วันอังคารที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2557

′ป.ป.ช.′ เล็ง ถอดคลิป รมต.ปราศรัยเวทีแดง-โคราช มัดสั่งเสื้อแดงปิดล้อมป.ป.ช. เล็งฟัน ม.157

 

′ป.ป.ช.′ เล็ง ถอดคลิป รมต.ปราศรัยเวทีแดง-โคราช มัดสั่งเสื้อแดงปิดล้อมป.ป.ช. เล็งฟัน ม.157

วันที่ 04 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 13:11:43 น.


แฟ้มภาพ
 




′ป.ป.ช.′ เล็ง ถอดคลิป รมต.ปราศรัยเวทีแดง-โคราช มัดสั่งเสื้อแดง

ปิดล้อมป.ป.ช. เล็ง ฟัน 157 เผยร้องกองปราบฟ้องแกนแดงนปช.-กวป. 

กราวรูดทั้งจำ-ปรับ ฐานข่มขู่แล้ว 


เมื่อเวลา 10.00 น. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่เอกสารชี้แจงกรณีสืบเนื่องจากตามที่ประธานวุฒิสภา ให้ส่งคำร้องขอให้วุฒิสภาถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คดีที่คณะกรรมการไต่สวน (องค์คณะกรรมการป.ป.ช.ไต่สวนทั้งคณะ) แจ้งข้อกล่าวหามีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย และกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีเหตุควรสงสัยว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าว โดยเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทางราชการตามอำนาจหน้าที่นั้น และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะองค์คณะไต่สวนได้มีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557 ให้มีหนังสือเรียกน.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ถูกกล่าวหามาพบและแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบตามระเบียบไต่สวนการทุจริตเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 14.00 น. 

 

 

ปรากฏว่า กลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาชน (กวป.) นำโดย นายชาญ  ไชยยะ รองประธาน กวป. นายสมศักดิ์ ล้อเพชรรุ่งเรือง เลขาธิการ กวป. นายศรรักษ์ มาลัยทอง โฆษก กวป. พร้อมมวลชนประมาณ 200  คน รวมตัวกันปิดล้อมสำนักงาน ป.ป.ช. โดยใช้โซ่คล้องพร้อมล็อกกุญแจห้ามรถและเจ้าหน้าที่เข้า-ออกเด็ดขาด มีการเตรียมการเทปูนกีดขวางประตู และปีนรั้วเข้ามาภายในสำนักงาน ป.ป.ช. อันถือว่าเป็นความผิดฐานบุกรุก และปิดถนนการจราจรฝั่งด้านหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. ช่องทางขาออกมุ่งหน้าถนนติวานนท์ พร้อมตั้งเวทีปราศรัยโดยมีการปักหลักค้างคืน ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 ถึงวันที่ 1 มีนาคม 2557 เพื่อให้สำนักงาน ป.ป.ช. ยุติการไต่สวนคดีทุจริตการรับจำนำข้าวของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และปราศรัยว่าการพิจารณาคดีของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีสองมาตรฐานเมื่อเปรียบเทียบกับการไต่สวนโครงการระบายข้าวสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี


ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ช. ขอชี้แจงข้อมูลจากเหตุการณ์ดังกล่าวใน 2 ประเด็นคือ 

1. รักษาการนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ทนายความมารับทราบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับ

โครงการรับจำนำข้าว ตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มอบหมายให้ทนายความมารับทราบข้อกล่าวหา 

และยินดีให้ความร่วมมือโดย สำนักงาน ป.ป.ช. ได้แจ้งข้อกล่าวหากับทางทนายความ

เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 14.00 น. ณ เทศบาลนครนนทบุรี 

และให้นำข้อกล่าวหาไปมอบให้รักษาการนายกรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งในคดีการถอดถอน

และคดีอาญาดังกล่าวมีขั้นตอนชัดเจน และให้สิทธิขั้นพื้นฐานที่จะให้ผู้ถูกกล่าวหาที่

มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว สามารถชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาได้ภายใน 15 วัน 

ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 14 มีนาคม 2557 และในการชี้แจงข้อกล่าวหาดังกล่าวก็ทำได้

ทั้งการเดินทางมาด้วยตัวเองก็จะเป็นประโยชน์ในการแถลงชี้แจงเพิ่มเติมได้อีก 

หรือจะส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือลายลักษณ์อักษรก็สามารถทำได้ ตามขั้นตอนของกฎหมาย 

หลังจากยื่นพยานหลักฐานมาเรียบร้อยแล้ว สำนักงาน ป.ป.ช. จะพิจารณาว่าจะไต่สวน

พยานเพิ่มเติมอะไรหรือไม่ เพื่อลงมติชี้มูลต่อไป ขอเรียนว่า สำนักงาน ป.ป.ช.

ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่เคยมีอคติในการทำงาน และไม่มีธงในการทำงานแต่อย่างใด


2. กรณีผู้ชุมนุมกลุ่มกวป. ปิดล้อมสำนักงาน ป.ป.ช. นั้น

 

2.1 ตามที่แกนนำกลุ่มกวป. ที่นำมวลชนมาชุมนุมปิดล้อมสำนักงาน ป.ป.ช. 

และปักหลักชุมนุมค้างคืน พร้อมทั้งตั้งเวทีบนถนนบริเวณด้านหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. 

ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 – 1 มีนาคม 2557  และได้มีการกระทำที่

เป็นการละเมิดต่อกฎหมายชัดเจน เช่น กรณีใช้โซ่ล่ามและล็อกกุญแจประตู 

เตรียมเทปูนกีดขวางประตู หรือปีนรั้วเข้ามาภายในสำนักงานถือว่าเป็นความผิดฐานบุกรุก 

ซึ่งเป็นเรื่องการข่มขู่ไม่ให้สำนักงาน ป.ป.ช.ทำงาน ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย 

แต่ก็มีการเจรจากับทางผู้ชุมนุมอยู่ตลอดเวลา และทางสำนักงาน ป.ป.ช.

กำลังเก็บรวบรวมหลักฐานเพื่อที่จะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป


ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ช. ได้เคยแจ้งความไปแล้วจนเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557 

ศาลได้มีการออกหมายจับ 5 แกนนำ ที่บุกรุกเข้ามาในบริเวณสำนักงาน ป.ป.ช. 

เพื่อให้ยุติการไต่สวนคดีทุจริตรับจำนำข้าว   โดยการปีนรั้วด้านหน้าของสำนักงาน ป.ป.ช. 

และมีการใช้ค้อนทุบทำลายกุญแจและโซ่ที่ล็อกประตูรั้วด้านหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. 

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 ได้แก่ 

1. นายศรรักษ์ มาลัยทองหรือนายมาลัยรักษ์ ทองชัย 

2. นายผัน โพธิ์ทอง 

3. นายวรัญชัย โชคชนะ 

4. นายกองพล นาวา 

5. นายชาญ ไชยยะ 

อย่างไรก็ตาม สำหรับการชุมนุมในครั้งนี้ก็ได้มีการละเมิดต่อกฎหมายชัดเจน

อีกเช่นเดิม ขณะนี้สำนักงาน ป.ป.ช. กำลังเก็บรวบรวมหลักฐานเพื่อที่

จะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป


2.2 สำนักงาน ป.ป.ช. กำลังพิจารณาว่าการปิดล้อมสำนักงาน ป.ป.ช. 

เป็นการทำตามคำสั่งของรัฐมนตรีหรือผู้มีอำนาจในรัฐบาลหรือไม่ 

เพราะมีหลักฐานเป็นคลิปการปราศรัยที่จังหวัดนครราชสีมาเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 

ที่มีรัฐมนตรีและคนในรัฐบาลสั่งการในลักษณะให้มีการเคลื่อนไหวกดดันองค์กรอิสระ 

และศาล  ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช. จะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้สั่งการ 

ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ 

พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 

มาตรา 123/1  ดังนั้น หากมีพยานหลักฐานเกี่ยวข้องถึงผู้ใดก็จะสอบขยายผลต่อไป


2.3 วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 ผู้ชุมนุมของกลุ่ม กวป. และ นปช. นนทบุรี 

ที่ปิดล้อมมาปิดล้อม สำนักงาน ป.ป.ช. ให้หญิงประมาณ 5 คน ปีนรั้วเข้าไป

ในเขตสำนักงาน ป.ป.ช. เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้ 2 คน   คือ 

นางเอสีห์ เอี่ยมภัทรนนท์ และ นางเพ็ญศรี เจริญเณรรักษา 

พร้อมทั้งแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.ลาดโตนด จังหวัดนนทบุรี 

ซึ่งต่อมาแกนนำมาประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน


2.4 จากการประชุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) 

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 ณ เวทีที่อาคารลิปตพัลลภฮอลล์ สนามกีฬา

เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดนครราชสีมา ภายใต้ชื่อ นปช. ลั่นกลองรบ 

ซึ่งมีแกนนำคือ นายรัตน์ ภู่กลาง จากจังหวัดตรัง ขึ้นเวทีปราศรัย     

โดยกล่าวพาดพิงถึงการทำงานและข่มขู่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งนี้ 

สำนักงาน ป.ป.ช. ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. เข้าไปดำเนินการ

ร้องทุกข์กล่าวโทษแก่บุคคลดังกล่าวกับกองบังคับการปราบปรามแล้วเมื่อ

วันที่ 3 มีนาคม 2557 เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายกับแกนนำ ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 139 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันไม่ชอบด้วยหน้าที่ 

หรือให้ละเว้นการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลัง

ประทุษร้าย ย่อมมีความผิดและถูกลงโทษจำคุกไม่เกินสี่ปี 

หรือปรับไม่เกินแปดพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1393913447&grpid=00&catid=01&subcatid=0100

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น