วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2557

ไปกันใหญ่: กองปราบออกหมายเรียกอั้ม เนโกะ ฐานหมิ่นเบื้องสูง

วันพฤหัสบดี, มีนาคม 20, 2557

ไปกันใหญ่: กองปราบออกหมายเรียกอั้ม เนโกะ ฐานหมิ่นเบื้องสูง

20 มีนาคม 2557 

ที่มา ทีนิวส์ "กองปราบ" ออกหมายเรียก "อั้ม เนโกะ" ฐานหมิ่นเบื้องสูง !! เตรียมระทึกรับทราบข้อกล่าว 24 มี.ค.



กองปราบปรามแจงความคืบหน้า หลังฟ้า พรทิพา แจ้งความเอาผิด "อั้ม เนโกะ" ในความผิดฐานดูหมิ่นเบื้องสูง ตามม.112 โดยพนักงานสอบสวนออกหมายเรียก รับทราบข้อกล่าว 24 มี.ค.นี้

วันนี้ ( 20 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 12.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี น.ส.พรทิพา สุพัฒนุกุล หรือฟ้า อายุ 41 ปี อดีตเจ้าของรายการ “เบสต์ออฟยัวร์ไลฟ์” ออกอากาศทางช่อง 13 สยามไท เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ให้ดำเนินคดีกับ นายศรัณย์ ฉุยฉาย หรือ “อั้ม เนโกะ” อายุ 20 ปี นักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อยู่บ้านเลขที่ 1848/47 ถนนจรัญสนิทวงศ์ ซอย 75 แขวงและเขตบางพลัด กทม.ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2556 กรณีที่พูดพาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูงด้วยถ้อยคำที่รุนแรงว่า หลักจากทาง พนักงานสอบสวน บก.ปอท.ได้พิจารณาแล้วได้ส่งเรื่องกลับมาให้พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป.ดำเนินคดีต่อไป ซึ่งวันนี้ทาง น.ส.พรทิพา ได้นำตัวพยานที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวน 3 ปากมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับ ร.ต.อ.วิทวัส สายอ๋อง พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป.หลังจากก่อนหน้านี้ได้นำคลิปวีดีโอในวันเกิดเหตุมาให้ประกอบคดีแล้ว

จากนั้นพนักงานสอบสวนพนักงานได้พิจารณาออกหมายเรียก อั้ม เนโกะ มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 24 มี.ค.นี้ เนื่องจากพิจารณาหลักฐานแล้วพบว่าคดีมีมูล อีกทั้งพยานหลักฐานที่เป็นคลิปก็สามารถเอาผิดกับ อั้ม เนโกะ ได้ ซึ่งหากออกหมายเรียกไปแล้วสองครั้งเจ้าตัวยังไม่มาก็จะขออนุมัติศาลออกหมายจับต่อไป

ร.ต.อ.วิทวัส กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ต้องรอสอบปากคำอั้ม เนโกะ อีกครั้ง ให้เขาชี้แจงถ้อยคำที่พูด ว่ามีเหตุมีผลอย่างไรที่พูดออกไป ให้เขาชี้แจงให้หมด หากเข้าข่ายความผิดตามข้อกล่าวหาก็จะเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาส่งอัยการฟ้องดำเนินคดีต่อไป

ด้าน น.ส.พรทิพา กล่าวว่า ตนได้ติดตามเร่งรัดคดีนี้อย่างเกาะติดตลอดเพราะอยากให้เป็นคดีตัวอย่าง ไม่ให้คนอื่นมาก่อเหตุลักษณะนี้ได้อีก ทั้งนี้ซึ่งต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบที่เร่งทำคดีจนกระทั่งออกหมายเรียก อั้ม เนโกะ มารับทราบข้อกล่าวหาได้ อย่างไรก็ตามหากพบเห็นกลุ่มหรือบุคคลหมิ่นสถาบันฯอีก ตนก็จะแจ้งความดำเนินคดีอย่างแน่นอน



ภาพจากเพจ "ฟ้า พรทิพา" เป็นภาพที่นายสมชาย ช่วยเป็นพยานให้กับฟ้า พรทิพา

จักรภพ เพ็ญแข แนะ นปช.



จากข้อเขียนของ จักรภพ เพ็ญแข เรื่อง นปช. ชั้นเชิงใหม่ และ ทุเทพกับสุเทพ


      ผมขอร่วมแสดงความยินดีกับคุณจตุพร พรหมพันธุ์ ที่ได้ขึ้นตำแหน่งเป็นประธานคนใหม่ของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ความจริงการขึ้นตำแหน่งของคุณจตุพรฯ คงไม่มีใครแปลกใจอะไรนัก เพราะเป็นเพียงทำสิ่งที่ไม่เป็นทางการให้เป็นทางการขึ้นเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ในยามนี้เรายึดประโยชน์ร่วมของปวงชนชาวไทยเป็นหลัก อะไรที่ช่วยได้แม้เพียงเล็กน้อยก็นับว่าดีทั้งนั้น ผมจึงขอแสดงความยินดีกับท่านประธานจตุพรฯ และท่านเลขาธิการณัฐวุฒิฯ ไปจากนอกพื้นที่อำนาจของระบอบอำมาตย์ศักดินาในรัฐไทยและปวารณาตัวว่าจะช่วยให้งานมวลชนในประเทศมีความเพียบพร้อมสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ ก่อนถึงเวลาทวงอำนาจอธิปไตยอันเป็นของเราแท้ๆ คืนอย่างเป็นเรื่องเป็นราวต่อไป 

      เปลี่ยนประธานทั้งที ผมจึงขอถือโอกาสเสนอแนวคิดต่อผู้บริหารคณะปัจจุบันของ นปช. ดังๆ ไว้ตรงนี้เสียเลย บางเรื่องจะไม่พูดมากนักเพราะเราเป็นฝ่ายเดียวกัน ผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์การต่อสู้ทางการเมืองอย่าง ดร.จรัล ดิษฐาอภิชัย ก็คอยพร่ำเตือนว่าเราต้องใช้ท่าทีถนอมรัก” เพื่อให้งานที่ใหญ่หลวงกว่าตัวเราประสบความสำเร็จได้ตามเป้าประสงค์ และไม่ให้ตัวตน หรืออัตตาของแต่ละคนใหญ่โตเกินกว่าผลประโยชน์โดยรวมไปได้เป็นอันขาด ผมจึงขอเสนอแนวคิดเบาๆ ไว้ในโอกาสนี้:

      ๑. นปช.ควรพัฒนาฐานข้อมูลด้านคุณภาพของมวลชนที่ประกาศตัวว่าเป็นสมาชิก นปช. ขณะนี้เรารู้ว่ามวลชนแต่ละสาขาทั่วประเทศ มีจำนวนประมาณเท่าไหร่ เชิญชุมนุมแต่ละครั้งจะกรุณามาร่วมกับ นปช. ขนาดไหนอย่างไร แต่เรายังไม่มีความรู้เท่าที่ควรว่ามวลชนของเราคือใคร แต่ละคนๆ มีความสามารถเฉพาะตัวและในการทำงานอย่างไร ระบบเขียนข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์ขณะนี้ก้าวหน้านักหนา จะเขียนโปรแกรมมารองรับกระบวนการรวบรวมข้อมูล จัดเก็บข้อมูล ใช้ข้อมูลแบบประยุกต์ไปในทิศทางต่างๆ อย่างไรได้ทั้งนั้น ข้อมูลที่เริ่มต้นจากข้อมูลดิบ (data) จะพัฒนาตัวเองไปสู่ข้อมูลสุกหรือข้อมูลข่าวสาร (information) และอาจกลายเป็นความรู้ (knowledge) หรือภูมิปัญญา (wisdom) ไปได้โดยไม่ยากนัก ผมคิดว่าเริ่มตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไป ปราชญ์ยุทธศาสตร์สงครามอย่างซุนหวู่สอนมานักเรื่องรู้เขารู้เรา เราก็เอามาประยุกต์เรื่องรู้เราเสียหน่อย คงไม่เสียหายอะไร มีแต่จะยังประโยชน์ในระบบบริหารจัดการมากขึ้น 

      ๒. นปช. ควรจัดประชุม แนวร่วมประชาธิปไตย” เป็นครั้งคราว เพราะขณะนี้ขบวนประชาธิปไตยเรามีแนวร่วมที่หลากหลายกว่าเมื่อแถวๆ ปี พ.ศ.๒๕๔๙ มาก บางส่วนเขาก็ไม่ใช่ นปช. แต่เขาก็ร่วมชุมนุมกับ นปช. ทุกครั้ง เพราะถือว่าเป็นหน่วยระดมกำลังพลในฝ่ายเดียวกัน เราต้องการพลังเหล่านี้ทั้งหมดเพื่อชี้นำการเปลี่ยนแปลงรัฐไทย

      โปรดอย่าตั้งเงื่อนไขใดๆ ให้ร่วมมือกันยาก หรือมีความรังเกียจเดียดฉันท์กันอย่างใดเลย ให้ถือว่าไม่ใช่ครอบครัวก็เหมือนญาติ ไม่ใช่ญาติก็เหมือนเพื่อนฝูงพี่น้อง การนัดพบกันแต่ละครั้งถือเป็นการเหลาขบวนการของเราให้แหลมคมขึ้นตลอดเวลา ความเห็นที่หลากหลายเป็นพลวัตรที่นำมาใช้เป็นพลังได้ ไม่ใช่ความวุ่นวายที่ทำให้เสียพลัง 

      ๓. นปช. ควรคำนึงถึงความใหญ่ยิ่งของตนเอง หากทำให้ถูกวิธีจะเป็นทางออกที่สำคัญกว่าความเป็นพรรคการเมืองเพื่อการเลือกตั้ง หรือแม้แต่ตัวรัฐบาลเองเสียอีก ตำแหน่งรัฐมนตรีควรเล็กกว่าฐานะนำใน นปช. และต้องไม่ลดมูลค่าของ นปช. เพื่อตำแหน่งแห่งหนใดๆ

      ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยไม่มีอำนาจรัฐโดยสมบูรณ์อย่างที่เป็นอยู่นี้จะเป็นรัฐมนตรีไปทำอะไรกัน ก็ขนาดตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังต้องหลบหลีกกองโจรของเจ้าของประเทศเป็นพัลวัน อำนาจรัฐบาลก็ถูกริดรอนลงไปทุกวันๆ เหมือนถูกริดกิ่งไม้ แถมปวงชนชาวไทยก็ถูกถ่มถุยดูถูกว่าไม่มีปัญญาจะคัดง้างกับอำนาจอันล้นพ้นของเขา

       เราหันมาช่วยกันฟื้นสภาพนิเวศของระบอบประชาธิปไตยกันเสียก่อนไม่ดีกว่าหรือ ภารกิจนี้แหละที่ นปช. มีโอกาสมากกว่าใครทั้งหมดในปัจจุบัน เพราะมีต้นทุนสูงสุดอย่างน้อยก็ในทางภาพลักษณ์.



       เมื่อวานผมเสนอแนะ นปช. ไปสองสามประการ ท่านจะทำหรือไม่ทำก็แล้วแต่ แต่ผมได้รับข้อคิดเห็นและคำวิจารณ์ที่มีประโยชน์จากผู้อ่านที่ตั้งกระทู้เข้ามามากมาย ข้อสังเกตหนึ่งที่ผมสมควรจะได้ตอบขยายความต่อไปคือ:

      “Sarunyapuch Tham การทำฐานข้อมูลอาจดีอย่างที่คุณจักรภพบอก แต่อีกมุมหนึ่งก็เป็นอันตรายมาก หากข้อมูลรั่วไหล ฝ่าย ปชต. อาจได้รับอันตรายจากคนโหดเหี้ยมที่มีความคิดแบบฮิตเลอร์ (ฆ่าชาวยิว)

       เรื่องที่ท่านติงมานี้จริงและมีโอกาสเป็นไปได้ ผมจึงขอเพิ่มเติมข้อคิดให้รัดกุมขึ้นว่า การทำฐานข้อมูลในแง่วิชาชีพและทักษะ เพื่อการบริหารขบวนการให้เกิดอรรถประโยชน์เต็มที่ (utilisation) นั้นควรจะทำอยู่บนหลักการพื้นฐานดังนี้

๑) ให้ข้อมูลตามความสมัครใจของเจ้าของข้อมูล
๒) ไม่เปิดเผยวิธีการบริหารและใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูล
๓) ส่งเสริมเศรษฐกิจเสื้อแดง คือการค้าขายแลกเปลี่ยนกันในประชาคมเสื้อแดงและแนวร่วมของฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อลดส่วนแบ่งทางเศรษฐกิจของฝ่ายตรงข้าม และเพื่อมิให้ข้อมูลนอนนิ่งอยู่เฉยๆ โดยเปล่าประโยชน์ 

        เราควรต้องยอมรับกันแต่บัดนี้ว่า ถึงเราจะได้รับชัยชนะในการต่อสู้ทางการเมือง แต่ความเห็นแก่ตัวที่หนักหนาอยู่ในชนชั้นทางเศรษฐกิจคงไม่จางหายไปง่ายๆ ใครเคยสูบเลือดมนุษย์คนอื่นกินโดยไม่ต้องเหนื่อยหรือเก่งเอง ก็ยากที่จะเปลี่ยนสันดานนั้น หรืออย่างน้อยก็ต้องใช้เวลามาก ส่วนใครเคยยืนอยู่บนขาของตัวเองมาตลอด จะให้เปลี่ยนสภาพไปขูดรีดคนอื่นก็คงจะยากกว่า


       โครงสร้างเศรษฐกิจไทยขณะนี้เป็นเรื่องของการสร้างมนุษย์พิเศษขึ้นมาครองเมือง เพื่อให้รังสี (aura) แห่งความพิเศษนั้นช่วยบดบังความชั่วร้ายที่คนไทยบางคนทำกับคนไทยส่วนใหญ่มาตลอดชีวิต การทำให้รังสีนั้นจางลง หรือหมดไป อาจไม่ได้ทำให้สันดานเอาเปรียบมนุษย์อื่นๆ หมดตาม แต่อาจจะกระโจนกลับมาโหนต้นประชาธิปไตยและเสแสร้งว่าเปลี่ยนอุปนิสัยมายอมรับนับถือเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ แล้วก็ได้

        เพราะฉะนั้นการรู้ว่าใครคือใครเสียแต่บัดนี้ จะช่วยลดโอกาสถูกหลอกในตอนนั้นลงได้มาก ถึงจะมีพวกที่ใจกล้าหน้าด้านแหวกทางเข้ามาทำท่าเป็นพวกอยู่บ้าง แต่พวกเราบางคนคงจะจำได้ และคงไม่ถูกหลอกจนหมดตัวอย่างที่แล้วมาอีก.

ช่วยมาเยี่ยมกูบ้างนะ เราคนกันเอง


 
https://www.youtube.com/watch?v=HoiGQq_YVAo&feature=youtu.be

ooo

รวบแล้ว ‘มือปืนป็อบคอร์น’ ที่สุราษฎร์ฯ คุมตัวสืบขยายผล

ผู้ช่วยผบ.ตร. เผยจับ ‘นิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์’ หรือ ‘มือปืนป๊อปคอร์น’ ก่อเหตุแยกหลักสี่ ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นได้แล้ว ที่ตลาดแห่งหนึ่งในตัวเมือง จ.สุราษฏร์ธานี เมื่อ 14.00 วันนี้ รับสารภาพคุมตัวสืบสวนขยายผลต่อ

19 มี.ค.2557 มติชนออนไลน์รายงานว่า หลังจากตำรวจได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ นายนิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือ มือปืนป๊อปคอร์น ที่ก่อเหตุบริเวณแยกหลักสี่ ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และพกพาอาวุธปืน และฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เมื่อวานนี้ ล่าสุดพล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลได้แล้ว โดย นายวิวัฒน์ ถูกจับกุมที่ตลาดแห่งหนึ่ง ในตัวเมือง จ.สุราษฏร์ธานี เมื่อเวลาประมาณ 14.00 ของวันนี้

ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า นายวิวัฒน์ หลบหนีจากกรุงเทพมหานคร ไปกบดานอยู่ที่บ้านภรรยาของลูกพี่ คนหนึ่งที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยลูกพี่ของนายวิวัฒน์ คนดังกล่าวเป็นหัวหน้าการ์ด กปปส. ซึ่งประจำอยู่ที่เวทีแจ้งวัฒนะ และขณะนี้นายวิวัฒน์อยู่ระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสืบสวนขยายผล ก่อนที่จะส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สำหรับการปฏิบัติการจับกุมมือปืนป๊อบคอร์น ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ครั้งนี้ เป็นการสนธิกำลัง ระหว่าง เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองกำกับการสืบสวนตำรวจนครบาล 2 และ กองกำกับการตำรวจภูธรภาค 1

เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผอ.ศอ.รส. เปิดเผยว่า เพิ่งได้รับรายงานจาก พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม นายวิวัฒน์  ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลได้แล้ว โดย นาย วิวัฒน์ ถูกจับกุมที่ตลาดแห่งหนึ่ง ในตัวเมือง จ.สุราษฏร์ธานี เมื่อเวลาประมาณ 14.00 ของวันนี้ 19 มี.ค. 57 โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานว่า นายวิวัฒน์ หลบหนีจากกรุงเทพมหานคร ไปกบดานอยู่ที่บ้านภรรยาของลูกพี่ คนหนึ่งที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยลูกพี่ของ นาย วิวัฒน์ คนดังกล่าวเป็นหัวหน้าการ์ด กปปส. ซึ่งประจำอยู่ที่เวทีแจ้งวัฒนะ

ทั้งนี้ ภายหลังถูกจับกุม นายวิวัฒน์  ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุในเหตุการณ์รุนแรงซึ่งเกิดขึ้นในท้องที่หลักสี่ ซึ่งปรากฎเป็นภาพข่าวใช้อาวุธปืนยิงจากถุงป๊อปคอร์นจริง และขณะนี้ นายวิวัฒน์ อยู่ระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสืบสวนขยายผล ก่อนที่จะส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สำหรับการปฏิบัติการจับกุมมือปืนป๊อบคอร์น ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ครั้งนี้ เป็นการสนธิกำลัง ระหว่าง เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองกำกับการสืบสวนตำรวจนครบาล 2 และ กองกำกับการตำรวจภูธรภาค 1 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเตรียมแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้(20 มี.ค.)

ประชาไท

19-3-57 ข่าวเที่ยงDNN นักรัฐศาสตร์อัดยับศาลรัฐธรรมนูญ

 
https://www.youtube.com/watch?v=J4yNKTiqcS0

เรื่องเกี่ยวข้อง...


เลือกตั้งเป็นโมฆะ ทางออกหรือทางตัน



หมายเหตุ - นักวิชาการให้ความเห็นกรณีที่มีผู้ร้องศาลรัฐธรรมนูญวินิฉัยว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่ จะมีผลอย่างไรต่อสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน



นายยุทธพร อิสรชัย 
ประธานกรรมการประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ 
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

ต้องฟังประธาน กกต.เเละผู้ตรวจการเเผ่นดินในการที่จะไปให้การไต่สวน ผมเห็นว่าเรื่องนี้อยู่นอกกรอบอำนาจของศาลพอสมควรเพราะว่าการที่ ผู้ตรวจการแผ่นดินไปร้องตามมาตรา 254 ทั้งที่อำนาจผู้ตรวจการฯ มีอยู่เเค่ 2 เรื่องเท่านั้น 1.คือร้องว่ากฎหมายใดขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ 2.การร้องว่ามีการทำทุจริตเกิดขึ้น 

ถามว่าถ้าไปร้องเเล้วศาลตัดสินว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ คือพระราชกฤษฎีกาที่ออกมาขัดกับรัฐธรรมนูญ จะเกิดปัญหาเเละความยุ่งยากทันที เพราะ พ.ร.ฎ.ฉบับนี้ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องของการเลือกตั้งเท่านั้น เเต่พูดถึงการยุบสภาไว้ด้วย เพราะฉะนั้นเท่ากับว่าเราต้องคืนสถานะ ส.ส.ให้กับ 500 คนที่ถูกยุบสภาไปหรือไม่ เนื่องจากถือว่า พ.ร.ฎ.ขัดรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นศาลเองต้องพินิจพิเคราะห์อย่างรอบคอบในการตัดสิน เพราะถ้าศาลตัดสินออกมามันไม่ได้ทำให้เเค่การเลือกตั้งโมฆะเเต่ว่าจะกลับไปสู่สถานะภาพของสภาที่ถูกยุบไปด้วย 

หากบอกว่ากฎหมายฉบับนี้ขัดรัฐธรรมนูญ แปลว่าการยุบสภาก็ไม่เกิดขึ้นด้วย เพราะถ้าตก มันก็ต้องตกหมดทั้งฉบับ จะบอกว่าตกเฉพาะเรื่องเลือกตั้งไม่ตกเรื่องยุบสภา ก็คงไม่ได้เพราะอยู่ในกฎหมายฉบับเดียวกัน ถ้ากฎหมายขัดรัฐธรรมนูญก็ต้องขัดทั้งฉบับ อย่างไรก็ตามต้องถามว่ามันจะขัดอย่างไร ในเมื่อที่ผ่านมาเวลายุบสภาเราก็ใช้วิธีการนี้ ในการออก พ.ร.ฎ.เเละกำหนดวันเลือกตั้ง ก็ไม่เห็นว่าจะขัดรัฐธรรมนูญตรงไหน 

ทั้งนี้ก็ยังแปลกใจว่าศาลรับเรื่องนี้เข้าไปได้อย่างไร ทั้งที่อยู่นอกเหนืออำนาจผู้ตรวจการแผ่นดิน 

ขณะเดียวกัน กรณีคู่ขัดเเย้งทั้งรัฐบาลเเละ กปปส.ไม่รับข้อเสนอจาก 6 องค์กรอิสระ คิดว่าข้อเสนอที่ออกมาไม่ใช่เรื่องใหม่เเละเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงมาตลอด 3-4 เดือนที่ผ่านมา คือกระบวนการที่มีกรอบอยู่ 4 เรื่องใหญ่ คือ 1.การเลือกตั้ง 2.การปฏิรูปประเทศ 3.รัฐบาลกลาง 4.การยุติความรุนเเรง 

ฉะนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่รัฐบาลเเละ กปปส.จะไม่รับข้อเสนอ ส่วนกรอบวิธีการ 6 ข้อในการเจรจา ปกติก็เป็นเเนวทางที่สังคมพึงปรารถนาอยู่เเล้วในการเจรจา เเต่ประเด็นคือว่า ทั้ง 6 องค์กรเอามาจัดเรียงให้ชัดเจนขึ้น เเต่เพียงคู่ขัดเเย้งทั้ง 2 ฝ่าย มีการรับรู้ เป้าหมายทางการเมืองเเละวิธีการทางการเมืองที่ต่างกัน ทำให้ความขัดเเย้งลดลงได้ยาก เเละนำไปสู่การเจรจาก็เกิดขึ้นได้ยากเช่นกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่ทั้งสองฝ่ายจะไม่รับข้อเสนอ

อย่างไรก็เเล้วเเต่คิดว่าการเจรจายังมีโอกาสเกิดขึ้นได้ เเต่เมื่อใดที่การเจรจาในประเทศนั้นไม่สามารถเจรจาได้ อาจมีความจำเป็นที่ต้องมีองค์กรระหว่างประเทศหรือคนที่มีความสำคัญในโลกมาเป็นคนกลาง


นายพรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย 
อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ 
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ถ้าศาลตัดสินให้การเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์เป็นโมฆะ มองว่าจะไม่มีทางออกใดเลย จะมีแต่ผลกระทบคือประชาชนที่ออกไปใช้สิทธิใช้เสียงในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ จะมีการตั้งคำถามกับศาลและการพิจารณาของศาล อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่สั่นคลอนความน่าเชื่อถือของศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้คนมองว่าศาลรัฐธรรมนูญเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองเอง ไม่ใช่ตัวกลางที่จะมาตัดสินปัญหา ซึ่งที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญถูกตั้งคำถามจากคนกลุ่มหนึ่งค่อนข้างมากจากการทำหน้าที่ ถ้าครั้งนี้ศาลตัดสินให้เป็นโมฆะสุ่มเสี่ยงกับการที่จะถูกสังคมและคนที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งตั้งคำถามว่า ทำไมศาลทำหน้าที่แบบนี้ ซึ่งเป็นลักษณะการเข้าไปลิดรอนการไปใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชนที่ถูกรับรองสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจจะนำไปสู่ความไม่พอใจและเกิดเป็นความรุนแรงในที่สุด

ตามหลักรัฐธรรมนูญไม่สามารถสั่งให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้ ประเด็นการเลือกตั้งไม่เป็นวันเดียวนั้น ความจริงมีการจัดการเลือกตั้งเป็นวันเดียวกันอยู่แล้ว คือวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ประเด็นคือ 28 เขตเป็นผลสืบเนื่องจากวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งตาม พ.ร.ก. ซึ่งยังมีผลตามกฎหมายอยู่ ส่วนการเสนอให้มีการจัดการเลือกตั้งใน 28 เขตที่ยังไม่มีผู้สมัคร ตรงนั้นเป็นเพียงการแก้ไขข้อบกพร่องในวันที่ 2 กุมภาพันธ์เท่านั้นไม่ใช่การกำหนดวันเลือกตั้งใหม่

ในประเด็นการนับคะแนนเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ทำให้การเลือกตั้งในวันหลังทราบผลการเลือกตั้งแล้ว อาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิการเลือกตั้งในภายหลังได้นั้น ถ้ามองในเชิงข้อเท็จจริง การประกาศคะแนนเลือกตั้งยังประกาศไม่ครบทุกเขต ทำให้ยังไม่ทราบผลอย่างเบ็ดเสร็จ ตรงนี้คุณจะบอกว่าส่งผลจูงใจให้คนที่จะลงคะแนนเลือกพรรคนี้ พรรคนั้นไม่ได้ ในเชิงกฎหมาย กกต.ยังไม่ได้ประกาศรับรองผลอย่างเป็นทางการตามกฎหมาย 

ส่วนตัวมองว่าตรงนี้ยังไม่มีการประกาศผล ไม่มีความผิดปกติใดๆ ที่จะทำให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้เป็นโมฆะได้ แต่การกำหนดให้มีการใช้สิทธิตรงนี้เพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมามีลักษณะการขัดขวางการเลือกตั้งของผู้ชุมนุม และต่อให้มองว่าลักษณะการกำหนดวันเลือกตั้งมีลักษณะให้ประชาชนล่วงรู้ผลลงคะแนนทำให้การลงคะแนนไม่เป็นอิสระ ไม่เป็นความลับจริงตามกฎหมายศาลก็ไม่สามารถที่จะสั่งล้มกระบวนการการเลือกตั้งทั้งหมดของประเทศได้ 

ที่ผ่านมาการเลือกตั้งทั้งประเทศส่วนใหญ่มีการลงคะแนนเสียงไปโดยไม่มีปัญหา จะมีปัญหาจริงๆ แค่เพียงส่วนเดียว สิ่งที่ศาลทำได้มากที่สุดคือให้การเลือกตั้งที่มีการกำหนดไว้ประมาณ 2 ล้านคะแนน อย่าไปเลือกตั้ง แต่ศาลจะไม่สามารถสั่งเพิกถอนกระบวนการเลือกตั้งได้ เพราะตามกฎหมายส่วนไหนที่เสียก็จัดการที่เสีย แต่ส่วนที่ดี ที่ลงเสียงถูกต้อง ตามหลักกฎหมาย ด้วยความชอบธรรมศาลจะยุ่งไม่ได้


นายประจักษ์ ก้องกีรติ 
อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ 
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เราคาดเดาไม่ได้ล่วงหน้าว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยออกมาทางใด ซึ่งการวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ไม่เป็นโมฆะ มีสาเหตุ (น้ำหนัก) มากกว่าจะโมฆะ 

มองว่า 2 กุมภาพันธ์ เป็นการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นตามกฎหมาย ไม่มีอะไรผิดปกติ จริงๆ แล้วท่ามกลางความวุ่นวาย มีความพยายามขัดขวางการเลือกตั้ง แต่ยังมีคนออกไปเลือกตั้งเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นการแสดงเจตนารมณ์ชัดเจน

แต่หากศาลวินัจฉัยว่าโมฆะ เหมือน ?โมฆะกลางทาง? ในแง่กระบวนการทางการเมืองมันยังไม่เสร็จสิ้น สิ่งที่ต้องคำนึงถึง คือ ผลทางการเมือง ซึ่งการวินิจฉัยทางนี้เท่ากับทำลายสิทธิทางการเมืองของคนที่ออกไปเลือกตั้ง หากเหตุผลไม่น่ารับฟัง เหตุผลไม่หนักแน่น หรือศาลอธิบายไม่ได้ว่าทำไมตัดสินทางนี้ เพราะมันเป็นการทำเสียงของคนที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งให้ไม่มีความหมาย ทางออกที่ทำให้เราพ้นจากภาวะสุญญากาศซึ่งไม่มีประโยชน์ต่อฝ่ายใดในขณะนี้ คือ การจัดการเลือกตั้งให้เรียบร้อยซึ่งตอนนี้มันยังไม่สิ้นกระบวนการนั้น ตอนนี้มันแปลก เพราะไม่รู้ว่าแต่ละเขตที่ไม่มีผู้ลงสมัครหรือที่ยังไม่จัดการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ส่วนการที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ลงเลือกตั้งก็จะเกิดผลกับเขาเอง ต้องตอบคำถามสังคมว่าทำไมตัวเองถึงบอยคอต

ส่วนกรณีการรวมตัวของ 6 องค์กรอิสระเพื่อเสนอทางออก ซึ่งฝ่าย กปปส.และรัฐบาลไม่ยอมรับนั้น มองว่าเป็นเพราะทั้ง 6 องค์กรไม่มีอำนาจมาเป็นตัวกลาง ซึ่งในทางกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือบรรทัดฐานที่ทำมาในอดีต รวมถึงประวัติศาสตร์นั้นไม่เคยเกิดกรณีแบบนี้ ฉะนั้นมันเลยไม่มีความน่าเชื่อถือเพราะหน้าที่ของ 6 องค์กรมันชัดเจนตามกฎหมายอยู่แล้ว การลุกขึ้นมาเป็นตัวกลางมันไม่ใช่ 

สิ่งที่ง่ายที่สุดคือควรทำหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับมอบหมายตามรัฐธรรมนูญอย่างตรงไปตรงมา เช่น กองทัพปฏิบัติต่อทุกกลุ่มอย่างเสมอภาคกัน ใครละเมิดความมั่นคงของรัฐก็ควรได้รับการปฏิบัติอย่างเดียวกัน ไม่แสดงออกว่าเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจนออกนอกหน้า

ทุเทพกับสุเทพ




March 19, 2014

เมื่อวานพวก กปปส. ส่งคนมาที่ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าวหย่อมหนึ่ง แล้วตะโกนท้าตีท้าต่อยกับ 

คุณจตุพร พรหมพันธุ์ ในฐานะประธานคนใหม่ของ นปช. ก่อนจะสลายตัวไปในเวลาไม่นานนัก นับว่าถูกต้องแล้วที่ นปช. ไม่ลดตัวลงมาเล่นเกมข้างถนนกับ กปปส. เราหวังว่านี่คือวุฒิภาวะและความเป็นผู้ใหญ่ที่ต่อเนื่องยาวนานของ นปช. 

การบันดาลโทสะตามแรงยั่วยุของ กปปส. และ คปท. อาจทำให้พวกเราที่กำลังแค้นเคืองและขัดอกขัดใจ ได้สนุกและสะใจ แต่จะทำให้เราติดอยู่กับคนระดับ กปปส. และ คปท. จนเผลอลืมหรือหมดเวลาประจัญบานกับเจ้านายและเจ้าของ กปปส. และ คปท. อีกต่อหนึ่ง ผู้คนเหล่านั้นต่างหากที่เป็นศัตรูตัวจริงของการพัฒนาประชาธิปไตย และคือพลังเก่าที่คอยบ่อนทำลายพลังใหม่อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพยิ่ง เราใช้คำว่า ปฏิวัติประชาธิปไตย ก็เพราะเหตุนี้เอง 

โครงสร้างที่ผ่านมาและยังดำรงอยู่ของรัฐไทยในขณะนี้ มิได้เป็นไปเพื่อการขยายอำนาจของประชาชน (people’s empowerment) แต่อย่างใดเลย หากเป็นวิธีการเอาหน้ากากเลือกตั้ง มาหลอกล่อให้คนทั่วไปเชื่อถือ เมื่อได้รับเลือกตั้งจริงๆ แล้วก็หาทางบ่ายเบี่ยงไม่ให้คนของประชาชนได้รับอำนาจจริง อย่างที่เห็นคาตากันอยู่ทุกวันนี้ 

หากเราเผลอลดตัวลงไปเล่มเกมกับคนขนาด นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เราก็จะหมดโอกาสได้วางแผนรับมือกับ “ทุเทพ” ซึ่งแปลว่า เทพที่ไม่ดี เทพที่ชั่วร้าย

เมื่อวานผมเสนอแนะ นปช. ไปสองสามประการ ท่านจะทำหรือไม่ทำก็แล้วแต่ แต่ผมได้รับข้อคิดเห็นและคำวิจารณ์ที่มีประโยชน์จากผู้อ่านที่ตั้งกระทู้เข้ามามากมาย ข้อสังเกตหนึ่งที่ผมสมควรจะได้ตอบขยายความต่อไปคือ:

“Sarunyapuch Tham การทำฐานข้อมูลอาจดีอย่างที่คุณจักรภพบอก แต่อีกมุมหนึ่งก็เป็นอันตรายมาก หากข้อมูลรั่วไหล ฝ่าย ปชต. อาจได้รับอันตรายจากคนโหดเหี้ยมที่มีความคิดแบบฮิตเลอร์ (ฆ่าชาวยิว)”

เรื่องที่ท่านติงมานี้จริงและมีโอกาสเป็นไปได้ ผมจึงขอเพิ่มเติมข้อคิดให้รัดกุมขึ้นว่า การทำฐานข้อมูลในแง่วิชาชีพและทักษะ เพื่อการบริหารขบวนการให้เกิดอรรถประโยชน์เต็มที่ (utilisation) นั้น ควรจะทำอยู่บนหลักการพื้นฐานดังนี้ ๑) ให้ข้อมูลตามความสมัครใจของเจ้าของข้อมูล ๒) ไม่เปิดเผยวิธีการบริหารและใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูล ๓) ส่งเสริมเศรษฐกิจเสื้อแดง คือการค้าขายแลกเปลี่ยนกันในประชาคมเสื้อแดงและแนวร่วมของฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อลดส่วนแบ่งทางเศรษฐกิจของฝ่ายตรงข้าม และเพื่อมิให้ข้อมูลนอนนิ่งอยู่เฉยๆ โดยเปล่าประโยชน์

เราควรต้องยอมรับกันแต่บัดนี้ว่า ถึงเราจะได้รับชัยชนะในการต่อสู้ทางการเมือง แต่ความเห็นแก่ตัวที่หนักหนาอยู่ในชนชั้นทางเศรษฐกิจคงไม่จางหายไปง่ายๆ ใครเคยสูบเลือดมนุษย์คนอื่นกินโดยไม่ต้องเหนื่อยหรือเก่งเอง ก็ยากที่จะเปลี่ยนสันดานนั้นหรืออย่างน้อยก็ต้องใช้เวลามาก ส่วนใครเคยยืนอยู่บนขาของตัวเองมาตลอด จะให้เปลี่ยนสภาพไปขูดรีดคนอื่น ก็คงจะยากกว่า 

โครงสร้างเศรษฐกิจไทยขณะนี้เป็นเรื่องของการสร้างมนุษย์พิเศษขึ้นมาครองเมือง เพื่อให้รังสี (aura) แห่งความพิเศษนั้นช่วยบดบังความชั่วร้ายที่คนไทยบางคนทำกับคนไทยส่วนใหญ่มาตลอดชีวิต การทำให้รังสีนั้นจางลง หรือหมดไป อาจไม่ได้ทำให้สันดานเอาเปรียบมนุษย์อื่นๆ หมดตาม แต่อาจจะกระโจนกลับมาโหนต้นประชาธิปไตยและเสแสร้งว่าเปลี่ยนอุปนิสัยมายอมรับรับถือเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ แล้วก็ได้ 

เพราะฉะนั้นการรู้ว่าใครคือใครเสียแต่บัดนี้ จะช่วยลดโอกาสถูกหลอกในตอนนั้นลงได้มาก ถึงจะมีพวกที่ใจกล้าหน้าด้านแหวกทางเข้ามาทำท่าเป็นพวกอยู่บ้าง แต่พวกเราบางคนคงจะจำได้ และคงไม่ถูกหลอกจนหมดตัวอย่างที่แล้วมา อีก.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น