วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

จ่อจับสึกพุทธะอิสระ ประพฤติผิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ รอแต่ศาลอาญาออกหมายจับเท่านั้น เท่านั้นเอง



 

ชงเอง-กินเอง !

 

ผอ.สำนักพุทธ "รับรางวัล" ของสำนักพุทธ

 

รางวัลผู้นำพุทธโลก

 

 


 

 

 

 

แหมน่าจะตั้งชื่อ "รางวัลผู้นำพุทธแห่งจักรวาล" ไปเลย จะได้อะไรที่มันยิ่งใหญ่กว่าใครในหล้า ดูซีฮะ รางวัลผู้นำพุทธโลก มอบโดย "สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ" แต่กลับมีชื่อ "ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ" ร่วมรับกับเขาด้วย แบบนี้มิใช่ "ชงเอง-กินเอง" แล้วจะให้เรียกว่ากระไร มันภาคภูมิใจตรงไหน อย่างกรรมการมหาเถรสมาคมนั้นก็ "พาเหรด" เข้ารับรางวัลจาก "ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม" ก็กากี่นั๊งคนกันเอง แบบว่าเป็นข้าราชการ แต่เอาผลงานที่กินภาษีของประชาชนไปหาเศษหาเลยล่ารางวัลกับเขาด้วย แถมยังเป็นรางวัลของสำนักพุทธฯซึ่งเป็น "เลขาธิการ" มหาเถรสมาคมอีกด้วย ก็สวยซีฮะ กรรมการมหาเถรรับรางวัลจากเลขาธิการมหาเถร เป็นเรื่องโก้เก๋ของไทย แต่ประทานโทษเถิด อารยประเทศเขาไม่ทำกันแบบนี้หรอก มันน่าเกลียด แต่คนที่หน้าด้านไปรับคงไม่เห็นน่าเกลียดหรอก อาจจะเห็นเป็นของดีด้วยซ้ำไป มิน่า นายนพรัตน์ทำอาย ไม่กล้าออกมาให้ข่าว ทั้งๆ ที่เป็นงานระดับโลก แต่กลับยกให้ "นายอำนาจ บัวศิริ" รอง ผอ.สำนักพุทธฯ ออกมาพูดแทน มันก็เป็นงานกระจอกละซี อีแบบนี้ทำเหนียมอาย แต่วันเข้ารับรางวัลกลับไม่อาย เฮ้อ เสียดายจริง เกียรติประวัติของคนมันพังเพราะไม่รู้จักพอนี่เอง

 

 

 

 

 

 

โฉมหน้า (ด้าน) ผู้นำพุทธโลก

 

 

 

 

อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม

5 กุมภาพันธ์ 2557


 

 

 


 

สิบโหล !

 

รางวัลผู้นำพุทธโลกของสำนักพุทธฯ

 

แจกสะบัด 27 ประเทศ 178 รูป/คน

 

 

 

 

 

 

สงสัยจะแจกแค่ปีเดียวกระมัง จึงต้องกระจายให้ครบทุกระดับประทับใจมากกว่าใครในโลก แต่ขอโทษทีเถิดฮะ แบบนี้เขาเรียกว่า "รางวัลโหล" ขนาดรางวัลประกวดร้องเพลง "ชิงช้าสวรรค์ประถมคอนเทสต์" เขายังคัดกันมากกว่านี้หลายเท่า แต่นี่บอกว่าเป็นรางวัล "ระดับโลก" ก็เลยสงสัยว่าโลกไหน และพระที่ถูกเสนอชื่อแต่ละรูปแต่ละองค์เหล่านี้ (โดยเฉพาะกรรมการมหาเถรสมาคม) ไม่ทราบว่ามีผลงาน "ระดับโลก" ในด้านใด และใช้อะไรมาเป็นเกณฑ์พิจารณา หวังว่าคงไม่ใช้ประวัติผลงานบัญชีเดียวกับการขอ "สมณศักดิ์" ของมหาเถรสมาคมนะท่านนะ มันจะกลายเป็นตลกร้าย ในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาโลกเชียวล่ะ

 

และอย่างคนระดับ "พระเทพญาณมหามุนี" หรือท่านธัมมชโย ซึ่งมีบริวารว่านเครือกว้างไกลทั่วโลก รวมทั้ง "ท่านติช นัท ฮันห์" แห่งหมู่บ้านพลัม ซึ่งโด่งดับระดับอินเตอร์นั้น เขาคงไม่บ้ามารอรับรางวัลกระจอกจากทางสำนักพุทธหรอก เมื่อวานมีข่าวว่า ทางรัฐบาลพม่า ประกาศถวายสมณศักดิ์ "อัคคมหาสัทธัมโชติกะธชะ" แก่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเป็นประมุขสงฆ์ของประเทศไทยในปัจจุบัน นั่นพม่าเขา"เล่นเป็น" เพราะเจาะจงถวายแด่ "ผู้นำสูงสุด" มิใช่เหมาโหลเหมือนสำนักพุทธฯในวันนี้ ทั้งนี้ พม่ามิได้คุยโวว่าเป็นรางวัล "ระดับโลก" อะไรเลย เป็นรางวัลระดับประเทศนี่แหละ แต่บุคคลที่จะมอบให้นั้น เขาคัดแล้วคัดอีก คัดเอาแค่ 1 เดียว ก็มีความหมายเหมือนเพชรเหมือนพลอย แต่ของสำนักพุทธฯ ประกาศเสียใหญ่โตว่า "ระดับโลก" แต่เหมาโหลแจกเหมือนรางวัลปลอบใจนางงามตกรอบ แถมผู้ที่ไม่ควรได้ก็ยังได้ แบบนี้จะให้เรียกว่าอย่างไร มันค้านสายตาพุทธศาสนิกชนทั่วโลกเลย ความคิดกระจอกๆ แค่นี้ ก็สะเออะจะทำงานระดับโลกกะเขาด้วย เฮ้อ อายแทนพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยเหลือเกิน งานนี้ก็คอยดูว่าจะมีไปเล่นตลกร่วมวงกับนพรัตน์แล้วรับรางวัล "ระดับโหล" เอ๊ย "ระดับโลก" กันซักกี่คน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ธัมมชโย-ติช นัท ฮันห์ รับรางวัล 'ผู้นำพุทธโลก'

เผยรายชื่อผู้รับรางวัล 'ผู้นำพุทธโลก' วันมาฆบูชา อาทิ พระพรหมเวที พระพรหมวชิรญาณ ธมฺมชโย ติช นัท ฮันห์ แห่งหมู่บ้านพลัม คุณหญิงหน่อย

 

เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่อาคารพิพิธภัณฑ์ทางพระพุทธศาสนา พุทธมณฑล จ.นครปฐม มีการแถลงข่าวการจัดงานมอบรางวัลผู้นำพุทธโลก ครั้งที่ 1 จัดโดย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ร่วมกับองค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (ย.พ.ส.ล.) โดยดร.อำนาจ บัวศิริ รอง ผอ.พศ. กล่าวว่า รางวัลดังกล่าวเป็นการจัดขึ้นครั้งแรกในนามของพศ. ร่วมกับ ย.พ.ส.ล. ซึ่งจะมีการมอบรางวัลในวันที่ 15 ก.พ. ที่อาคารพิพิธภัณฑ์ทางพระพุทธศาสนา พุทธมณฑล จ.นครปฐม โดยมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานในการมอบรางวัล

 

นพ.พรชัย พิญญพงษ์ ประธาน ย.พ.ส.ล. กล่าวว่า คณะกรรมการจัดงานพิธีมอบรางวัลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา มีมติถวายรางวัลผู้นำพุทธโลก แด่พระภิกษุ และมอบรางวัลให้แก่บุคคลและองค์กร ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อยกย่อง เชิดชู ประกาศเกียรติคุณ ทั้งเป็นขวัญกำลังใจ โดยมีรายชื่อผู้ที่ได้รับรางวัลทั้งหมดจาก 27 ประเทศ ทั่วโลก รวม 178 รูป/คน ซึ่งในส่วนพระสงฆ์จากประเทศไทยที่ได้รับรางวัลนี้มี  38 รูป

 

อาทิ พระพรหมเวที วัดไตรมิตรวิทยาราม พระพรหมวชิรญาณ วัดยานนาวา พระวิสุทธิวงศาจารย์ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พระพรหมเมธี วัดสัมพันธวงศาราม พระพรหมดิลก วัดสามพระยา พระพรหมบัณฑิต วัดประยุรวงศาวาส พระธรรมกิตติวงศ์ วัดราชโอรสาราม พระธรรมปิฎก วัดพระพุทธบาท จ.สระบุรี พระธรรมสุธี วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ พระเทพปริยัติวิมล วัดบวรนิเวศวิหาร พระเทพปริยัติเมธี วัดนครสวรรค์ พระเทพญาณมหามุนี วิ. (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี พระราชวิสุทธิคุณ วัดหลักเมือง จ.ปัตตานี พระราชวราจารย์ วัดนพวงศาราม จ.ปัตตานี พระราชปัญญามุนี วัดเวฬุวัน จ.ยะลา พระราชญาณกวี วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก พระสุธีธรรมานุวัตร วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นต้น

 

ขณะที่ประเภทบุคคล อาทิ แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ศ.พิเศษ จำนงค์ ทองประเสริฐ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายอนันต์ อัศวโภคิน นายบุญชัย เบญจรงคกุล นายเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ นางสาวมาลีวัลย์ เจมีน่า

 

ส่วนประเภทองค์กร ได้แก่ สถานีวิทยุโทรทัศน์ดาวเทียมเพื่อพระพุทธศาสนา ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย เป็นต้น

 

ที่สำคัญยังมีผู้นำชาวพุทธ องค์กร จากนานาชาติที่ได้รับรางวัลนี้ อาทิ  พระ ดร.ธรรมเสน พระสังฆราชบังคลาเทศ พระสุนธานันทะ มหาเถระสังฆนายกบังคลาเทศ ท่านซินหวินต้าซื่อ ผู้นำชาวพุทธแห่งไต้หวัน ท่านติช นัท ฮันห์ แห่งหมู่บ้านพลัม ประเทศฝรั่งเศส มูลนิธิฉือจี้ ประเทศไต้หวัน พระมหาบุญทวี วิไลจักร ประเทศลาว เป็นต้น

 

 

 

ที่มา : คมชัดลึก

5 กุมภาพันธ์ 2557


 

 

 

 

จ่อจับสึกพุทธะอิสระ

 

ประพฤติผิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ

 

รอแต่ศาลอาญาออกหมายจับเท่านั้น

 

เท่านั้นเอง

 

เพราะคณะสงฆ์ก็คงทำอะไรไม่ได้ ต้องรอกฎหมายบ้านเมืองนำร่อง กฎหมายบ้านเมืองบอกว่าผิดก็ผิดกฎคณะสงฆ์ ถ้ากฎหมายบ้านเมืองบอกว่าไม่ผิด ก็ไม่ผิดกฎหมายคณะสงฆ์ คดีพันล้านของธัมมชโยเป็นหนังตัวอย่างในเรื่องนี้ โกงไปพันล้าน บอกว่าเอาเงินมาคืนแล้ว ศาลอาญาอนุญาตให้ถอนฟ้อง ก็ปิดคดี นี่คือความจริงที่ไม่อิงนิยาย ทักษิณเป็นพยานกฎหมายคณะสงฆ์จึงไม่มีความหมายอะไร ดังพุทธะอิสระว่าไว้จริงๆ นอกจากเอาไว้จับหลวงตาและเณรหัวขี้กลากเท่านั้น ขนาดเณรคำยังจับไม่ได้เลย ดังนั้น ถ้าสามารถจับพุทธะอิสระถอดผ้าเหลืองได้ ก็ยิ่งกว่าจับกำนันเป๊าะเข้าคุกเสียอีกซีฮะ ส่วนนายนพรัตน์ก็ปล่อยให้แกพูดเพ้อเจ้อไปเถอะ เดี๋ยวแกก็เกษียนแล้ว แล้วจะเอาอะไรกับแก

 

 

 

 

 

 

รฏฺฐธมฺมนุญฺญํ สรณํ คจฺฉามิ

 

ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งรัฐธรรมนูญเป็นสรณะ

 

 

 

'สำนักพุทธฯ' ชี้ 'พุทธะอิสระ' ผิดพระธรรมวินัย-ทำผิด กม. จับสึกได้ทันที ยันไม่นิ่งนอนใจ ประสานทุกฝ่ายดำเนินแล้ว ด้าน'ศาล'นัดฟังคำสั่งหมายจับ 'หลวงปู่ฯ'6 ก.พ.

 

เมื่อเวลา 09.30 น. นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แถลงกรณีเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา หลวงปู่พุทธะอิสระได้นำมวลชนปิดสำนักงานเขตหลักสี่ และมีเหตุวุ่นวาย จนมีกระแสข่าวว่า สำนักพุทธฯ ไม่มีการดำเนินการใดๆ อย่างจริงจังว่า หลวงปู่พุทธะอิสระได้ร่วมกันชุมนุมและปิดสถานที่ราชการ ทางสำนักพุทธฯ ก็เกิดความไม่สบายใจ ทำหนังสือถึงเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เพื่อให้ดำเนินการนิมนต์หลวงปู่พุทธะอิสระไปว่ากล่าวตักเตือน เพราะไม่สมควรที่จะไปกระทำการร่วมกับการชุมนุม เพราะถือเป็นการทำผิดพระธรรมวินัย แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากหลวงปู่พุทธะอิสระแต่อย่างใด ทางสำนักพุทธฯ จึงแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมได้ประสานไปอีกครั้งหนึ่ง ล่าสุดจึงได้มีการแจ้งความดำเนินคดี โดยประชาชนที่เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมาย

 

"ขณะนี้ ทางคณะสงฆ์จึงร่วมกันสรุปว่า หลวงปู่พุทธะอิสระได้ทำผิดพระธรรมวินัยของสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) เนื่องจากได้ชุมนุมและชักชวนประชาชนให้ทำผิดกฎหมายและล่าสุด ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ส่งหมายเรียกให้หลวงปู่พุทธะอิสระมาให้ปากคำในข้อหากบฏ จึงถือว่าหลวงปู่ฯ มีความผิดทั้งธรรมวินัยและกฎหมายอย่างชัดเจน จึงขอชี้แจงว่า ทางสำนักพุทธไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด" นายนพรัตน์ กล่าว

 

 เมื่อถามว่า ข้อกล่าวหาชัดเจน ทำไมจึงไม่ดำเนินการให้หลวงปู่ฯสึกออกไป นายนพรัตน์ กล่าวว่า ในเรื่องการสึกมีกฎหมายรองรับชัดเจนมาก ถ้าพระรูปใดทำผิดกฎหมายอาญา เมื่อจับกุมแล้ว หากเห็นว่า ไม่สมควรให้ประกันตัวจึงสามารถทำการสึกได้ทันที

 

เมื่อถามต่อว่า ขณะนี้หลวงปู่ฯ อยู่ในกทม.ทำไมจึงไม่ดำเนินการจับกุม นายนพรัตน์ กล่าวว่า เป็นดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะจับกุมตามพยานหลักฐาน ส่วนกระบวนการทางพระธรรมวินัย ทางคณะสงฆ์ยืนยันว่า หากกระทำผิดตามกฎหมายก็ถือว่าทำผิดตามพระธรรมวินัยด้วย จึงขอเรียนว่าสำนักพุทธฯ ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจ มีหน้าเพียงประสานระหว่างเจ้าคณะปกครองในกรุงเทพฯกับเจ้าคณะปกครองจังหวัดนครปฐมเท่านั้น

 

 

ศาลนัดฟังคำสั่งหมายจับ "หลวงปู่พุทธะอิสระ" 6 ก.พ.

 

เมื่อเวลา 09.30 น.ศาลไต่สวนคำร้อง ที่ พ.ต.อ.พงษ์ สังข์มุรินทร์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง ยื่นขออนุมัติหมายจับ หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาส วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ที่ปรึกษา กปปส.แจ้งวัฒนะ ซึ่งมีพฤติการณ์ขัดขวางการจัดเลือกตั้ง โดยนำมวลชน กปปส.ไปแยกหลักสี่ ปิดล้อมหน้าสำนักงานเขตหลักสี่

 

โดยวันนี้ ผู้ร้องนำพยานเบิกความ รวม 3 ปาก ประกอบด้วย พ.ต.อ.พงษ์ สังข์มุรินทร์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 และ ด.ต.นันทวัชร์ ประสิทธิวิเศษ เจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบ สน.ทุ่งสองห้อง ซึ่งบันทึกภาพเหตุการณ์นอกจากได้นำพยานเอกสาร โดยมีการนำภาพถ่าย รวมทั้งภาพเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมและหลวงปู่พุทธะอิสระ ที่มีพฤติการณ์ขัดขวางการเลือกตั้ง ยื่นต่อศาลเพื่อประกอบการไต่สวนวันนี้ด้วย

 

ขณะที่ พยานทั้งสาม เบิกความทำนองเดียวกันว่า วันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา ก่อนวันเลือกตั้งล่วงหน้า หลวงปู่พุทธะอิสระ นำมวลชนกปปส.ไปชุมนุมที่สำนักงานเขตหลักสี่ จึงเดินทางไปยังสำนักงานเขตหลักสี่ เมื่อไปถึงพบการ์ดผู้ชุมนุม กปปส.นำรถบรรทุก 6 ล้อ มาปิดกันบริเวณปากซอยแจ้งวัฒนะ 10 และมีการขึงตาข่ายโดยรอบพื้นที่ พร้อมทั้งมีการ์ดกปปส.คอยดูแลความเรียบร้อยอยู่บริเวณ ประตูทางเข้า-ออกสำนักงานเขตหลักสี่ทุกด้าน เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเขตหลักสี่เข้าไปภายในสำนักงานเขตหลักสี่ได้ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมปักหลักกางเต้นท์นอนอยู่หน้าสำนักงานเขตหลักสี่ด้วย จากนั้นจึงแจ้งให้การ์ดผู้ชุมนุมทราบว่า จะขอเจรจากับหลวงปู่พุทธะอิสระขอเจรจา แต่ว่าถูกการ์ดขัดขวางไม่ให้เข้าพบ ทำให้ไม่สามารถเจรจาเพื่อขอเปิดทางได้ ต่อมาวันที่ 26 ม.ค.มีประชาชนเดินทางมาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า แต่ถูกผู้ชุมนุมและการ์ดขัดขวางจนไม่สามารถเข้าไปลงคะแนนเลือกตั้งได้ กระทั่งผู้อำนวยการเขตหลักสี่ได้แจ้งงดการเลือกตั้งแล้ว เนื่องจากมีมวลชนปิดล้อมอยู่เกรงจะเกิดอันตรายกับประชาชนและทำให้ทรัพย์สินของราชการเสียหาย หลังจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมจึงพากันเดินทางกลับไปชุมนุมที่เวทีแจ้งวัฒนะเช่นเดิม

 

ต่อมา ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปหลวงปู่พุทธอิสระยังได้นำมวลชนมาปิดล้อมสำนักงานเขตหลักสี่อีกครั้งหนึ่งในวันที่ 31 ม.ค. ซึ่งอุปกรณ์การเลือกตั้งและหีบบัตรเลือกตั้งทั้งหมดที่จะต้องกระจายไปยังหน่วยเลือกตั้งต่างๆ ถูกเก็บไว้ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ และเจ้าหน้าที่จะต้องทำการขนย้ายไปยังหน่วยเลือกตั้งต่างๆ ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันที่ 2 ก.พ.ซึ่งพยานที่เป็นเจ้าพนักงานดูแลความเรียบร้อยการเลือกตั้ง พร้อม ผบก.น.2 และผู้เกี่ยวข้องจึงได้เข้าพบหลวงปู่พุทธะอิสระ เพื่อเจรจาขอเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ขนหีบบัตรและอุปกรณ์การเลือกตั้งที่อยู่ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ เพื่อกระจายไปยังหน่วยเลือกตั้งต่างๆ โดยพบว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมมาขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้า-ออกสำนักงานเขตหลักสี่ได้และยังมีการนำรถบัสมาปิดขวางทางเข้าสำนักงานเขตหลักสี่ด้วย

 

โดยมีการประสานกับการ์ดว่า จะเข้าไปพบเจรจากับหลวงปู่พุทธะอิสระ นำกลุ่มผู้ชุมนุมมาชุมนุมที่สำนักงานเขตหลักสี่นั้นมีจุดประสงค์อะไร เพราะทางสำนักงานเขตหลักสี่ต้องจัดการเลือกตั้ง ก็ได้รับคำตอบจากหลวงปู่พุทธะอิสระว่า ไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้ง เข้า-ออกหรือนำอุปกรณ์การเลือกตั้งออกไป เพราะไม่ต้องการให้มีการเลิกตั้งเกิดขึ้น ซึ่งเปรียบเสมือนผลไม้ที่มีพิษ จึงไม่อยากที่จะให้ประชาชนได้กิน ซึ่งทำให้การเจรจาไม่ประสบผลสำเร็จ จนทางผอ.เขตหลักสี่จึงต้องประกาศงดการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.

 

 

 

พุทธะอิสระอ้าง

 

รัฐธรรมนูญ "เหนือกว่า" พรบ.คณะสงฆ์

 

ดังนั้น เมื่อปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ต้องสนใจกฎหมายคณะสงฆ์ เพราะประเทศนี้มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด นี่รวมทั้งกฎหมายแพ่ง อาญา และพานิชย์ ประดามีในประเทศไทยเราด้วย หากว่าไม่ผิดรัฐธรรมนูญเสียอย่าง ก็ไม่ผิดกฎหมายอะไรเลย จะใช้กฎหมายอื่นๆ มาตัดสินเหนือกว่ารัฐธรรมนูญไม่ได้ ดังนั้น ก็น่าจะโละทิ้งกฎหมายอื่นใดในประเทศไทยทิ้งเสียให้หมด แล้วหันมาใช้รัฐธรรมนูญปกครองในทุกระดับไม่เว้นพระเว้นโยม แม้แต่กฎหมายคณะสงฆ์ก็ไม่ต้องมี เพราะมีไว้ก็ใช้ไม่ได้ แล้วจะมีไปทำไม ต่อไป เมื่อโละกฎหมายคณะสงฆ์ทิ้งแล้ว ก็ไม่ต้องมีคณะสงฆ์ไทยอะไรต่อไปอีก ผ้าเหลืองผ้าลายก็ไม่จำเป็น บวชหรือไม่บวชก็ไม่สำคัญ ใครอยากจะประกาศตัวเองเป็นพระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ หรือเป็นพระพุทธเจ้า ก็ตามสบายไทยแลนด์ เพราะไม่ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว จะเรียก "หลวงปู่พุทธะอิสระ" หรือ "ไอ้สุวิทย์" มันก็ค่าเท่าเดียวกัน เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า "ทุกคนเท่าเทียมกัน" จริงไหมครับ พณฯท่านพุทธะอิสระ ?

 

 

 

 

 

 

หัวหมอเรียกพี่

 

 

 

 

พุทธะอิสระยั "พศ.ไม่มีอำนาจจับสึก" ย้ำ "รธน." ให้สิทธิชุมนุม "อยู่เหนือ"กฎหมายสงฆ์

 

หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวถึงกรณีที่นายนพรัตน์ ระบุว่า เจ้าคณะจังหวัดนครปฐมมีมติว่า หลวงปู่ฯทำผิดพระธรรมวินัยของสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) สืบเนื่องจากการชุมนุมและชักชวนประชาชนให้ทำผิดกฎหมายกรณีขัดขวางการเลือกตั้ง ว่า อาตมาไม่ให้ราคา พศ.เพราะหากสามารถดำเนินการกับอาตมาได้ตามกฎหมายจริงก็คงจัดการไปนานแล้ว คงไม่ปล่อยให้มานำการชุมนุมนานถึง 3 สัปดาห์ ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่ได้กระทำผิดพระธรรมวินัยข้อใด และหากเห็นว่า ผิดวินัยข้อใดก็ขอให้ระบุมาให้ชัดเจน ที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นหนังสือตักเตือนจากเจ้าคณะจังหวัด เพราะไม่ได้อยู่จำวัดเลยไม่ทราบว่ามีหนังสือส่งไปถึงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การอ้างทำผิดวินัยของมหาเถรฯ หากเทียบกับรัฐธรรมนูญที่ถือเป็นกฎหมายสูงสุดแล้วก็ถือว่าอาตมาไม่ได้ทำผิด เพราะตามรัฐธรรมนูญระบุให้บุคคลย่อมมีสิทธิและเสรีภาพเท่าเทียมกันในการแสดงความเห็นทางการเมือง ดังนั้น กฎหมายอื่นที่ขัดกับรัฐธรรมนูญถือเป็นโมฆะ

 

“พศ.ไม่มีอำนาจสึกอาตมา ส่วนเจ้าคณะจังหวัดก็คงไม่กล้าดำเนินการอะไร เพราะเป็นคู่ปรับเก่าคงไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม ซึ่งการออกมาให้ข้อมูลดังกล่าวยอมรับว่า ส่งผลต่อภาพลักษณ์การชุมนุมและทำให้ศิษย์หลายคนเป็นห่วง เป็นการออกมาสร้างข่าวเพื่อสร้างความกังขากับสังคม ทั้งนี้ ตามกฎหมายหากจะสึกพระได้ก็ต่อเมื่อต้องคดีอาญามาตราใด มาตราหนึ่งและคดีถึงที่สุดแล้ว แต่ขณะนี้คดีเพิ่งจะเริ่มต้นการขอออกหมายจับ ซึ่งหากศาลอนุมัติหมายจับก็ต้องมอบอำนาจให้ทนายความไปร้องขอถอนหมายจับและต่อสู้คดีกันต่อไปจนถึงที่สุด” หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าว

 

หลวงปู่ฯ กล่าวต่อว่า ล่าสุด อาตมาถูกตั้งค่าหัวจากนักการเมืองจังหวัดราชบุรีราคาสูงถึง 20 ล้านบาท โดยส่งกลุ่มตำรวจนอกเครื่องแบบทั้งชายและหญิงเข้ามาแฝงตัวเป็นการ์ด และพยายามหาจังหวะมาทำงานใกล้ชิด และมีพฤติกรรมปั่นป่วน ทำให้ภาพลักษณ์การชุมนุมเสียหาย เช่น การขู่สื่อมวลชนและผู้ชุมนุมและชาวบ้านรอบพื้นที่การชุมนุม อย่างไรก็ตาม อาตมาได้ถ่ายภาพและส่งข้อมูลไปยังกปปส.เวทีอื่น เพื่อให้เฝ้าระวังและได้ขับไล่ออกจากพื้นที่ไปแล้ว แต่ยังเหลือกลุ่มต้องสงสัยอีก 5-6 ราย ที่มีพฤติกรรมคอยส่งข่าวและล็อกเป้าแกนนำหมายจะเอาชีวิตด้วย

 

หลวงปู่ฯ กล่าวต่ออีกว่า ในวันพรุ่งนี้เวลา 09.00 น. ได้นัดกรมการกงสุลเข้ามาเจรจา เพื่อจะทำข้อตกลงเปิดพื้นที่ให้บริการประชาชน และในเวลา 14.30 น. ได้นัดหมายกับนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้าพบเพื่อจะเปิดให้ข้าราชการกกต.เข้ามาทำงานได้ในศูนย์ราชการ อาคารบี ส่วนกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะส่งพ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เข้าพบเพื่อเจรจาขอคืนพื้นที่ดีเอสไอ อาตมายังไม่ได้รับการติดต่อ แต่หากติดต่อมาก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้เข้าพบ

 

ด้าน พ.ต.ท.ถวัล กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ไปเจรจาขอความเมตตาจากหลวงปู่ฯ เพื่อขอเปิดทำการดีเอสไอ โดยจะนำข้อมูลประกอบการชี้แจง เพื่อให้รับทราบว่า ดีเอสไอไม่ได้ทำเฉพาะคดีการเมืองหรือการชุมนุมเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีงานในส่วนการช่วยเหลือประชาชน และคดีอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนอีกมาก เช่น คดีฉ้อโกง หลอกลวงประชนของกลุ่มแชร์ลูกโซ่ ซึ่งสถานการณ์ชุมนุมขณะนี้เริ่มผ่อนคลายลงแล้วจึงจะขอให้หลวงปู่ฯ กำหนดเงื่อนไขและมาตรการเข้า-ออกพื้นที่เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่ายภายหลังเบิกความเสร็จสิ้นในเวลา 14.00 น.เศษ ศาลได้นัดฟังคำสั่งว่า จะอนุมัติหมายจับหลวงปู่พุทธะอิสระหรือไม่ ในวันที่ 6 ก.พ.นี้ เวลา 13.30 น.

 

 

เจ้าคณะจังหวัดนครปฐมแจ้งเตือนแล้ว

 

ายนพรัตน์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้รับทราบว่า คณะสงฆ์จังหวัดนครปฐม ได้แจ้งเตือนไปยังหลวงปู่พุทธอิสระแล้ว กระบวนการจากนี้ต้องดูทั้ง 2 ทาง ทั้งทางคณะสงฆ์และฝ่ายบ้านเมือง โดยที่ผ่านมาฐานความผิดทางบ้านเมืองชี้ออกมาว่าเป็นกบฏ ชุมนุมเกิน 10 คน ขัดขวางการเลือกตั้ง ทำลายทรัพย์สิน ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 113,114,116  ซึ่งโทษทางอาญา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถที่จะดำเนินการจับกุมได้ แต่เมื่อจับแล้วขึ้นอยู่ในดุลยพินิจ โดยจะให้ประกันตัวหรือไม่ หรือให้เจ้าอาวาสมารับตัวไปควบคุม หากเจ้าอาวาสไม่มารับตัว ก็สามารถดำเนินการสึกได้เลย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนว่าจะชี้มูลความผิดอย่างไร อย่างไรก็ตาม การไปชุมนุมทางการเมืองถือว่าฝ่าฝืนคำสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามพระภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง พ.ศ.2538 โดยโทษทางการปกครอง จะมีตั้งแต่ระดับการตักเตือน หากตักเตือนแล้วไม่ฟัง ก็จะมีมาตรการขับออกจากวัด หากหาสังกัดใหม่อยู่ไม่ได้ตามกำหนดระยะเวลา ก็ต้องดำเนินการสึก

 

 

 

ที่มา : คมชัดลึก

5 กุมภาพันธ์ 2557


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น