 

 

 

 

 

ประกาศระงับดำเนินคดีอาญากับแกนนำชั่วคราว ก่อนจะปฏิวัติ

 

 

 

ภาพทหารเต็มสโมสรกองทัพบก ก่อนล็อกตัวแกนนำ

 

 

 

 

ภาพทหารเข้าสลายการประชุม นปช. บนถนนอักษะ

 

 

 

 

 

 

นพ.เหวง โตจิราการ ถูกรวบตัวคาเวทีที่ถนนอักษะ

ขณะทหารเข้าสลายการชุมนุม

 

 

 

 

 

 

ภาพรถตู้หลายคัน เคลื่อนออกจากสโมสรกองทัพบก

 

เชื่อว่านำตัวแกนนำฝ่ายต่างๆ ที่เข้าร่วมประชุมไปกักตัวไว้ยังสถานที่แห่งหนึ่ง

 

 


 

 

 

 

ปฏิวัติ !

 

 

 

กฎอัยการศึกเอาไม่อยู่ บิ๊กตู่ตัดสินใจยึดอำนาจ

 

หลังรักษาการนายกฯเบี้ยวไม่เข้าร่วมประชุม

 

ตัดปัญหานายกฯคนกลาง

เพราะปฏิวัติได้ก็ตั้งตนเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์ได้

จะตั้งตัวเองหรือตั้งใครเป็นนายกฯก็ได้แล้ว

 

ประเทศไทยเข้าสู่โหมดต่อสู้เต็มตัวแล้ว

กดหัวได้ก็กินยาว แต่ถ้ากดไม่ได้ ก็อันตราย

 

 

 

 

 

 

กดที่ภาพเพือฟังประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 1

 

 

 

 

วันนี้ (22 พ.ค.) เมื่อเวลา 16.59 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ, พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ,พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้วได้ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย แถลงการณ์ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 1 เรื่องการควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ ความว่า

 

 

 

 

ตามสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เขตปริมณฑล และพื้นที่ต่างๆ ของประเทศหลายๆ พื้นที่ เป็นผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ และเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง และเหตุการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มขยายตัว จนอาจเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวมนั้น
       
เพื่อให้สถานการณ์ดังกล่าวกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ประชาชนในชาติเกิดความรัก ความสามัคคีเช่นเดียวกับห้วงที่ผ่านมา ตลอดจนเพื่อเป็นการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมกับทั่วทุกฝ่าย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วย กองทัพบก กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีความจำเป็นต้องเข้าควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.30 น.เป็นต้นไป
       
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนทุกคนอยู่ในความสงบ ดำเนินวิถีชีวิตและประกอบอาชีพต่อไปตามปกติ ให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบแบบแผนของทางราชการดังที่เคยปฏิบัติ
       
สำหรับข้าราชการทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่ส่วนราชการต่างๆ ที่มีอาวุธเพื่อใช้ในราชการของหน่วย ห้ามเคลื่อนย้ายกำลังและอาวุธโดยเด็ดขาด เว้นแต่จะได้รับคำสั่งจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แต่เพียงผู้เดียว
       
สำหรับคณะทูตานุทูต สถานกงสุล องค์กรระหว่างประเทศ รวมทั้งชาวต่างประเทศที่พำนักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทย คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะได้ให้ความคุ้มครอง และขอยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทย กับองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ยังเป็นไปตามปกติ ตามที่รัฐบาลชุดเดิมดำเนินการไว้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะยึดมั่นในความจงรักภักดี และจะปกป้องเทิดทูนดำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นศูนย์รวมจิตใจประชาชนชาวไทย และทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง


       
ประกาศ ณ วันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

 


       

 

ข่าว  ผู้จัดการ
22 พฤษภาคม 
2557


 

 

กดที่ภาพเพื่อชม

ภาพทหารเคลื่อนกำลังเข้าควบคุมสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร

 


 

 

 

 

ผู้จัดการเล็งปลายกระบอกปืนไปยังวัดพระธรรมกาย

ระบุเป็น "คลังแสง" ของเสื้อแดง

 

 

อ้า..ไหนล่ะฮะ ท่านพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และ ผอ.รส ผู้มีอำนาจสูงสุดแห่งประเทศไทย ไหนว่า ห้ามมิให้สื่อทุกชนิด ปลุกระดม ยั่วยุ สร้างความรุนแรง ใส่ร้ายป้ายสี แล้วแบบนี้จะให้เรียกว่าอย่างไร ในเมื่อมันไม่มีพยานหลักฐาน มีแต่การกล่าวหาลอยๆ แต่คนเสียน่ะเสียไปแล้ว

 

 

 

 

 

 

คำถามที่เจ็บปวด

 

"วัดพระธรรมกายเป็นแหล่งซ่องสุมอาวุธเพื่อฆ่าคน"

 

 

 

 

โปรดฟังอีกครั้ง

 

"หลวงพ่อไม่ยุ่งการเมือง"

 

กดที่ภาพเพื่อฟัง

 

 

 

 

 

 

 

วัดไหน ? ใครทราบ ?

กับปริศนา

"เดินธุดงค์บนกลีบกุหลาบ"

 

นอกจากนี้ ยังพบว่า การลำเลียง "อาวุธสงคราม" ส่วนใหญ่จะถูกนำเข้าไปเก็บพักไว้ในสถานที่แห่งหนึ่งภายใต้ "ชายผ้าเหลือง" อันเลื่องชื่อ ที่มีความใกล้ชิดกับ "ทักษิณ" เนื่องจากวัดแห่งนี้ที่ขึ้นชื่อเรื่องเดินธุดงค์บนกลีบกุหลาบ ได้มีการป้องกันอย่างเข้มงวด และคนในพื้นที่ไม่กล้าเข้าไปแตะต้องแน่นอน ซึ่งครั้งหนึ่งเมื่อปี 53 ที่กลุ่มเสื้อแดงกำลังขย่มกรุงอยู่นั้น สถานที่แห่งนี้เคยตกเป็นข่าวให้ที่พักพิงแก่ชาวต่างด้าว เพื่อเข้าร่วมชุมนุมมาแล้วเช่นกัน !?!

 

 

 

 

รายงานอาชญากรรม
       
ร้อนระอุจนปรอทแทบแตก สำหรับอุณหภูมิการเมืองไทย ยิ่งการที่ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ออกมาลงนามประกาศใช้กฎอัยการศึก หวังปรามเหล่าบรรดาม็อบทั้ง 2 ฝั่งให้นิ่งอยู่กับที่ ก็ดูเหมือนสถานการณ์จะยิ่งถูกปลุกเร้าเร็วขึ้นเท่านั้น
       
หนึ่งในปัจจัยที่ "บิ๊กตู่" ตัดสินใจเดินหมากเสี่ยงนี้ คงมีเรื่องของความ "สูญเสีย" เข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน โดยก่อนหน้าที่จะมีการประกาศใช้กฎหมายนี้ ได้เกิดเหตุการณ์ยิง "เอ็ม79" สลับกับใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 เข้าใส่กลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อค่ำคืนของวันพฤหัสบดีที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บนับสิบ
       
รวมถึงการเดินหน้าเข้าทลาย 
"คลังอาวุธ" ได้ที่ จ.สมุทรสาคร และลพบุรี พร้อมผู้ต้องหา 2 คน เมื่อช่วงเช้าและสายของวันพุธที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา ที่สืบไปสาวมาพบว่าหนึ่งในนั้นมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มเสื้อแดงอิสระ ที่มีการตั้งเป็นกลุ่ม "จรยุทธ" เคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์ทางการเมือง
       
ตรงนี้แสดงให้เห็นว่า ณ นาทีนี้ยังมีกลุ่มขบวนการ หรือจะเรียกว่ากองกำลังติดอาวุธ เตรียมตัวเข้าก่อเหตุรายวันแน่นอน!?!
       
ก่อนหน้านี้ ก็มีข่าวลือหึ่งบนสังคมออนไลน์ว่า พบ
 "คลังอาวุธ" ซุกซ่อนอยู่ในตึกชินวัตร 3 ถ.วิภาวดี หลังเจ้าหน้าที่ทหารซึมตัวเข้าไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุไฟลุกไหม้บนชั้น 12 ของตึก เนื่องจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่ต้องผงะกับภาพอาวุธสงครามจำนวนมาก วางกองเรียงกันอยู่แทน...แต่สุดท้ายทางผู้บริหารของตึกดังกล่าวได้ออกมาปฏิเสธข่าวชิ้นนี้แล้วว่าไม่เป็นความจริง...
       
เมื่อลองตรวจสอบแล้ว แม้เป็นข่าวที่ไม่ค่อยมีมูลความจริง แต่กลับพบนัยบางอย่าง ที่มีความต่อเนื่องมาจากคดี "คำสั่ง ว.5" ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มต้นจากปม "ต่างหูเพชร" มูลค่าหลายล้านบาทของ "จอย" รินลณี ศรีเพ็ญ ดาราสาวชื่อดัง หล่นหาย จนบานปลายเป็นการค้นพบ "อาวุธปืน" จำนวน 2 กระบอก ทั้งปืนอาก้า และปืนเซกาเซ่ ที่ถูกซุกซ่อนอยู่ในรถเก๋งคันหนึ่ง ที่จอดอยู่ภายในรีสอร์ตที่ชื่อ "จันทรา" จ.นครนายก
       
เรื่องทุกอย่างดูเหมือนจะไม่มีอะไร ถ้าอยู่ดีๆ ไม่มีผู้มีอำนาจระดับบิ๊กจากซีกรัฐบาลถึง 2 คน พยายามวิ่งล็อบบี้ให้ปิดข่าวยึดอาวุธครั้งนี้ พร้อมส่งนักการเมืองท้องถิ่นเข้ามากดดันการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ อย่างผิดสังเกต
       
สุดท้ายเมื่อมีการตรวจสอบถึงเจ้าของรีสอร์ตแห่งนี้ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่มีชื่อเสียงเรียงนามว่า "เสี่ยแหมะ" สิทธิชัย กิตติธเนศวร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย คนสนิท "ประชา ประสพดี" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคลองหลอดนั้นเอง
       
ขณะเดียวกัน มีกระแสข่าวลือหึ่งว่า รีสอร์ตแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่เก็บพัก "คลังอาวุธ" ก่อนลำเลียงเข้าพื้นที่ชั้นใน เพื่อใช้ก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในขณะนี้ แต่บังเอิญวันดังกล่าว ที่กลุ่ม "ชายชุดดำ" กำลังขนของเข้าเก็บอยู่นั้น ดันมีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ เข้ามาตรวจค้นหา "ต่างหูเพชร" พอดี จนแผนแตกกระเจิงอย่างไม่ได้นัดหมาย
       
นอกจากนี้ ยังมีรายงานอีกว่า รีสอร์ตแห่งนี้มักจะถูกใช้เป็นที่ประชุมของบรรดาแกนนำกลุ่มเสื้อแดง นำโดย "ไพร่ตู่" จตุพร พรหมพันธุ์ และ "อำมาตย์เต้น" ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่มีการนัดแนะมาเปิดห้องวอร์มรูม เพื่อวางแผนยุทธศาสตร์ทางการเมืองอยู่เป็นประจำ...
       
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา หน่วยงานด้านการข่าวได้จับตาเข้มความเคลื่อนไหวการลำเลียงอาวุธเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าจะมีการกระจายของไปเก็บในพื้นที่ กทม. ชั้นใน อย่างในย่านคลองเตย และตามปริมณฑล ก่อนจะส่งต่อให้กลุ่มกองกำลังที่จะเข้ามารับงานต่อ ซึ่งสอดรับกับเหตุรุนแรงหลายครั้ง รวมถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงหัวรุนแรง อย่างกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.), กลุ่มเรดการ์ดเรดิโอของ
 "โกตี๋" วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือกลุ่มเคลื่อนที่เร็วจากย่านธนบุรี และลพบุรี
       
ฉะนั้น คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ก่อนเกิดเหตุรุนแรง ทางเสื้อแดงโลกไซเบอร์บางคน อย่าง "ลุงยิ้มตาสว่าง" จะหยั่งรู้ก่อน...
       
นอกจากนี้ ยังพบว่า การลำเลียง "อาวุธสงคราม" ส่วนใหญ่จะถูกนำเข้าไปเก็บพักไว้ในสถานที่แห่งหนึ่งภายใต้ "ชายผ้าเหลือง" อันเลื่องชื่อ ที่มีความใกล้ชิดกับ "ทักษิณ" เนื่องจากวัดแห่งนี้ที่ขึ้นชื่อเรื่องเดินธุดงค์บนกลีบกุหลาบ ได้มีการป้องกันอย่างเข้มงวด และคนในพื้นที่ไม่กล้าเข้าไปแตะต้องแน่นอน ซึ่งครั้งหนึ่งเมื่อปี 53 ที่กลุ่มเสื้อแดงกำลังขย่มกรุงอยู่นั้น สถานที่แห่งนี้เคยตกเป็นข่าวให้ที่พักพิงแก่ชาวต่างด้าว เพื่อเข้าร่วมชุมนุมมาแล้วเช่นกัน!?!
       
สุดท้ายเห็นท่าทีอันดุดันของ "บิ๊กตู่" เที่ยวนี้ ก็ได้แต่ตั้งความหวังว่า เจ้าตัวจะเล่นบท "แอ็กชัน" ทลายแหล่งที่เก็บ "คลังอาวุธ" อย่างที่ทำอยู่นี้ต่อไป โดยไม่ต้องสนว่าจะเป็นของคนกลุ่มไหน หรือใช้ศาสนาบังหน้าหรือไม่
       
แต่อย่าปล่อยให้กลุ่ม "ปีศาจ" ในชุด "คราบมนุษย์" เหล่านี้ลอยนวล...

 

 

 

ข่าว  ผู้จัดการ
22 พฤษภาคม 
2557


 

 

 

 

ตีกรรเชียง !

 

 

นิวัฒน์ธำรงเบี้ยวนัด ไม่ไปประชุมรอบสอง

วันแรกไปพอเป็นพิธี

ต่อจากนี้ไปรับรองว่า ต่อรองกันมันเขี้ยว

 

เพราะอ่านทางออกว่า จะถูกมัดมือชกตั้งนายกฯคนกลาง ถ้าไม่ยอมรับก็ถูกประจานว่าไม่จริงใจปฏิรูป ก็ตกเป็นจำเลยสังคมไทย แล้วเรื่องอะไรจะไปให้เสียมวย คนระดับ "ทักษิณ" คงไม่ให้กินกันง่ายๆ หรอก จะบอกให้ นี่ไงการเมือง มันไม่ง่ายเหมือนการทหารหรอก แบบสั่งเมื่อไหร่ได้เมื่อนั้น ถ้ามันง่ายเหมือนดังบิ๊กตู่ฝันหวาน ก็คงไม่ต้องรอให้ประกาศกฎอัยการศึกหรอก และในเมื่อการเจรจาปัญหาประเทศชาติ ไม่มีบุคคลสำคัญคือ "ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี" เข้าร่วม แล้วถามว่า มันจะมีความหมายอะไร มันก็ได้แค่ลิเกหลงโรงหรือไม่ก็สภาโจ๊กเท่านั้น ที่สำคัญก็คือว่า กฎอัยการศึก มิได้ระบุว่า ผบ.ทบ.มีอำนาจสั่งการนายกรัฐมนตรีได้หนำซ้ำยังให้รายงานนายกรัฐมนตรีทราบอีกด้วย งานนี้ "เสี่ยแม้ว" ถือไพ่เหนือกว่ากันเห็นๆ ถ้าเล่นเป็นก็กินรวบ !

 

 

 

Let's play

 

 

 


 

 

Undercontrol VS Undercontrol

สั่งทหาร VS สั่งนักการเมือง

 

 

ตราบใดที่ "ทักษิณ ชินวัตร" ยังไม่เข้าร่วมประชุม ก็อย่าหวังว่าจะแก้ปัญหาประเทศไทยได้ เพราะเขาคือผู้มีอิทธิพลเหนือการเมืองไทยอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้ ตั้งนายกฯนอมินีมาแล้วตั้ง 4 คน ถ้าไม่แน่จริงก็คงทำไม่ได้

 

 

 

 

 

 

เปิดเกมการเมืองท่ามกลางกฎอัยการศึก

 

เมื่อปฏิวัติซ่อนรูป เจอนายกฯร่างทรง หมู่หรือจ่าก็อย่ากะพริบตา

 

 

 

รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เผย "นิวัฒน์ธำรง" ส่งตนเป็นหัวหน้าทีมรัฐบาล คุย "ประยุทธ์" วันนี้ อ้างติดงาน ยันตัดสินใจแทนได้ทั้งหมด แย้มรัฐมนตรีก็เปลี่ยนคนไปด้วย แต่เชื่อคุยคงยังไม่ได้ข้อสรุปแน่
       
วันนี้ (22 พ.ค.) นายชัยเกษม นิติสิริ รักษาการรมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า ในวันนี้ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ตนเองเป็นหัวหน้าทีมตัวแทนรัฐบาล และรัฐมนตรีเข้าร่วมหารือกับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะ ผู้อำนวยการกองอำนวยรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ผอ.รส.และทั้ง 7 ฝ่าย ที่สโมสรทหารบก วิภาวดี ในเวลา 14.00น. เพื่อส่งการบ้าน ขณะที่ระบุว่า สาเหตุการที่นายนิวัฒน์ธำรง ไม่ได้เข้าร่วมวงหารือทั้ง 2 ครั้งนั้น เนื่องจากติดภารกิจในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ ซึ่งฝ่ายรัฐบาล ไม่ได้มีความกังวล กลัวว่าจะมีข้อผูกพันทางกฎหมายแต่อย่างใด พร้อมยืนยันว่า แม้จะเป็นตัวแทนรัฐบาล แต่สามารถตัดสินใจในข้อหารือได้ทั้งหมด เพราะได้มีการประชุมและรับแนวทางมาแล้ว โดยการหารือร่วม 7 ฝ่ายวันนี้ มีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีบางคนเนื่องจากติดภารกิจเช่นกันแต่จะส่งไปร่วมให้ครบตามที่ระบุมา โดยคาดว่า การหารือ 7 ฝ่ายกับกอ.รส.วันนี้จะยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนทั้งหมดเพราะ แต่ละฝ่ายจะยังไม่ได้ตามที่ข้อเสนอของตัวเอง จึงต้องดูการประชุมวันนี้อีกครั้ง

 

 

 

ข่าว  ผู้จัดการ
22 พฤษภาคม 
2557


 

 

 

 

โจทย์เก่าๆ  !

คำถามกลางอัยการศึก

 

 

"เลือกตั้งก่อนปฏิรูป หรือ ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง"

 

 

 

 

เผยโฉมหน้าประชาธิปไตยไทย

 

 

บิ๊กตู่ "เชิญทุกฝ่าย" เข้าร่วมหารือ หาทางออกประเทศไทยในภาวะวิกฤต ไม่มีใครยอมใคร ปากอ้างประชาธิปไตย แต่สุดท้ายก็ต้อง "ให้ทหารเป็นผู้จัดการ" เพราะจัดการกันเองไม่ได้ ใครที่เคยอ้าง "โดยประชาชน เพื่อประชาชน" ก็คงต้องเปลี่ยนสมการใหม่ว่า "โดยทหาร เพื่อประชาชน" บอกแล้วไงว่า เมื่อท่านมีโอกาสแต่ไม่ยอมทำ หรือทำไม่ได้ คนอื่นก็จะมาทำแทน ถึงไม่ใช่แฟนก็ทำแทนจนได้ เฮ้อ  

 

 

 

 

 

สภา มีไว้เพื่อใช้เป็นสถานที่ระดมกำลังสติปัญญาของประชาชนทั่วประเทศ ผ่านตัวแทนคือ ส.ส. ใช้เป็นที่ปรึกษาหารือกิจการบ้านเมือง เรื่องผลประโยชน์ของทุกฝ่าย แต่สุดท้ายก็ถูกใช้เป็นสถานที่ปล้นบ้านปล้นเมือง ทะเลาะเบาะแว้ง แก่งแย่งแข่งดี ชิงดีชิงเด่น จนเห็นคนไทยด้วยกันเป็นศัตรู พูดกันไม่รู้เรื่อง คุยกันไม่ได้ ต้องออกไปก่อม็อบทะเลาะเบาะแว้งอยู่บนถนน ในขณะที่ปากก็พร่ำแต่ "ประชาธิปไตยๆ" ฉบับใครฉบับมัน มันน่าเศร้า !

 

 

 

 

 

วันนี้ "รัฐสภาไทย" ไร้บาทบาทอย่างสิ้นเชิง ในการแก้ปัญหาของประเทศชาติ"สโมสรทหารบก" กลับชิงบทบาทนำอย่างโดดเด่น ถ้าสามารถนำไปสู่ "ทางออก"ของประเทศไทย โดยสมานฉันท์ได้ ก็ต้องยกนิ้วโป้งให้ว่า ของเขาดีจริง แต่ก็น่าห่วงเหลือเกินว่า ต่อไป ถ้าเกิดปัญหาอะไร แล้วไม่สามารถใช้ระบอบรัฐสภาไทยแก้ปัญหาได้ ก็จะกลับไปสู่วงจรใหม่ "ใช้ทหารเป็นหลักในการแก้ปัญหา" ถ้าทำเรื่อยๆ ก็จะกลายเป็น "วงจรอุบาทว์" สำหรับอารยะประเทศ

 

 

 

 

 

 โดนปืนจี้ถึงสามัคคีกัน

 

 

 

 

 

หัวหน้าพรรคเก่าแก่ แต่ยังพัฒนาไปไม่ถึงไหน ได้แค่รองเท้าบู๊ท

 

 

 

 


 

แดงทั้งแผ่นดิน สุดท้ายก็ติดสีเขียว

 

 

 

 


 

 

กกต. คุมการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย

สุดท้ายก็ต้องพึ่งกฎอัยการศึก หรือปลายกระบอกปืน

 

 

 

 

 

เปิดโจทย์ 5  ทางออกสำหรับประเทศไทย

 

 

21 พ.ค. บรรยากาศการประชุมร่วมกันระหว่างผู้บัญชาการทหารบกกับฝ่ายการเมืองทุกฝ่าย และตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ไม่ว่าจะเป็นฝ่าย นปช. กปปส พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงฝ่ายรัฐบาล มาร่วมหารือในเวทีเดียวกัน โดยมีองค์กรอิสระ คือคณะกรรมการการเลือกตั้ง และวุฒิสภา มาร่วมแสดงความคิดเห็น และร่วมหารือ เพื่อหาทางออกในการแก้ปัญหาประเทศร่วมกัน โดยให้แต่ให้แต่ละฝ่ายนำเสนอเป้าหมายของตนในการประชุมในวันพรุ่งนี้(22 พ.ค.) เวลาประมาณ 14.00 น.

 

 

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ผู้บัญชาการทหารบก ได้ให้การบ้านแต่ละฝ่าย 5 ข้อ กลับไปพิจารณา คือ
 

1. กำหนดวันเลือกตั้งเมื่อไร 
2. จะมีนายกฯคนกลางได้หรือไม่ 
3. มวลชนทั้ง 2 กลุ่ม ต้องยุติการชุมนุม 
4. ปฏิรูปก่อนหรือหลังเลือกตั้ง 
5. จะทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบ

 

 

"ประยุทธ์" ขอคำตอบทางออกประเทศจากคู่ขัดแย้งทุกฝ่าย บ่ายสองวันพรุ่งนี้

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุมหาทางออกประเทศ ณ สโมสร ทบ. วิภาวดีรังสิต  ที่มีตัวแทนรัฐบาล / ตัวแทนวุฒิสภา /คณะกรรมการการเลือกตั้ง / ผู้แทนพรรคเพื่อไทย /ผู้แทนพรรคประชาธิปัตย์/ ผู้แทน กปปส. /ผุ้แทน นปช.  เกือบ 2 ชั่วโมง ได้ยุติลงในช่วง ประมาณ 16.00 น. โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินออกจากที่ประชุมคนแรก

 

ต่อมา พันเอกวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงข่าวร่วมกับ พันเอกหญิงสิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพ ในฐานะโฆษกกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ กอ.รส. โดยระบุว่า การประชุมหารือระหว่างคู่ขัดแย้งหลายฝ่ายในวันนี้มีตัวแทนจาก 7 ภาคส่วน ได้แก่ รัฐบาล กกต. นปช. กปปส. พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกวุฒิสภา ประมาณ 40 ท่าน รวมถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะ ผอ.กอ.รส. พร้อมผบ.เหล่าทัพ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ทุกฝ่ายมาพบกัน โดยบรรยากาศการหารือเป็นไปด้วยดี ทุกฝ่ายพยายามเสนอความเห็น และปรับความเข้าใจในเรื่องต่างๆ


 

ทั้งนี้ทุกฝ่ายยืนยันว่า หลังจากประกาศกฎอัยการศึก บรรยากาศประเทศดีขึ้น ทุกฝ่ายตั้งสติและมองในมุมอื่นมากขึ้น โดยท่าทีของวันนี้ทุกฝ่ายพอใจในการหารือ และปรารถนาในการแก้ไขปัญหาประเทศ และเห็นพ้องว่าอยากให้เกิดข้อสรุปเพื่อคืนความสงบสุขให้พี่น้องประชาชนโดยเร็ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดการหารือได้


 

ส่วนการควบคุมสื่ออนไลน์ กอ.รส.ยืนยันว่า แม้เป็นการละเมิดเสรีภาพ แต่ขอให้ทำความเข้าใจถึงการคุ้มครองผู้ที่ถูกกล่าวหาผ่านสื่อเหล่านั้น


 

อย่างไรก็ตาม การหารือในวันนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป พล.อ.ประยุทธ์ จึงมอบหมายให้ทุกฝ่ายกลับไปทบทวนข้อเสนอว่าจะยอมรับข้อเสนอใดได้บ้าง โดยจะขอข้อสรุปจากทุกฝ่ายในวันพรุ่งนี้ (22 พฤษภาคม) เวลา 14 นาฬิกา ที่สโมสรกองทัพบก

 

 

เช็กชื่อใครเป็นใครในวงหารือที่ "พล.อ.ประยุทธ์" เชิญประชุม

 

การหารือร่วมกันของฝ่ายต่างๆ ตามคำเชิญของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะ ผอ.กอ.รส. ที่ สโมสรทหารบก ในเวลา  13.30 น.  ใครเป็นใครบ้าง ติดตามได้จากรายชื่อ ดังนี้


 

ผู้แทนรัฐบาล ประกอบด้วย 1.นายชัยเกษม นิติสิริ ปฏิบัติหน้าที่ รมว.ยุติธรรม  / 2.นายวราเทพ รัตนากร ปฏิบัติหน้าที่ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี/ 3.นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช ปฏิบัติหน้าที่ รมช.ศึกษาธิการ / 4 นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ปฏิบัติหน้าที่ รมว.พลังงาน    โดยนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล  ปฏิบัติหน้าที่รองนายกรัฐมนตรีไม่ได้เข้าร่วม


ผู้แทนวุฒิสภา ประกอบด้วย 1.นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 / 2. นายพีระศักดิ์ พอจิต ส.ว.อุตรดิตถ์ / 3. นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ ส.ว. สรรหา 

 


คณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกอบด้วย  1 นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต / 2 นายประวิช รัตนเพียร /3. นายบุญส่ง น้อยโสภณ /4.นายสมชัย ศรีสุทธิยากร / 5.นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต.


ผู้แทนพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย 1.พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รองหัวหน้าพรรค  2. นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย 3. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย 4 . นายชูศักดิ์  ศิรินิล คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย 5.นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา  กรรมการยุทธศาสตร์


ผู้แทนพรรคประชาธิปัตย์ 1. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค /2.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรค  / 3.นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค / 4.นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค / 5.นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค


ผู้แทน กปปส. ประกอบด้วย 1.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ / 2.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย /3. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ / 4.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ / 5.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข


ผู้แทนแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) ประกอบด้วย   1 นายจตุพร พรหมพันธุ์  /  2 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ  / 3 นางธิดา ถาวรเศรษฐ /  4 นายวีระกานต์ มุสิกพงษ์ / 5 นายก่อแก้ว พิกุลทอง

 

 

 

 

ภาพ : ไทยรัฐ  ข่าว  มติชน
22 พฤษภาคม 
2557


 

 

 

 

ขอความร่วมมือสื่อออนไลน์ !

 

 

อย่ายุยง ส่งเสริม สร้างความขัดแย้ง แตกแยก

ดูหมิ่น นินทา และต่อต้านการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ฯลฯ

 

 

 

 

 


 

 

 

 

ปัด "ปลด" ผบ.ทบ. !

 

 

รก.นายกฯปฏิเสธเสียงแข็ง

 

"แค่ข่าวลือ ไม่จริ๊ง ไม่จริง"

 

ผมปลดเขาน่ะไม่น่าจะจริง

แต่..เขาปลดผมนี่สิ กลัวว่าน่าจะจริง

 

 

 

 

 

 

THE FIVE RIVERS SHOW

 

รายการ "ชักแม่น้ำทั้งห้า" กับนิวัฒน์ธำรง รก.นายกรัฐมนตรี ผู้มีอำนาจรับสนองพระบรมราชโองการ แต่..ไม่มีอำนาจสั่งข้าราชการ

 

 

 

 

"นิวัฒน์ธำรง" ปัดข่าวลือปลด ผบ.ทบ. แค่ข่าวลือ

 

 

เมื่อเวลา 18.50 น. วันที่ 20 พฤษภาคม นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ปฏิบัติหน้าที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีภายหลังการประชุมรัฐมนตรีในส่วนของพรรคเพื่อไทย โดยในช่วงต้นนายนิวัฒน์ธำรงได้เท้าความถึงการออกเอกสารข่าวชี้แจงกับสื่อมวลชนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ผอ.กอ.รส.) ผู้ออกพระราชบัญญัติประกาศใช้กฎอัยการ โดยกล่างตบท้ายว่า รัฐบาลของยืนยันว่า บทบาทของรัฐบาลต้องการให้เกิดความสงบเรียบร้อยกับประเทศและประชาชนโดยยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม

 

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุมร่วมกับรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยก็ได้มีการปรึกษาหารือว่าวันนี้ก็เหมือนกับวันอื่นๆ ที่เคยปฏิบัติหน้าที่มา คือรัฐบาลยังคงต้องทำหน้าที่ของอย่างเต็มที่ในการบริหารราชการแผ่นดินตามที่กฎหมายบัญญัติ ซึ่งวันนี้เราควรจะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ก็มีการประกาศกฎอัยการศึกก่อน ซึ่งทาง พล.อ.ประยุทธ์ เอง ได้มีหนังสือส่งมายังรัฐบาลเรื่องการออกกฎอัยการศึกแล้ว และนอกจากนี้ในที่ประชุมยังเห็นเราควรจะร่วมกันหารือกันทุกฝ่ายในการร่วมกันทำงาน ซึ่งตนเห็นว่าเป็นที่สิ่งที่ดีที่จะหลายฝ่ายรวมถึงกองทัพจะมาร่วมหารือ เพื่อบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดความสงบสุขในประเทศและประชาชน ส่วนเรื่องการเลือกตั้งนั้นเราก็ได้รับความร่วมมือจากฝ่ายปกครองและฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้การเลือกตั้งประสบความสำเร็จ ส่วนเรื่องการปฏิรูปประเทศก็จำเป็นที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ทุกภาคส่วนด้วย


เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้นัดหารือหรือยัง

 

นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า กำลังประสานกันอยู่ และคิดว่าภายในสัปดาห์นี้น่าจะได้หารือ เพราะวันนี้เพิ่งจะวันอังคาร


เมื่อถามว่า ทราบก่อนหน้านี้หรือไม่ว่าจะมีการประกาศกฎอัยการศึก

 

นายนิวัฒน์ธำรงกล่าวว่า กฎอัยการศึกไม่จำเป็นต้องบอกล่วงหน้า เป็นอะไรที่พอทำได้อยู่ ทั้งนี้ รัฐบาลมองความมุ่งหมายของความสงบของบ้านเมือง ไม่ต้องการให้เกิดการปะทะกัน เกิดความเสียหายทางร่างกายและทรัพย์สินของประชาชน ก็เป็นสิ่งที่ดี และถ้าสิ่งที่เราหวังและระบุไว้ ซึ่งเชื่อว่ากองทัพก็ทำเช่นเดียวกัน ว่าจะทำไปตามกรอบของกฎหมาย นิติรัฐ นิติธรรม


เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะสั่งปลด ผบ.ทบ.

 

นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า "คนละเรื่องกันเลยครับ ไม่มีเรื่องนั้นอยู่ ซึ่งเป็นข่าวลือ"

 

 

 

ที่มา  : มติชน
21 พฤษภาคม 
2557

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น