′ป.ป.ช.′ เล็ง ถอดคลิป รมต.ปราศรัยเวทีแดง-โคราช มัดสั่งเสื้อแดงปิดล้อมป.ป.ช. เล็งฟัน ม.157
วันที่ 04 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 13:11:43 น.
แฟ้มภาพ | ′ป.ป.ช.′ เล็ง ถอดคลิป รมต.ปราศรัยเวทีแดง-โคราช มัดสั่งเสื้อแดง ปิดล้อมป.ป.ช. เล็ง ฟัน 157 เผยร้องกองปราบฟ้องแกนแดงนปช.-กวป. กราวรูดทั้งจำ-ปรับ ฐานข่มขู่แล้ว
ปรากฏว่า กลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาชน (กวป.) นำโดย นายชาญ ไชยยะ รองประธาน กวป. นายสมศักดิ์ ล้อเพชรรุ่งเรือง เลขาธิการ กวป. นายศรรักษ์ มาลัยทอง โฆษก กวป. พร้อมมวลชนประมาณ 200 คน รวมตัวกันปิดล้อมสำนักงาน ป.ป.ช. โดยใช้โซ่คล้องพร้อมล็อกกุญแจห้ามรถและเจ้าหน้าที่เข้า-ออกเด็ดขาด มีการเตรียมการเทปูนกีดขวางประตู และปีนรั้วเข้ามาภายในสำนักงาน ป.ป.ช. อันถือว่าเป็นความผิดฐานบุกรุก และปิดถนนการจราจรฝั่งด้านหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. ช่องทางขาออกมุ่งหน้าถนนติวานนท์ พร้อมตั้งเวทีปราศรัยโดยมีการปักหลักค้างคืน ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 ถึงวันที่ 1 มีนาคม 2557 เพื่อให้สำนักงาน ป.ป.ช. ยุติการไต่สวนคดีทุจริตการรับจำนำข้าวของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และปราศรัยว่าการพิจารณาคดีของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีสองมาตรฐานเมื่อเปรียบเทียบกับการไต่สวนโครงการระบายข้าวสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
1. รักษาการนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ทนายความมารับทราบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับ โครงการรับจำนำข้าว ตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มอบหมายให้ทนายความมารับทราบข้อกล่าวหา และยินดีให้ความร่วมมือโดย สำนักงาน ป.ป.ช. ได้แจ้งข้อกล่าวหากับทางทนายความ เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 14.00 น. ณ เทศบาลนครนนทบุรี และให้นำข้อกล่าวหาไปมอบให้รักษาการนายกรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งในคดีการถอดถอน และคดีอาญาดังกล่าวมีขั้นตอนชัดเจน และให้สิทธิขั้นพื้นฐานที่จะให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว สามารถชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาได้ภายใน 15 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 14 มีนาคม 2557 และในการชี้แจงข้อกล่าวหาดังกล่าวก็ทำได้ ทั้งการเดินทางมาด้วยตัวเองก็จะเป็นประโยชน์ในการแถลงชี้แจงเพิ่มเติมได้อีก หรือจะส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือลายลักษณ์อักษรก็สามารถทำได้ ตามขั้นตอนของกฎหมาย หลังจากยื่นพยานหลักฐานมาเรียบร้อยแล้ว สำนักงาน ป.ป.ช. จะพิจารณาว่าจะไต่สวน พยานเพิ่มเติมอะไรหรือไม่ เพื่อลงมติชี้มูลต่อไป ขอเรียนว่า สำนักงาน ป.ป.ช. ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่เคยมีอคติในการทำงาน และไม่มีธงในการทำงานแต่อย่างใด
2.1 ตามที่แกนนำกลุ่มกวป. ที่นำมวลชนมาชุมนุมปิดล้อมสำนักงาน ป.ป.ช. และปักหลักชุมนุมค้างคืน พร้อมทั้งตั้งเวทีบนถนนบริเวณด้านหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 – 1 มีนาคม 2557 และได้มีการกระทำที่ เป็นการละเมิดต่อกฎหมายชัดเจน เช่น กรณีใช้โซ่ล่ามและล็อกกุญแจประตู เตรียมเทปูนกีดขวางประตู หรือปีนรั้วเข้ามาภายในสำนักงานถือว่าเป็นความผิดฐานบุกรุก ซึ่งเป็นเรื่องการข่มขู่ไม่ให้สำนักงาน ป.ป.ช.ทำงาน ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย แต่ก็มีการเจรจากับทางผู้ชุมนุมอยู่ตลอดเวลา และทางสำนักงาน ป.ป.ช. กำลังเก็บรวบรวมหลักฐานเพื่อที่จะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป ศาลได้มีการออกหมายจับ 5 แกนนำ ที่บุกรุกเข้ามาในบริเวณสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อให้ยุติการไต่สวนคดีทุจริตรับจำนำข้าว โดยการปีนรั้วด้านหน้าของสำนักงาน ป.ป.ช. และมีการใช้ค้อนทุบทำลายกุญแจและโซ่ที่ล็อกประตูรั้วด้านหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 ได้แก่ 1. นายศรรักษ์ มาลัยทองหรือนายมาลัยรักษ์ ทองชัย 2. นายผัน โพธิ์ทอง 3. นายวรัญชัย โชคชนะ 4. นายกองพล นาวา 5. นายชาญ ไชยยะ อย่างไรก็ตาม สำหรับการชุมนุมในครั้งนี้ก็ได้มีการละเมิดต่อกฎหมายชัดเจน อีกเช่นเดิม ขณะนี้สำนักงาน ป.ป.ช. กำลังเก็บรวบรวมหลักฐานเพื่อที่ จะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป เป็นการทำตามคำสั่งของรัฐมนตรีหรือผู้มีอำนาจในรัฐบาลหรือไม่ เพราะมีหลักฐานเป็นคลิปการปราศรัยที่จังหวัดนครราชสีมาเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 ที่มีรัฐมนตรีและคนในรัฐบาลสั่งการในลักษณะให้มีการเคลื่อนไหวกดดันองค์กรอิสระ และศาล ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช. จะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้สั่งการ ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 123/1 ดังนั้น หากมีพยานหลักฐานเกี่ยวข้องถึงผู้ใดก็จะสอบขยายผลต่อไป
ที่ปิดล้อมมาปิดล้อม สำนักงาน ป.ป.ช. ให้หญิงประมาณ 5 คน ปีนรั้วเข้าไป ในเขตสำนักงาน ป.ป.ช. เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้ 2 คน คือ นางเอสีห์ เอี่ยมภัทรนนท์ และ นางเพ็ญศรี เจริญเณรรักษา พร้อมทั้งแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.ลาดโตนด จังหวัดนนทบุรี ซึ่งต่อมาแกนนำมาประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 ณ เวทีที่อาคารลิปตพัลลภฮอลล์ สนามกีฬา เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดนครราชสีมา ภายใต้ชื่อ นปช. ลั่นกลองรบ ซึ่งมีแกนนำคือ นายรัตน์ ภู่กลาง จากจังหวัดตรัง ขึ้นเวทีปราศรัย โดยกล่าวพาดพิงถึงการทำงานและข่มขู่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ช. ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. เข้าไปดำเนินการ ร้องทุกข์กล่าวโทษแก่บุคคลดังกล่าวกับกองบังคับการปราบปรามแล้วเมื่อ วันที่ 3 มีนาคม 2557 เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายกับแกนนำ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 139 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันไม่ชอบด้วยหน้าที่ หรือให้ละเว้นการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลัง ประทุษร้าย ย่อมมีความผิดและถูกลงโทษจำคุกไม่เกินสี่ปี หรือปรับไม่เกินแปดพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1393913447&grpid=00&catid=01&subcatid=0100 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น