วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

สื่อเทศชี้ คำสั่งศาลแพ่ง คล้าย 'ตุลาการรัฐฆาต'

 

วันพฤหัสบดี, กุมภาพันธ์ 20, 2557

สื่อเทศชี้ คำสั่งศาลแพ่ง คล้าย 'ตุลาการรัฐฆาต'

นิวยอร์กไทมส์กับวอลสตรีทเจอร์นัลชี้ คำสั่งศาลแพ่งทำหมันพรก.ฉุกเฉิน ละม้าย 'รัฐประหารโดยศาล' ฝ่ายตุลาการทำเกินอำนาจ ไม่ได้เล่นบทกรรมการ แต่โดดขึ้นสังเวียนชกเอง

เมื่อวันพุธ (19 กุมภาพันธ์ 2557) ศาลแพ่งมีคำพิพากษา "คุ้มครองการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ" ของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ภายหลังรัฐบาลประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยศาลแพ่งสั่งห้ามฝ่ายบริหารสลายการชุมนุมของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล, ห้ามรื้อถอนทำลายสิ่งกีดขวางของผู้ชุมนุม, ห้ามสั่งห้ามการเข้าอาคาร, ห้ามสั่งห้ามเข้าออกพื้นที่ชุมนุม และอื่นๆ

เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ นิวยอร์กไทมส์ รายงานเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 ว่า ศาลแพ่งของไทยได้จำกัดอำนาจของทางการอย่างมาก เป็นคำพิพากษาที่นักวิเคราะห์ด้านนิติศาสตร์บอกว่าเป็น "การขยับอีกก้าวไปสู่ตุลาการรัฐฆาตอย่างเต็มรูปแบบ"

ผู้สื่อข่าว Thomas Fuller รายงานในหัวข่าว "ศาลไทยห้ามสลายผู้ประท้วง" ว่า คำพิพากษานี้มีขึ้นหนึ่งวันหลังเหตุปะทะรุนแรงระหว่างตำรวจกับผู้ประท้วง ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 5 ราย รวมทั้งตำรวจนายหนึ่ง ทั้งนี้ หลังจากเกิดการเผชิญหน้ากันหลายครั้งตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีภาพถ่ายแพร่หลายแสดงให้เห็นว่า มีกลุ่มชายติดอาวุธหนักในหมู่ผู้ชุมนุม ขบวนการประท้วงในไทยยิ่งดูเหมือนเป็นการก่อกบฏด้วยอาวุธต่อรัฐบาลของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ทอมัส ฟุลเลอร์ อ้างคำให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ของแซมดิน เลิศบุศย์ แกนนำผู้ประท้วง ว่า กลุ่มชายติดอาวุธที่ "เป็นมืออาชีพมาก" กำลังช่วยผู้ประท้วง และ "ทำให้ตำรวจถอยร่น"

แต่แม้กระนั้น ศาลแพ่งของประเทศไทย บอกว่า การประท้วงดำเนินไป "โดยสงบ ปราศจากอาวุธ" และสั่งคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของผู้ประท้วง "ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ"

นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า ประเทศไทยมีจารีตประเพณีมาช้านานในการโค่นล้มรัฐบาลด้วยการยึดอำนาจโดยกองทัพ หรือโดย "ตุลาการรัฐฆาต"  ซึ่งผู้นำรัฐบาลถูกปลดด้วยคำพิพากษาของศาล ดังเช่นกรณีนายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งไม่เป็นที่ถูกอกถูกใจของกลุ่มผู้ถืออำนาจในกรุงเทพ ต้องพ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2551 เพราะรับค่าตอบแทนจากรายการทำกับข้าวทางทีวี


รายงานข่าวอ้างความเห็นของนายสุณัย ผาสุข แห่งกลุ่มสิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไรท์วอทช์ ซึ่งเขียนข้อความทางทวิตเตอร์ ว่า คำพิพากษาของศาลแพ่งทำให้พรก.ฉุกเฉิน "หมดความหมาย"

นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความของผู้ประท้วง บอกว่า คำพิพากษานี้เป็นชัยชนะของฝ่ายตน รัฐบาลจะ "ไม่สามารถทำอะไรผู้ประท้วงได้"

นายวีรพัฒน์ ปริยะวงศ์ นักกฎหมายฮาร์วาร์ด ให้ความเห็นว่า คำพิพากษาเมื่อวันพุธช่วยให้ผู้ประท้วงมีข้ออ้าง "ความชอบธรรมจอมปลอมที่จะโค่นล้มรัฐบาล" และว่า ศาลแพ่งอ้างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ว่า การประท้วงเป็นไปโดยสงบ แต่ทว่า "นับเป็นความไร้ตรรกกะทางกฎหมายที่ศาลแพ่งไม่พิจารณาสถานการณ์ปัจจุบัน" ซึ่งเขาหมายถึงเหตุรุนแรงเมื่อวันก่อน

นิวยอร์กไทมส์ ยังวิเคราะห์ด้วยว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังถูกรูดบ่วงรัดคออย่างช้าๆ คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้เร่งรัดเล่นงานนางสาวยิ่งลักษณ์ด้วยโครงการรับจำนำข้าว นักกฎหมายบอกว่า คดีนี้อาจนำไปสู่การตัดสิทธิ์ทางการเมืองของเธอ

ขณะเดียวกัน คณะกรรมการการเลือกตั้ง ยังทำงานอย่างล่าช้า หรือที่นักวิจารณ์บอกว่า เป็นการขัดขวาง ที่จะจัดการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ ให้เสร็จสิ้น ตราบที่การเลือกตั้งยังไม่จบ รัฐบาลจะต้องมีสถานะรักษาการไปเรื่อยๆ โดยแทบไม่มีอำนาจใดๆเลย


"เชือกบ่วงกำลังรัดคอเธอแน่นเข้าๆ สถานการณ์ของเธอดูจะไปไม่รอด" นายฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ ผอ.สถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าว "สถานการณ์จะเป็นอย่างไร ขึ้นกับผลลัพธ์ต่อจากนี้ ถ้าฝ่ายต่างๆตกลงกันได้ ประเทศไทยก็ไปรอด แต่ถ้าไม่ได้ บ้านเมืองจะวุ่นวายหนักขึ้น"

เว็บไซต์หนังสือพิมพ์วอลสตรีทเจอร์นัล รายงานข่าวนี้ในหน้าแรกของเพจ ด้วยหัวข่าว "ศาลไทยหนุนผู้ประท้วง" โดยบรรยายว่า ศาลไทยสั่งห้ามมิให้นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้กำลังสลายผู้ประท้วง ทำให้รัฐบาลตกเป็นเบี้ยล่างในการรับมือกับการประท้วงที่ดำเนินมาหลายเดือน

รายงานของผู้สื่อข่าว Warangkana Chomchuen และ Nopparat Chaichalermmongkol ระบุว่า นักวิเคราะห์บางรายมองว่า คำพิพากษาศาลแพ่งดังกล่าวได้ตีกรอบในการใช้บังคับกฎหมายของรัฐบาล ซึ่งพรก.ฉุกเฉินเปิดทางแก่การใช้อำนาจอย่างกว้างขวาง

แต่บางรายเห็นว่า ศาลทำเกินเขตอำนาจของตุลาการ ไม่ยอมรับอำนาจของฝ่ายบริหาร นับเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ที่ว่า ตุลาการไทยเป็นผู้เล่นทางการเมือง แทนที่จะเป็นกรรมการตัดสิน.



 
ที่มา Voice TV

เรียนนายกยิ่งลักษณ์ที่เคารพ ท่านจำข้อความข้างล่างนี้ ที่ท่านกล่าวที่มองโกเลีย ได้ใช่ไหมค่ะ...

 


เรียนนายกยิ่งลักษณ์ที่เคารพ ท่านจำข้อความข้างล่างนี้ ที่ท่านกล่าวที่มองโกเลีย ได้ใช่ไหมค่ะ... ท่านกำลังต่อสู้เพื่อสิ่งนั้นให้พวกเราอยู่... ท่านกำลังอดทน อดกลั้น ทำสิ่งนั้นให้พวกเราอยู่... และเราไม่มีอะไรจะพูด มากไปกว่าที่จะพูดซ้ำๆอยู่ทุกๆวัน ...ว่าเรารักท่าน และ ขอขอบคุณท่านมากค่ะ... สู้ๆ...ยืนหยัดต่อไปค่ะ.. ท่านกำลังทำ ในสิ่งที่ท่านพูด ค่ะ

ขอส่งกำลังใจให้ท่านค่ะ xo

"....เป็นที่ประจักษ์ชัดว่ารัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ไม่ได้ได้มาฟรีๆ สิทธิ เสรีภาพและความเชื่อที่ว่า มนุษย์ทุกคนไม่ว่าชายหรือหญิงมีความเท่าเทียมกันนั้นได้มาด้วยการต่อสู้และที่น่าเศร้าใจคือ ทำให้ต้องมีผู้เสียชีวิต

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นหรือ?ก็เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยในโลกนี้ที่ไม่เชื่อในแนวคิดประชาธิปไตย คนเหล่านี้พร้อมที่จะให้ได้มาด้วยอำนาจและด้วยการกดขี่การมีเสรีภาพนั่นหมายความว่าพวกเขาพร้อมที่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น เขาไม่เคารพสิทธิมนุษยชนหรือความเสรีภาพพวกเขาพร้อมจะใช้กำลังเพื่อกดขี่ให้คนอยู่ใต้อำนาจ และยังใช้อำนาจในทางที่ผิด สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นในอดีตและยังคงท้าทายเราทุกคนในปัจจุบัน

มีหลายประเทศที่ความเป็นประชาธิปไตยได้หยั่งรากลึกแล้วซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและเป็นความรู้สึกสดชื่นที่ได้เห็นกระแสประชาธิปไตยที่นำความเปลี่ยนแปลงสู่ประเทศต่างๆจากปรากฏการณ์อาหรับสปริงค์ถึงช่วงผ่านเปลี่ยนในเมียนมาร์ภายใต้ผลักดันของประธานาธิบดีเต็ง เส่ง รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศของดิฉัน ด้วยพลังของประชาชนคนไทยที่ทำให้ดิฉันมายืนอยู่ที่นี่ได้ในวันนี้...." 




ooo


คำแปลปาฐกถาพิเศษ นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร การประชุมประชาคมประชาธิปไตย อูลัน บาตอ, มองโกเลีย 29 เมษายน 2013 คลิก ที่นี่

สิทธิเสรีภาพที่ศาลไทยคุ้มครอง


1.เสรีภาพในการเข้าครอบครองหน่วยงานราชการโดยสันติ (ยกเว้นหน่วยงานศาล) - ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๓

2.เสรีภาพในการลำเลียงอาวุธปืนและวัตถุระเบิดไปยังที่ชุมนุมเพื่อการป้องกันตัวเอง-ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๘

3.เสรีภาพในการขัดขวางการเลือกตั้ง-ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๔๕ วรรคแรก (การสื่อความหมายโดยวิธีอื่น)


ฯลฯ

บทกวี ถึงมหาตุลาการ


คือตราชู ผู้ชี้ เสรีสิทธิ
คือศาลสถิต ยุติธรรม นำสมัย
คือหลัก ประกัน ประชาธิปไตย
มิใช่ อภิชน คนชั้นฟ้า !

ครุยที่สวม นั้นมา จากภาษี
รถที่ขี่ เงินใคร ให้หรูหรา
ข้าวที่กิน ดินที่ย่ำ บ้านงามตา
ล้วนแต่เงิน ของมหา ประชาชน

มิได้ อวตาร มาโปรดสัตว์
แต่เป็น "ลูกจ้างรัฐ" ตั้งแต่ต้น
ให้อำนาจ แล้วอย่าหลง ทนงตน
ว่าเป็นคน เหนือคน ชี้เป็น-ตาย 

เสาหลัก ต้องเป็นหลัก อันศักดิ์สิทธิ์
ใช่ต้องลม เพียงนิด ก็ล้มหงาย
ยิ่งเสาสูง ใจต้องสูง เด่นท้าท้าย
ใช่ใจง่าย เห็นเงิน แล้วเออออ !

ต้องเปิด โลกทัศน์ อย่างชัดเจน
ใช่ซ่อนเร้น อ่านตำรา แต่ในหอ
ออกบัลลังค์ นั่งเพลิน คำเยินยอ
เลือกเหล่ากอ มากอง ห้องทำงาน 

ตุลาการ คือหนึ่ง อธิปไตย
อันเป็นของ คนไทย ไพร่-ชาวบ้าน 
มิใช่ของ ใครผู้หนึ่ง ซึ่งดักดาน
แต่เป็น "ตุลาการ" ประชาชน

ฉะนั้นพึง สำนึก มโนทัศน์
ใช่ด้านดัด มืดดับ ด้วยสับสน
เปื้อนราคิน กินสินบาท คาดสินบน
แล้วแบ่งคน แบ่งชั้น บัญชาชี้

เถิด"ตุลาการ" จงคิด อย่างอิสระ
รับภาระ อันหนักหนา ทำหน้าที่
หากรับใช้ ใบสั่ง ดั่งกาลี
ตุลาการ เช่นนี้ อย่ามีเลย !

: อานนท์ นำภา ๖ พฤศจิกายน ๕๓
แก้ไขเพิ่มเติมจากฉบับเดิม ๓ กันยายน ๕๓




ooo


ทำหมัน พรก.ฉุกเฉิน...

แม้ว่า ศาลแพ่งรัชดา ไม่ได้มีคำสั่ง ให้เพิกถอน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ ก็สั่งห้ามรัฐบาล -ศรส.-ตำรวจบังคับใช้ประกาศ โดยมิชอบ รวม 9 ข้อ รวมทั้งห้ามมีคำสั่ง ให้เจ้าหน้าที่สลายการชุมนุมด้วย นั้น ถูกมองว่า เหมือน รัฐ ศรส. ตำรวจ ถูกทำหมัน ไม่เลิก ก็เหมือนเลิก พรก.ฉุกเฉิน แต่ทหาร เฉยๆ เพราะ ไม่ว่าใช้ พรก.ฉุกเฉิน หรือ พรบ.มั่นคงฯ ทหารก็ไม่ร่วมสลายม็อบ อยู่ดี

ศาลแพ่งรัชดา อ่านคำพิพากษา เมื่อ19 กพ.2557 ในคดีที่ นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เป็นจำเลยที่ 1-3 เรื่องละเมิดจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล และออกข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 โดยมิชอบและยังไม่มีเหตุจำเป็น ซึ่งผู้ฟ้องขอให้ศาล สั่งเพิกถอนการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และห้ามใช้กำลังสลายการชุมนุม

โดยศาลพิเคราะห์จากคำเบิกความของโจทก์จำเลย แล้วเห็นว่ากฎหมายให้อำนาจฝ่ายบริหารในการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อเห็นว่า สถานการณ์บ้านเมือง อยู่ในสถานการณ์คับขัน แต่การออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดังกล่าว ต้องมีผลบังคับใช้กับคนทุกกลุ่ม แต่ศาลเห็นว่า การออกประกาศของจำเลยนั้น เป็นการบังคับใช้กับผู้ชุมนุมที่มาชุมนุมตามสิทธิรัฐธรรมนูญ

ศาลจึงสั่งห้าม จำเลย 9 ข้อ

1.ห้ามจำเลย มีคำสั่ง ให้เจ้าหน้าที่สลายการชุมนุม 
2.ห้ามจำเลยยึดอายัด สินค้า อุปโภคบริโภค ที่ใช้ในการสนับสนุนการชุมนุมของโจทก์และผู้ชุมนุม
3.ห้ามจำเลย ตรวจค้น รื้อถอน สิ่งปลูกสร้างของผู้ชุมนุม
4.ห้ามจำเลย ห้ามผู้ชุมนุมซื้อขายสินค้า เครื่องอุปโภคบริโภคที่ใช้ในการชุมนุม
5.ห้ามจำเลย ปิดการจราจรเส้นทางคมนาคม
6.ห้ามจำเลย สั่งห้ามชุมนุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป 
7.ห้ามจำเลย สั่งห้ามใช้เส้นทางคมนาคม ตามที่จำเลยกำหนดไว้ในประกาศ
8.ห้ามจำเลย สั่งผู้ชุมนุมห้ามใช้อาคาร
9.ห้ามจำเลย มีคำสั่งห้ามบุคคล เข้า และออกพื้นที่การชุมนุม




แด่ประชาชน และวีรบุรุษสีกากี


การสูญเสียเป็นทุกข์ โดยเฉพาะการสูญเสียบุคคลที่เราใกล้ชิด ผมรู้ถึงความรู้สึกเช่นนี้ได้ดี เพราะได้เคยสูญเสียบุคคลที่ผมรักและเทิดทูนมาแล้ว

เมื่อวานนี้ สืบเนื่องจากปัญหาการเมืองที่มิรู้จักจบสิ้น (เพื่อตัวเองแท้ๆ) มีผู้คนต้องล้มตายไปอีกถึงห้าคน ในจำนวนนี้เป็นตำรวจหนึ่งนาย และประชาชนอีกสี่คน ผมเสียใจกับครอบครัวของทุกๆท่าน ที่จริงความสูญเสียเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นเลย หากเรามีสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์

ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขัดแย้งทางการเมือง นับตั้งเเต่เหตุที่หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อ 30 พ.ย.56 จนถึงขณะนี้ มีผู้บาดเจ็บแล้ว 685 คน เสียชีวิต 16 คน รวมเป็น 701 คน เฉพาะเหตุการณ์ขอคืนพื้นที่ บริเวณสะพานผ่านฟ้า เมื่อ 18 ก.พ. 57 มีพี่น้องประชาชนบาดเจ็บถึง 65 คน และเสียชีวิต 5 คนนั้น ( ที่มา : http://goo.gl/J0P7JU ) ผมเสียดายจริงๆ เพราะความขัดแย้ง หรือความเห็นต่างทางการเมืองนั้น เป็นเอกสิทธิของแต่ละบุคคล อันที่จริง ความเห็นต่างไม่ได้ลุ่มลึกมากมายอะไร จนถึงขั้นที่จะต้องฆ่าฟันกันเลย แต่ก็เพราะมีการยุแหย่ มีการปลุกระดม และล้างสมองกันแท้ๆ การทำร้ายกันถึงตายจึงเกิดขึ้น

เหตุการณ์สำคัญที่สะพานผ่านฟ้าเมื่อวานนี้ ผมได้ประจักษ์ถึงความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว และความเสียสละของนายตำรวจท่านหนึ่งคือ ด.ต.ธีรเดช เล็กภู่ ทุกคนคงได้เห็นภาพที่เกิดขึ้นแล้ว มีลูกระเบิด M79 ลูกหนึ่งลอยมาจากทางฝูงชนจนกระทบกับโล่ที่แถวตำรวจถืออยู่ และจากนั้น ลูกระเบิดก็ได้ตกลงกับพื้นถนน ด้วยสัญชาตญาณของผู้กล้า และเด็ดเดี่ยว นายตำรวจท่านนี้ได้กระโดดออกมาจากแถว และเตะระเบิดสังหารลูกนี้ให้กลิ้งออกไปจากแถวของเพื่อนร่วมชีวิตที่ยืนอยู่ด้วยกัน แต่โชคร้ายไม่ทันกาล (มีเวลาน้อยกว่า 5 วินาที) ลูกระเบิดระเบิดเปรี้ยงพร้อมขาของท่านธีรเดช เพื่อนตำรวจอื่นๆ ที่ตั้งแถวอยู่ใกล้ๆ ได้รับบาดเจ็บแต่ไม่ถึงตาย ผมขอยกย่องท่านอย่างสูงสุด ท่านเป็นผู้กล้า ท่านมีความเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก สิ่งที่ผมเห็นคือ ท่านยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเพื่อนร่วมสาบานของท่าน หายากมากครับ ลูกผู้ชายอย่างท่าน

นายตำรวจอีกท่านหนึ่งคือ ด.ต.เพียรชัย ภารวัตร (จะได้รับการปูนบำเหน็จเป็นพันตำรวจตรี) ก็ถูกยิงเข้าที่ศีรษะขณะปฏิบัติหน้าที่ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้รายงานแล้วว่า เป็นการยิงมาจากมุมสูง (มีข้อกังขามากว่าใครอยู่ที่นั้น) และก็ยังมีประชาชนอีก 4 ท่าน ถูกยิงเสียชีวิตเช่นกัน ซึ่งมีการกล่าวอ้างว่าเป็นฝีมือของมือที่สาม ผมหวังว่าทางการคงจะสามารถหาหลักฐานมาเอาผิดกับฆาตกรเหล่านี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด สำหรับ พ.ต.อ.ยงยุทธ เรืองเดช ผกก.นโยบายและแผนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ซึ่งบังเอิญนั่งรถผ่านมาและถูกยิงเข้าที่ขา ก็ต้องถือว่าโชคร้าย ก็ขอให้หายโดยเร็ว และก็เช่นเดียวกันพี่น้องอีกหลายสิบคนที่ได้รับบาดเจ็บก็ขอให้ทุเลาโดยเร็วด้วยครับ

การเสียชีวิตหรือบาดเจ็บของเจ้าหน้าที่ ขณะปฏิบัติหน้าที่ขณะปฏิบัติราชการนั้น ตามระเบียบและธรรมเนียมของราชการแล้ว ถือว่าเป็นผู้กล้าหาญเสียสละ สมควรได้รับการยกย่องเชิดชูไม่แตกต่างไปกับการออกสนามรบแต่อย่างใด แต่มันก็ไม่คุ้มเลยครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสูญเสียเพราะคนไทยทะเลาะกันเอง (ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ)

เมื่อยังหนุ่มอยู่ ผมเคยมีประสบการณ์ต้องอยู่ในสถานการณ์ของความขัดแย้ง ที่มีการยั่วยุและมีอาวุธอยู่ในมือ การควบคุมอารมณ์และการมีระเบียบวินัยของเจ้าหน้าที่ผู้ถืออาวุธมีความสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับสถานการณ์เช่นนี้ เพราะหากถูกท้าทาย หรือยั่วยุจนเกินขีดความอดทน จนเจ้าหน้าที่นั้นคุมอารมณ์ไม่อยู่กดนิ้วชี้ไปเพียงเบาๆ เท่านั้นก็จะเกิดความสูญเสียขึ้นมาทันที (ภาพเท่าที่ผมเห็นตำรวจที่ถืออาวุธสงครามซึ่งทำหน้าที่คุ้มกันไม่ได้ใช้อาวุธเลย) ผมได้เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงความอดทนอย่างยิ่งยวด ให้หลับตาลองนึกภาพว่า หากเจ้าหน้าที่เหล่านี้ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้คงมีประชาชนเจ็บตายจำนวนไม่น้อย (คงจำกันได้เมื่อ ศอฉ. กระชับพื้นที่โดยใช้ปืนและกระสุนจริง และยิงจริง ปรากฏว่ามีคนตายมากถึง 99 คน) ผมขอพูดตรงๆ ท่านดีกว่าพวกนั้นมากมาย ขอขอบคุณที่เห็นแก่ชีวิตผู้อื่น

พอหรือยังครับกับการพาคนไปตาย คำๆ นี้ผมเอามาจากท่านเอง ในสมัย พล.ต.จำลอง (จำได้ไหม) แต่วันนี้ท่านกลับเป็นคนทำเอง (มือถือสาก ปากถือศีล) การแก้ปัญหาทางการเมืองการปกครอง การปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้ดีขึ้นตามที่ท่านชอบนำมากล่าวอ้าง ไม่จำเป็นต้องขายชีวิตประชาชนหรอกครับ เห็นภาพประชาชน กปปส. เผชิญหน้ากับตำรวจ และมีการทำร้ายซึ่งกันและกันที่สะพานผ่านฟ้า ในขณะที่อีกภาพหนึ่งคือคุณสุเทพ และแกนนำนั่งล้อมวงกันอยู่ บนอีกสะพานหนึ่งห่างออกไป มันเป็นภาพที่ขัดกันอย่างยิ่ง เป็นภาพที่น่าละอายแก่ใจ มันเจ็บแปลบในใจจริงๆ นี่หรือคนกล้าที่ผมรู้จัก


...


ooo


ตร.ไทย



 

Published on Feb 18, 2014

แด่...กกต. สมชัย

 

Published on Feb 19, 2014
ท่าน สมชัย กกต ที่(เกือบ) เคารพคะ
...


19-2-57 ข่าวค่ำDNN ประชาชนริเริ่มรวบรวมชื่อถอดถอน กกต.



 

พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ : นี่คือความขัดแย้งกลียุคขั้นสุดท้าย


นี่คือความขัดแย้งกลียุคขั้นสุดท้าย ทุกสถาบัน ทุกองค์กรของระบอบเก่า ได้เปิดโปงตัวเองจนล่อนจ้อน เห็นทั้งแผลเป็นและแผลเน่าเฟะไปทุกขุมขน เมื่อเผด็จการใช้ทั้งมวลชนอันธพาลเถื่อน โจร อาวุธ ทหาร ศาล ตุลาการ องค์กรจากรัฐธรรมนูญ ฯลฯ ใช้ทั้งสัญลักษณ์ธงชาติ มีด ปืน ระเบิด ไปจนถึงอำนาจอธรรมที่สวมเสื้อคลุมของ "กฎหมาย" รุมกันสกรัมและจ้วงแทงรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างชอบธรรม

นายกฯยิ่งลักษณ์และรัฐบาลนี้เหลือเวลาอีกไม่มาก ก็คงร่วงหล่นดังเช่นผลไม้เน่าที่ปลดลงจากต้นไม้ ขอให้ประชาชนเตรียมตัวให้พร้อม ในที่สุด เราจะได้ระบอบเผด็จการที่มาในรูป "รัฐบาลคนกลาง" และสภาทาสในรูป "สภาปรองดองแห่งชาติ" ตามมาด้วยการกดขี่ปราบปรามครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาตั้งแต่ 6 ตุลาคม 2519

แต่พวกเผด็จการคิดผิดถนัด เขาล้มนายกฯและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้ เขาจัดการกับพรรคเพื่อไทยและแกนนำเสื้อแดงทั่วประเทศได้ แต่เขาจะปกครองไม่ได้ เพราะจิตใจของประชาชนหลายสิบล้านคนทั่วประเทศ "ไม่ได้เป็นของเขา" อีกต่อไปแล้ว

เมื่อเขาล้มรัฐบาลทักษิณปี 2549 "ความเสื่อม" ก็เริ่มมาเยือนเขา พอเขาล้มรัฐบาลสมัคร-สมชายปี 2551 "ความเสื่อมหนัก" ของเขาก็แพร่กระจายดุจโรคระบาด มาวันนี้ ปี 2557 พอเขาล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้ "ความเสื่อมสุดขีด" ของเขาก็มาถึงในที่สุด เป็นความเสื่อมของทั้งสัญลักษณ์และทุกองคาพยพของระบอบเก่า

เมื่อประชาชน "ไม่มีใจ" ให้เขาอีกแล้ว เมื่อเขาไม่สามารถ "ปกครองใจ" ของประชาชนได้อีกต่อไป เมื่อ "อำนาจทางใจ" ของเขาหมดไปแล้ว เขาก็มีทางเดียวที่จะปกครองประชาชนต่อไปได้ ก็คือ "ใช้ปืนและอำนาจทางกฎหมายกดหัวและกดขี่ประชาชน" เท่านั้น

แต่การปกครองใดที่ใช้แต่ "ปืนกับกฎหมาย" มากดขี่ประชาชน โดยปราศจาก "การปกครองด้วยใจ" แล้ว การปกครองนั้นย่อมอยู่ได้ไม่นาน ประชาชนจะต่อต้านทุกรูปแบบ ทุกวิธีการ แล้วจะคอยดูกันว่า ระบอบเก่าที่ลอกคราบใหม่นี้จะอยู่ได้สักกี่วัน!!!


เฮ่ ม็อบ กปปส. ไปราดน้ำมันล้อมโรงเรียนเขาทำไม!!!





ที่มา Go6TV

..ม๊อบประชาธิปัตย์ฉีดพ่นน้ำมัน-ราดน้ำมัน ล้อมรอบ โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร แล้ว

ครูโรงเรียนวัดเบญจมบพิตร โวย ม็อบพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ดีๆ เอากระสอบทราย รั้วลวดหนาม และการ์ดม็อบ กปปส เอาน้ำมันสีดำ ราดพื้นรอบโรงเรียนวัดเบญจมบพิตร หลังวัดเบญจฯ

เด็กๆนักเรียนประถม ไปเกี่ยวอะไรด้วย ไปราดน้ำมันล้อมโรงเรียนเขาทำไม!!!

ฟังอีกครั้ง ไม่เห็นหัวเด็ก ก้อ เคารพอนาคตเด็กบ้าง



“ถ้าเราปฏิรูปประเทศก่อน แล้วผมไม่ได้เรียนล่ะครับ ผมอยากจะบอกว่า การศึกษาก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นๆ ไป ถ้าคุณบอกว่าจะมัวแต่ปฏิรูปอยู่ ถ้าฝ่ายคุณไม่ชนะแปลว่าผมก็ไม่ต้องเรียนสิครับ ในมุมมองของผม ถ้าเราไม่ได้เรียน ชาติก็จะพัฒนาไปไม่ได้”

จิณณวัฒน์ วงษ์ประคอง
นักเรียนโรงเรียนวัดมัธยมเบญจมบพิตร ให้สัมภาษณ์ในกิจกรรม ‘Respect my future’ ที่บางลำพู 28 ม.ค.2557
ooo

ที่มา ประชาไท

28 ม.ค.2557 ที่เกาะกลางถนนสิบสามห้าง บางลำพู กรุงเทพฯ กลุ่มนักเรียนจาก 5 โรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่ม กปปส.และ คปท. รวมตัวกันจุดเทียนเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมเคารพในอนาคตของนักเรียน เคารพสิทธิในการที่จะได้เรียนหนังสือ และเรียกร้องไม่ใช้ความรุนแรงในการชุมนุมทางการเมือง

โรงเรียนมัธยม 5 แห่งที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ได้แก่ โรงเรียนวัดบวรนิเวศ โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร โรงเรียนสตรีวิทยา โรงเรียนวัดราชบพิธ และโรงเรียนมัธยมวัดมกุฏกษัตริย์


จิณณวัฒน์ วงษ์ประคอง ประธานนักเรียนโรงเรียนวัดมัธยมเบญจมบพิตร กล่าวว่า ขณะนี้โรงเรียนหยุดการเรียนการสอนมาแล้ว 20 วัน ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับนักเรียน ทำให้ต้องเรียนชดเชยนอกเวลาเรียนในวันปรกติและเรียนชดเชยในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ การสอบกลางภาคต้องเลื่อนออกไปจากกำหนดเดิมเดือนกุมภาพันธ์เป็นมีนาคม การสอบตรงเข้ามหาวิทยาลัยต่างๆ ต้องเลื่อนออกไป เนื่องจากสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ไม่สามารถจัดให้มีสอบการวัดศักยภาพในการเรียนในมหาวิทยาลัย หรือ GAT/PAT ได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย รวมทั้งเกิดความยุ่งยากในการเดินทาง ต้องใช้เวลามากขึ้นในการมาเรียนหนังสือ เนื่องจากต้องหลบเลี่ยงเส้นทางที่ถูกผู้ชุมนุมปิดการจราจร

“การที่มีความรุนแรงเกิดขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือผมจะต้องหยุดเรียน เพราะทางผู้อำนวยการโรงเรียนห่วงความปลอดภัยของนักเรียน แต่ถ้าทุกคนเคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นของตัวเอง ก็จะชุมนุมโดยสันติโดยปลอดภัย ผมก็อาจจะไม่ต้องหยุดเรียนด้วย” จิณณวัฒน์ กล่าว

ส่วนของกิจกรรมนั้น บนพื้นที่เกาะกลางถนน มีการตั้งกระดานสีเขียวคล้ายกระดานดำให้ผู้มาร่วมกิจกรรมเขียนข้อความแสดงความคิดเห็น มีการแจกผ้าขาวให้ผู้มาร่วมกิจกรรมนำมาผูกบนราวเป็นสัญลักษณ์ของการปฏิเสธความรุนแรง กิจกรรมเริ่มขึ้นในเวลาประมาณ 18.30 น. โดยกลุ่มนักเรียนร่วมกันชูป้ายข้อความต่างๆ เพื่อสื่อสารกับผู้ชุมนุมและผู้ที่สัญจรไปมา เช่น ‘Respect My Future’, ‘หนูอยากเรียนหนังสือ’, ‘ทำไมหนูต้องหยุดเรียน’,‘อนาคตของหนู ?’,‘หน้าที่อย่างพวกหนูคือต้องหยุดเรียนตลอดใช่ไม๊’, ‘นี่คือการเลือกตั้งครั้งแรกของหนู’

จากนั้น จึงมีการจุดเทียนและตัวแทนนักเรียนอ่านแถลงการณ์แสดงจุดยืนต่อสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันว่า การชุมนุมของ กปปส.ที่ผ่านมามีเหตุปะทะ มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต จึงต้องการให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรง เนื่องจากส่งผลกระทบต่อการเรียนของนักเรียน และต้องการให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.เนื่องจากนักเรียนที่อายุถึง 18 ปีจะได้ใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นครั้งแรก และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายชุมนุมอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและเคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น เพื่อความสงบสุขและประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้ เมื่อจบแถลงการณ์ ประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมร่วมกันตะโกนว่า “เลือกตั้งๆ” ก่อนจะสิ้นสุดกิจกรรมและแยกย้ายกันกลับในเวลาประมาณ 19.00 น.


ภาพกิจกรรม 'Respect My Future'









ติดตามชมวิดีโอกิจกรรม Respect My Future ในประชาไท เร็วๆ นี้
ooo
ใน FB Kasian Tejapira เล่าเรื่องจากป้า ๆ ที่เห็นน้องนักเรียนจุดเทียน ถ้าไม่มีจุดเทียน เราคงไม่โคจรมาพบกัน.
น้องๆ นักเรียนกล้าหาญมาก

ใจกลางพื้นที่ที่ใกล้และสุ่มเสี่ยงมากๆ แต่น้องๆ ก็ยืนยันจะจัดให้ได้
"ผู้ใหญ่" ไม่สนับสนุน พวกน้องๆ ก็ยังยืนยันจะจัดให้ได้

น้องๆ แค่อยากแสดงออกหนึ่งเสียงว่า การชุมนุมที่ยืดเยื้อยาวนานยกระดับไม่สิ้นสุด ส่งผลกระทบกับอนาคตพวกเขาอย่างไร

น้องๆ คิดกิจกรรมเดินรณรงค์ในชุมชนบางลำพู เชิญชวนคนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง กล้าหาญมาก เพราะฉันเดินแถวนั้นได้ยินวิทยุบลูสกายเปิดอยู่ตลอด

น้องๆ คุมโทรโข่งสื่อสารเมสเสจของตนได้ชัด (นึกถึงตอนตัวเองจัดงานแล้วโดนไฮแจ๊กตลอด อายเด็กชิบหาย)

แม้นักเรียนจะน้อยกว่าป้าๆ ที่มาร่วมจุดเทียน แต่ก็ตรงกับสิ่งที่น้องๆ คิดทำ คือชวนคนแถวนั้นมาร่วม ลุงๆ ป้าๆ ก็ช่วยน้องนักเรียนเต็มที่ ช่วยกันปักเทียนเป็นรูปสันติภาพโดยไม่มีใครสั่ง รูปสวยเป๊ะเว่อร์ ฮ่าๆ

ที่เกาะกลางบางลำพูเย็นวันนั้น มีขบวนผ่าน 3 รอบ ฉันเห็นชัดเจน
เสียงป้าๆ ลอยตามลมเบาๆ "ขนาดเ็ด็กมันยังคิดได้"

แม้วันนี้น้องนักเีรียนออกมาจุดเทียนจะเป็นแค่กลุ่มเล็กๆ แต่เชื่อว่าจะขยายงอกงามไปอีกแน่นอน

เมล็ดพันธุ์หนึ่งบ่มเพาะขึ้นแล้วบนเนื้อดินประชาธิปไตย มันจะงอกงามต่อไปไม่สิ้นสุด
เป็นกำลังใจให้น้องนักเรียนวัชพืชต้นน้อย

จาก Lek Angkoon








 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น