วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

คลิป กปปส.เป่านกหวีดไล่ ′คุณหญิงพจมาน′ กลางห้างฯดัง เจอคุณป้าปาของสวนจนนกหวีดกระเด็นออกจากปาก

 

วันพฤหัสบดี, กุมภาพันธ์ 27, 2557

คลิป กปปส.เป่านกหวีดไล่ ′คุณหญิงพจมาน′ กลางห้างฯดัง เจอคุณป้าปาของสวนจนนกหวีดกระเด็นออกจากปาก

 

เป็นคลิปที่โพสต์ไว้บนยูทูปเมื่อ26 ก.พ. กรณีกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. นำโดย ′ทยา - ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ′ บุกเป่านกหวีดใส่คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร (ชินวิตร) อดีตภรรยาของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลางห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านสุขุมวิท  อย่างไรก็ตามตอนท้ายคลิปมีคุณป้าคนหนึ่งไม่ค่อยพอใจพฤติกรรมดังกล่าวจึงขว้างสิ่งของบางอย่างเข้าใส่ทยา ทีปสุวรรณ จนนกหวีดกระเด็นหลุดออกจากปาก


อย่าลืมวันลงคะแนนใหม่ในพื้นที่ 5 จังหวัด 2 มีนาคมนี้!


ร่วมกัน SHARE ข้อความนี้ออกไป อย่าลืมวันลงคะแนนใหม่ในพื้นที่ 5 จังหวัด 2 มีนาคมนี้!

เพชรบุรี ระยอง = ลงคะแนนทดแทนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.

สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และเพชรบูรณ์ = ลงคะแนนทดแทนการเลือกตั้งล่วงหน้า ณ ที่เลือกตั้งกลาง 26 มกราคม




---
(ข่าวที่เกี่ยวข้อง: มติ กกต.สั่งผู้ว่าฯ-เหล่าทัพหนุนเลือกตั้ง 2 มี.ค.http://news.voicetv.co.th/democracycrisis/98179.html)

มติ กกต.สั่งผู้ว่าฯ-เหล่าทัพหนุนเลือกตั้ง 2 มี.ค.

กกต.มีมติออกคำสั่งให้ผู้ว่าฯ-เหล่าทัพ หนุนจัดการเลือกตั้ง 5 จังหวัด 2 มี.ค.นี้ พร้อมชง ครม.ขอไฟเขียว งบฯ2,800 ล้านบาทจัดเลือกตั้ง ส.ว. รวมทั้งมีหนังสือเชิญเลขาธิการนายกฯเข้าให้ข้อมูลเรื่องร้องนายกฯปฏิบัติหน้าที่ในภาคเหนือ-อีสาน หลังยุบสภา

วันนี้ (24 ก.พ.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง แถลงผลการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ว่า ที่ประชุม กกต. มีคำสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เหล่าทัพ ช่วยปฏิบัติหน้าที่ตามที่ กกต.ร้องขอในการจัดการเลือกตั้งซึ่งเป็นอำนาจตามรัฐธรรมนูญ และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. เพื่อจัดการลงคะแนนใหม่ในวันที่ 2 มีนาคมนี้ ใน5 จังหวัดที่มีความพร้อม ประกอบด้วย  เพชรบุรี ระยอง ที่เป็นการลงคะแนนทดแทนเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ส่วน  สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และเพชรบูรณ์ ที่เป็นเป็นการลงคะแนนทดแทนการเลือกตั้ง ณ ที่เลือกตั้งกลาง เมื่อวันที่ 26 มกราคม 

นอกจากนี้ กกต.ได้มีมติให้เสนอเรื่องไปยังคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในการขอรับสนับสนุนงบประมาณจัดการเลือกตั้ง ส.ว.ทั่วไปกรณีครบวาระ วงเงิน 2,800 ล้านบาท โดยทางสำนักงานกกต.ประจำจังหวัด และสำนักงาน กกต.ประจำกรุงเทพมหานครได้ประมวลค่าใช้จ่ายดังกล่าว เพื่อใช้ในการจัดเลือกตั้งส.ว. ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 มีนาคมนี้ 

นายภุชงค์ ระบุว่า กรณีร้องเรียนนายกรัฐมนตรีภายหลังยุลสภาผู้แทนราษฎรไปปฏิบัติภารกิจภาคเหนือและภาคอีสาน มีการใช้ทรัพยากรของรัฐ โดย กกต.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งนี้  กกต.ได้มีหนังสือเชิญเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หรือผู้แทน เข้าชี้แจงถึงกำหนดการเดินทางของนายกรัฐมนตรีเพื่อให้กรรมการไต่สวนได้ตรวจสอบ ในวันที่26 ก.พ.เวลา 10.00 น. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต

สมัชชาฯสัมภาษณ์สดเปิดใจ ด.ต.สาโรช มาพิมพ์ เพื่อนสนิทของ พ.ต.ต.เพียรชัย ภารวัตร ผู้วายชนม์

 

Published on Feb 25, 2014
สมัชชาปกป้องศักดิ์ศรีตำรวจไทย

สมัชชาฯสัมภาษณ์สดเปิดใจ ด.ต.สาโรช มาพิมพ์ ผบ.ป.สภ.ห้วยโป่ง จ.ระยอง เพื่อนสนิทของ พ.ต.ต.เพียรชัย ภารวัตร ผู้วายชนม์ ถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่เกิดเหตุ โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า...."มีชุดแรกมันล่อให­้เราถลำลึกเข้าไป จากนั้นชุดที่ซุ่มอยู่ก็กระหน่ำยิงเข้ามาโ­ล่ผมยังมีเสียงกระสุนกระทบอยู่เลย"

จากนั้นยังย้ำเราไม่เคยกลัว ขวัญกำลังใจดีและพร้อมสู้ต่อแต่วอนขอผู้บั­งคับบัญชาเห็นใจปรับแผนอย่าปล่อยให้ตำรวจต­้องสู้ด้วยยุทธวิธีเดิมครับ

คลิป : 26-2-57 ข่าวค่ำDNN รท.ญ.สุณิสา ยัน ม็อบทำร้ายร่างกาย

 

Published on Feb 26, 2014
....

ที่มา Voice TV

ร้อยโทหญิงสุณิสา เปิดเผยเหตุการณ์ ถูกการ์ดผู้ชุมนุมควบคุมตัว ระหว่างทำธุระที่สยาม เมื่อวานนี้ (25 ก.พ.57) เผยโชคดีที่มีนักข่าวมาพบและเผยแพร่เหตุการณ์ จึงรอดออกมาได้

ร้อยโทหญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. แถลงชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีถูกการ์ดผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ควบคุมตัวจากบริเวณศูนย์การค้าสยาม ไปไว้ที่เวทีปทุมวัน ก่อนปล่อยตัวออกมา

โดยร้อยโทหญิงสุณิสา เล่าว่า ไปทำธุระส่วนตัวที่พรเกษมคลินิค สาขาสยาม เมื่อวานนี้ (25 ก.พ.57) ตามที่นัดหมายกับแพทย์ ระหว่างเดินออกมาจากคลีนิค ได้ถูกจิกกระชากดึงผมจากข้างหลัง เมื่อหันกลับไป พบชายฉกรรจ์ซึ่งเป็นการ์ดผู้ชุมนุมกว่า 20 คน เข้ามารุมล้อม และควบคุมตัวไปที่หอศิลปะวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร เวทีปทุมวัน โดยได้ยึดโทรศัพท์มือถือ และข่มขู่ให้เปิดเผยรหัสโทรศัพท์ บอกจุดที่จอดรถ ตลอดจนมีความพยายามนำผ้าคลุมหัว เพื่อพาขึ้นรถตู้ไปยังสถานที่ ที่ไม่รู้จุดหมาย และไม่รู้วัตถุประสงค์

แต่โชคดี ที่ช่างภาพข่าวบริเวณนั้น สังเกตเห็น และบันทึกภาพเอาไว้ได้ แม้ช่างภาพคนดังกล่าว จะถูกข่มขู่ บังคับให้ลบภาพทิ้ง แต่ก็ทำให้ข่าวถูกแพร่กระจายออกไป จนสื่อมวลชนได้รับทราบกันโดยทั่ว เป็นเหตุให้กลุ่มการ์ด ต้องโทรไปปรึกษาบุคคลปริศนา จนมีคำสั่งให้ปล่อยตัว แต่ระหว่างถูกควบคุมตัว การ์ดผู้ชุมนุมบางคน เข้ามาพูดจาข่มขู่ ในเชิงต้องการล่วงละเมิดทางเพศ

ร้อยโทหญิงสุณิสา ขอร้องไปยังแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม ให้ควบคุมพฤติกรรมของการ์ดและมวลชน ให้อยู่ในกรอบกฎหมาย ไม่ละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น และหวังว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก

26 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 17:45 น.


เสวนา "ความเป็นธรรมในสังคมไทย" ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ 25-02-2014

 

Published on Feb 25, 2014
mp3 http://www.mediafire.com/listen/qaocq...
เสวนา "ความเป็นธรรมในสังคมไทย"
พบกับ เกษม เพ็ญพินันท์ เกษียร เตชะพีระ
วรเจตน์ ภาคีรัตน์ อนุสรณ์ อุณโณ
ดำเนินรายการโดย จุฬารัต ผดุงชีวิต
จัดโดย ศูนย์ศึกษาสังคมและวัฒนธรรมร่วมสมัย
คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 13.30 - 16.30 น.
ณ ห้องบรรยาย 103 ชั้น 1 อาคารสังคมสงเคราะห์ศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ท่าพระจันทร์
thaivoice.org ถ่ายทอดสดโดยไอ้หนูแดง

อย่าให้(ลูก)คนโกงมีที่ยืนในสังคม



โดย ณัฐเมธี สัยเวช

ที่มา THAIPUBLICA

เมื่อประมาณอาทิตย์หรือสองอาทิตย์ก่อน มีโอกาสได้ดูโฆษณาชิ้นหนึ่ง ทราบว่าเป็นภาพยนตร์โฆษณาขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT (Anti-Corruption Organization of Thailand) โดยเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ"อย่าให้คนโกงมีที่ยืนในสังคม" และที่ผมได้ชมนั้นเป็นตอนที่ชื่อว่า "ลูกคนโกง" ซึ่งโพสต์ในเว็บไซต์ยูทูบโดยผู้ที่ใช้ชื่อว่า "ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน"

เนื้อหาในโฆษณาดังกล่าว เป็นเรื่องราวของเด็กนักเรียนคนหนึ่งนั่งหน้าเศร้าอยู่บนชิงช้า เมื่อแม่ของเด็กน้อยถามว่าทำไมไม่ไปเล่นกับเพื่อนๆ คำตอบที่ได้รับก็คือ เพื่อนๆ บอกว่าไม่อยากเล่นกับ "ลูกคนโกง" แล้วเด็กคนนี้ก็ถามแม่ตัวเองว่าบ้านเรานั้นโกงจริงหรือ จากนั้น ก็เป็นภาพของคุณแม่ที่มีตัวอักษรเป็นวลีว่า "รวยเพราะโกง" ปั๊มอยู่บนหน้าผาก พร้อมด้วยแม่ๆ ของเด็กคนอื่นๆ ที่ยืนชี้หน้าตะโกนคำว่าขี้โกงใส่ และมีแม่คนหนึ่งที่ยิงคำถามว่า "สงสารลูกบ้างมั้ย"

สะใจ…

หลายคนดูแล้วต้องรู้สึกสะใจแน่ๆ ก็แหม วิธีการจัดการกับ "คนโกง" แบบในโฆษณานี้ดูจะเป็นอะไรที่ทำได้โดยง่าย และโครงสร้างทางวัฒนธรรมแบบไทยๆ ของเรานั้นก็เอื้ออวยกันในเชิงความรู้สึกว่ามันเป็นวิธีที่ได้ผล ซึ่งไม่ว่าได้ผลที่ว่านั้นจะยืนยาวหรือไม่ แต่ในทางเฉพาะหน้าแล้ว "การลงทัณฑ์ทางสังคม" หรือ social sanction แบบในโฆษณานี้มันทั้งสะอกสะใจและทันอกทันใจ ยิ่งเลือกคนแสดงเป็น "แม่ผู้ถูกตีตราว่าโกง" มาเสียหน้าตาเหมือนรักษาการนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (บางคนก็บอกว่าเด็กในโฆษณานั้นหน้าเหมือนน้องไปป์ ลูกชายนายกฯ) มีหรือครับ ที่ผู้มีจิตใจชิงชังรังเกียจเคียดแค้นคนขี้โกง ซึ่งตอนนี้มีสองพี่ชายน้องสาวอดีตนายกฯ แห่งตระกูลชินวัตรและพรรคพวกเป็นหุ่นฟางให้ใครต่อใครตอกตะปูสาปแช่งไปแล้ว จะไม่รู้สึกสะใจเมื่อได้เห็นภาพที่ปรากฏในโฆษณาดังกล่าว

แต่โดยส่วนตัวนี่ เมื่อมาพินิจดีๆ แล้ว แหม ผมขอบอกตรงๆ ว่านี่เป็นโฆษณาที่น่ารังเกียจมากอยู่นะครับ

คุณฟังไม่ผิด และอ่านไม่พลาด ผมกำลังบอกว่าโฆษณาชิ้นนี้น่ารังเกียจ และผมรู้สึกสิ้นหวังอย่างมากที่องค์กรที่เรียกตัวเองว่าเป็นองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันนั้นเลือกที่จะใช้วิธีการลงทัณฑ์ทางสังคมในรูปแบบที่น่ารังเกียจแบบนี้มาเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน

ต้องออกตัวก่อนนะครับว่า ไม่ใช่ว่าผมจะชิงชังการต่อต้านคอร์รัปชัน ผมชอบครับ การต่อต้านคอร์รัปชันนี่ผมชอบเลย อยากให้มี อยากให้แก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ แต่สิ่งที่ผมสนใจมากกว่าการต่อต้านคอร์รัปชันก็คือ คุณจะต่อต้านมันด้วยวิธีไหน และการต่อต้านคอร์รัปชันด้วยการสร้างค่านิยมว่ามันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ไม่ควรเกี่ยวข้องด้วย แบบนั้นผมก็เห็นว่าก็น่าจะได้ผลอยู่บ้างนะครับ เพราะก็เป็นการเพิ่มต้นทุนทางสังคมแก่ผู้ที่คิดจะทำการคอร์รัปชัน ในทางหนึ่งแล้วก็นับว่าเป็นการเพิ่มต้นทุนในการทำคอร์รัปชัน (พอจะทำอะไร ถ้าต้นทุนเพิ่มคนเราก็มักหยุดคิดใช่ไหมครับ) แต่ก็นั่นแหละครับ ที่ยากจะทำใจรับได้ หรือพูดให้เฉพาะเจาะจงกว่านั้นคือยอมรับไม่ได้ และเอาแต่ใจถึงขั้นไม่อยากให้ใครยอมรับ ก็คือลักษณะการใช้มาตรการควบคุมทางสังคมแบบในโฆษณาต่อต้านคอร์รัปชันชิ้นนี้

เพราะอะไรนะหรือ เพราะสำหรับผมแล้วนั้น คนผิดย่อมต้องได้รับโทษครับ แต่โทษมันก็ควรจะลงอยู่แต่กับตัวคนที่กระทำผิดเท่านั้น ส่วนคนที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน โดยไม่ได้ร่วมกระทำความผิด ก็ไม่สมควรต้องรับโทษทัณฑ์อันใดไปด้วย ไม่ว่าจะทางกระบวนการยุติธรรมหรือทางสังคมก็ตาม ผมว่าเราน่าจะข้ามพ้นยุคของการประหารเจ็ดชั่วโคตรมาแล้วนะครับ อะไรแบบนั้นนี่เก็บไว้สะใจในฐานะของสิ่งโบราณที่ช่วยเติมเต็มหัวใจที่แหว่งเว้าเพราะความไร้ประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรมในโลกปัจจุบันดีกว่า เหมือนเสพละครหลังข่าวน่ะครับ แต่อย่าไปรื้อฟื้นวิธีคิดในลักษณะทำคนเดียวชั่วทั้งโคตรแบบนั้นขึ้นมาใช้เลย มันอาจจะเด็ดขาด สะใจ แต่ไม่อารยะ

ทีนี้ พอมาดูกันเป็นส่วนๆ ไป ผมว่าแคมเปญนี้ไม่น่ารักตั้งแต่ชื่อแล้วครับ "อย่าให้คนโกงมีที่ยืนในสังคม" โอ้โฮ ในขณะที่โลกเข้าสู่แนวคิดในการนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การลงโทษลงทัณฑ์ก็เป็นไปพร้อมกระบวนการบำบัดเยียวยาทัศนะและพฤติกรรมให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตอยู่ในกฎเกณฑ์ทางสังคมได้เฉกเช่นคนอื่น มุ่งเน้นการให้โอกาสในการคืนสู่สังคม แต่แคมเปญนี้กลับสนับสนุนการกีดกันผู้กระทำผิด ปิดกั้นพื้นที่ ไม่ให้สามารถใช้สังคมร่วมกับคนอื่นได้ แบบนี้มันคือความล้าหลังนี่ครับ พูดตรงไปตรงมาอย่างไม่ไว้หน้าก็ต้องบอกว่า วิธีคิดแบบนี้เป็นการปลูกฝังความเกลียดชังลงไปในสังคมเสียมากกว่าจะหาทางแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน เป็นการแก้ปัญหาบนพื้นฐานของความเกลียดชังมากกว่าอย่างอื่น


เพื่อนนักเรียนเด็กๆ พากันมองมาและซุบซิบนินทา ที่มา:https://www.youtube.com/watch?v=U2IlCGSS1Uo

และเมื่อมาดูในเนื้อหาของโฆษณาชิ้นนี้ ความรุนแรงที่ถ้าไม่สังเกตให้ดีก็คงมองไม่เห็น ก็คือเรื่องของการ "จับเด็กเป็นตัวประกันทางศีลธรรม"แถมระหว่างที่จับตัวไว้นั้น ก็ทำการ "ข่มขืนทางศีลธรรม" ไปพลางๆ ด้วย ดูจากในโฆษณาก็เรียกได้ว่า "ทำแม่ไม่ได้ก็ใส่กับลูก" นั่นแหละครับ แม่ๆ ของเด็กอื่นในโฆษณาให้ลูกๆ ของตัวเองใช้ความโดดเดี่ยวข่มขืนหัวใจเด็กชายลูกคนโกง โดยหวังให้กระทบชิ่งไปสะท้านสะเทือนหัวใจคนเป็นแม่ และทั้งหมดทำลงไปในนามศีลธรรม

ศีลธรรมไม่ใช่ไม่ดีนะครับ…แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับวิธีใช้ด้วย

อย่าได้ลืมทีเดียวว่า ลูกนี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เลือกพ่อแม่ไม่ได้นะครับ และไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องเลือกว่าจะมีพ่อแม่เป็นคนโกงหรือไม่เลย

แล้วถ้าให้พูดกันจริงๆ นี่ ลองมองดูรอบๆ ตัวในสังคมไทยเราดีๆ สิครับ แน่ใจหรือครับว่าด้วยโครงสร้างทางวัฒนธรรมที่โดยปรกติแล้วจะให้อำนาจพ่อแม่เหนือลูกอย่างเด็ดขาด คิดว่าคำถามอย่างในโฆษณาที่เด็กถามแม่ตัวเองว่า "บ้านเรานั้นโกงจริงหรือ" จะมีผลให้คนเป็นพ่อแม่บังเกิดสำนึกตรึกตรองจนกลับอกกลับใจไม่กระทำผิดไหม ผมตอบเลยว่าไม่ เต็มที่ก็ไม่ทำให้ลูกรู้ ประนีประนอมหน่อยก็อาจจะให้ความหมายใหม่ของการโกงของตัวเองแก่ลูก แต่ถ้าหนักข้อเข้า ขี้คร้านลูกจะโดนสวนกลับมาด้วยซ้ำ อาจสวนแรงถึงขั้นทำนองว่า ที่มีกินมีใช้อยู่นี่ก็เพราะโกงนี่แหละ

ทำแบบนี้นี่เด็กโดนทั้งขึ้นทั้งล่องครับ ดูโฆษณาชิ้นนี้แล้วผมก็เลยไม่แน่ใจว่าตกลงเด็กอยู่ในสถานะที่ควรจะได้รับการปกป้อง หรือต้องทำร้ายเสียก่อนเพื่อจะได้ปกป้องกันแน่ ซึ่งดูไปก็คล้ายการบูชายัญแพะสักตัวให้เทพเจ้าแห่งความดีพึงพอใจแล้วสังคมจะได้สงบสุข

กล่าวโดยสรุปแล้ว ผมเห็นว่านี่เป็นโฆษณาที่เต็มไปด้วยความรุนแรงนะครับ แม้จะไม่มีใครลุกขึ้นมาลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายกัน แต่มันก็ยังรุนแรง เป็น "ความรุนแรงเชิงวัฒนธรรม" ซึ่งเป็นความรุนแรงในระดับลึกที่สุดที่มักเป็นกำลังในการให้ความชอบธรรมในการทำความรุนแรงระดับอื่นๆ โฆษณาชิ้นนี้นั้นดำเนินเรื่องไปบนฐานวิธีคิดที่ว่าเราจะทำอย่างไรกับ "คนไม่ดี" ก็ได้ ใช้วิธีการแบบใดก็ได้ ดังที่เราจะเห็นว่าโฆษณาชิ้นนี้เลือกจะเสนอภาพของการจัดการการคอร์รัปชันด้วยการให้สังคมไปกดดันลูกของคนที่สังคมเชื่อว่าเป็นคนโกง

นี่คือความรุนแรง เป็นความรุนแรงที่กระทำต่อเด็ก ยิ่งกว่านั้นคือเป็นกระทำความรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์จากความผิดในเรื่องนี้

แต่ที่ว่ากันมาขนาดนี้นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าโฆษณาชิ้นนี้ไม่มีอะไรดีเลยนะครับ มีครับ เพียงแต่อาจจะไม่ได้สื่อออกมาเท่านั้น

เรื่องดีที่ว่าก็คือ อย่างน้อย ผมคิดว่าโฆษณาชิ้นนี้สะท้อนถึงความบ้อท่าของกฎหมายบ้านเมืองครับ การที่แม่ในโฆษณานั้นไม่ได้เป็นคนโกงเพราะกฎหมายชี้ชัดว่าโกง แต่โกงเพราะใครๆ ก็รู้ว่าโกง เป็นคนโกงเพราะสังคมเชื่อและ "ตีตรา" ว่าโกง (ซึ่งต่อให้โกงจริงๆ มันก็คนละเรื่องกับโกงตามคำพิพากษาทางกฎหมายนะครับ การพิพากษาทางสังคมแบบนี้มันคือศาลเตี้ย) สภาพแบบนี้สะท้อนถึงความไร้ประสิทธิภาพจนไม่อาจก่อประสิทธิผลของกฎหมายครับ ที่ทำให้ไม่สามารถลงโทษเอาผิดผู้ใหญ่ได้ และสุดท้าย เมื่อกฎหมายทำอะไรไม่ได้ สังคมก็ต้องมาจัดการกันเอง ก็ต้องมาลงกับเด็กด้วยหวังจะลงโทษผู้ใหญ่ไปในที อย่างที่บอกไปแล้วครับ สภาพอย่าง "ทำแม่ไม่ได้ก็ใส่กับลูก"


ภาพที่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาถึงการ "ตีตรา" บุคคลด้วยความเชื่อทางสังคม ที่มา:https://www.youtube.com/watch?v=U2IlCGSS1Uo

แต่ว่า การที่พอกฎหมายใช้การไม่ได้ เลยต้องหันไปใช้ลีลาอันบ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างการประจาน การกีดกัน ลงโทษคนที่ไม่ได้ร่วมกระทำผิดด้วย แถมยังเป็นเด็กอีกต่างหาก เหล่านี้ก็สะท้อนความมักง่ายของสมาชิกในสังคมนะครับ

เมื่อกฎหมายที่มีอยู่มันใช้ไม่ได้ สิ่งที่สังคมควรจะต้องทำก็คือการพยายามหาทางแก้ไขปรับปรุงให้มันใช้การให้ได้ ซึ่งแน่นอนครับว่ามันเป็นเรื่องที่ยาก ใช้เวลา แต่ในระยะยาวแล้วมันแก้ปัญหาได้ยั่งยืนกว่าใช้มาตรการทางสังคมที่กำกับโดยศีลธรรม เพราะแม้ศีลธรรมจะมีอำนาจในการควบคุมสังคมราวกับกฎหมาย แต่มันถูกตีความได้หลากหลายจนสุดท้ายแล้วยากจะทำให้เกิดการพิสูจน์จนสิ้นสงสัยน่ะครับ

ซึ่งถ้าคุณเลือกจะใช้วิธีการจัดการคนโกงแบบในโฆษณาชิ้นนี้ วันหนึ่งคนโกงอาจจะหมดไปจากสังคมจริงๆ ก็ได้ครับ แต่สิ่งที่จะเหลือไว้ก็คือ ลูกของคนโกงที่โตมากับการถูกสังคมทำร้าย ทั้งที่ตัวเขาไม่ได้ทำผิดอะไร หรืออาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรคือการโกงที่ใครต่อใครพูดถึงบ้านตัวเอง


"หญิงคนโกง" เดินจากไปพร้อมกับลูกที่เดินคอตกทั้งที่ตัวเองไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ที่มา:https://www.youtube.com/watch?v=U2IlCGSS1Uo

เราไม่ควรสร้างปัญหาเพื่อแก้ปัญหาใช่ไหมครับ…

พระราชินี (a sequel) ทรงเหวยสวัสดิการ




"เท่ากับว่าพระองค์ทรงจ่ายภาษีในอัตราต่ำมากเสียยิ่งว่าคนรับจ้างซักผ้า"

สมัชชา (องค์การบริหารท้องถิ่น) สาดเงินไปให้แก่ราชวงศ์เป็นค่าเช่าอยู่อาศัยของคนยากไร้ ที่ต้องการเงินสวัสดิการเพื่อได้มีที่คุ้มหัวนอน

ครอบครัวยากจนที่ต้องต่อสู้กับความลำบากเพราะค่าครองชีพสูงขึ้น ต่างโกรธขึ้งที่พวกเจ้าของที่ดินโกยเอาเงินสวัสดิการเคหะไปเป็นพันๆ ปอนด์ สเตอร์ลิง

จะมีอีกจำนวนมากต้องเกลียดชังคั่งแค้นเมื่อรู้ว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลและสมเด็จพระราชินีทรงมีรายได้จากคนยากไร้ผู้อยู่อาศัยที่ต้องพึ่งพาเงินสวัสดิการเพียงแค่ให้ตนมีที่ซุกหัวนอนเหล่านั้น

ทั้งสองพระองค์ทรงได้รับเงินสวัสดิการเคหะสถานที่ทางการท้องถิ่น (ในอังกฤษ) จ่ายแก่ผู้เป็นเจ้าของที่ดิน ปีละเป็นจำนวนหมื่นแสนปอนด์

สำนักงานทรัพย์สินดัชชี่แห่งคอร์นวอลของเจ้าฟ้าชายชาร์ลซึ่งมีอสังหาริมทรัพย์แผ่กระจายไปทั่วย่านเซ้าท์เวสต์ได้รับเงินช่วยเหลือนี้ไม่น้อยว่า ๑๑๑,๐๐๐ ปอนด์ จากเครือข่ายหน่วยงานสมัชชาหลายแห่งที่อำนวยสวัสดิการเป็นตัวเงินแก่ครอบครัวผู้อยู่อาศัย

เมื่อปีกลาย สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ซึ่งถวาย ๑๕ เปอร์เซ็นต์ของรายได้ให้แก่พระราชินีนั้น แค่เพียงท้องที่นครหนึ่งแห่งเดียวก็ได้รับเงินค่าสวัสดิการที่อยู่อาศัยถึง ๓๘,๕๓๙ ปอนด์แล้ว

จำนวนตัวเลขแท้จริงของเงินสวัสดิการที่จ่ายให้กับดัชชี่น่าจะมากมากกว่านั้น เนื่องจากสมัชชาหลายแห่งบอกว่าสามารถให้ตัวเลขได้เฉพาะเงินที่จ่ายไปทางเจ้าของที่ดินเท่านั้น ไม่ได้รวมถึงเงินสวัสดิการที่จ่ายถึงมือผู้อยู่อาศัยล่วงหน้าไปก่อน

สำนักงานทรัพย์สินฯ ซึ่งมีมูลค่าความมั่งคั่งอยู่ที่ ๘๔๗ ล้านปอนด์ แล้วยังไม่ต้องเสียภาษี จ่ายเงินให้กับเจ้าฟ้าชายชาร์ล ๑๙ ล้านปอนด์เมื่อปีที่แล้ว ขณะที่พระราชินีทรงมีมูลค่าความมั่งคั่งอยู่ที่ ๓๒๐ ล้านปอนด์

การเปิดเผยของเรานี้ตามมาหนึ่งวันหลังจากที่เราเปิดโปงว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษที่ร่ำรวยที่สุดจากพรรคทอรี่ ริชาร์ด เบ็นเนี่ยน ได้รับเงินสวัสดิการเคหะสถานหลายพันปอนด์เมื่อปีที่แล้ว นั่นทั้งๆ ที่เขาโจมตีระบบสวัสดิการว่าเป็น "รายจ่ายเสียเปล่า"

เลขาธิการใหญ่สหภาพแรงงานจีเอ็มบีของอังกฤษ พอล เค็นนี่ กล่าวในคืนนี้ว่า "เรื่องมันก็แดงขึ้นมาแล้วละ แม้แต่พระราชวงศ์ก็ยังทำตนเป็นนายหน้ารับเงินสวัสดิการแทนผู้อยู่อาศัย"

"ทำไมพวกเขาถึงไม่มอบที่อยู่อาศัยเหล่านั้นให้แก่สมาคมเคหะสถานไปเสีย"

กลุ่มรณรงค์ปกป้องสมัชชาเคหะกระโดดเข้ามาร่วมเรียกร้องให้มีการลดอัตราเงินสวัสดิการเคหะสถานที่จ่ายแก่ผู้เป็นเจ้าของที่ดินลง

ไอลีน ช้อร์ต โฆษกของกลุ่มรณรงค์บอกว่า "เจ้าฟ้าชายชาร์ลทรงเจริญพระชนม์ขึ้นมาในเคหะสถานสมัชชาใหญ่ที่สุดในจักรภพอังกฤษ คือพระราชวังบั๊คกิ้งแฮม"

"เราควรที่จะควบคุมอัตราค่าเช่าที่เราจ่ายแก่เจ้าของที่ดินอย่างพระองค์ แล้วถ้าดัชชี่แห่งคอร์นวอลจ่ายค่าภาษีอย่างสมน้ำสมเนื้อ เราสามารถใช้เงินที่ได้รับจากภาษีนำไปสร้างเคหะสถานสมัชชาชั้นดี เป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ประเทศชาติ"

"บิลค่าสวัสดิการเคหะสถานสูงขึ้นมหาศาล ในปีนี้มากกว่า ๙ พันล้านปอนด์จะต้องจ่ายให้แก่เอกชนเจ้าของทรัพย์สิน เงินภาษีของราษฎรถูกนำไปใช้เติมพกเติมห่อของมหาเศรษฐีเจ้าของอสังหาฯ และพวกนักเก็งกำไรนายหน้าค้าที่ดิน"

สมาชิกสภาผู้แทนพรรคแรงงาน เทเรซ่า เพี๊ยร์ช กล่าวว่าพวกเศรษฐีเจ้าของที่ดินเดี๋ยวนี้ "มองระบบสวัสดิการเป็นการตลาดไปเสียแล้ว โดยมีจุดหมายที่จะนำเงินงบประมาณสาธารณะมาเข้ากระเป๋าเอกชน"

เธอชื่นชมรายงานของเราที่เปิดโปงกรณีสมาชิกสภาฯ เบ็นเนี่ยน แล้วเสริมว่า "จากนี้เราได้เห็นความจริงกันว่ามันไม่ใช่สวัสดิการผู้อยู่อาศัย แต่มันเป็นผลประโยชน์แก่เจ้าของที่ดิน" เพื่อ ส.ส. พรรคแรงงานของเธอ ชีล่า กิลมอร์ บอกว่าการเปิดโปงของเรา "แสดงให้เห็นจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้น"

"ในปี ค.ศ. ๑๙๘๐ ทุกๆ ๒๐ ปอนด์ที่เราจ่ายแก่ผู้อยู่อาศัย ๑๖ ปอนด์ถูกนำไปใช้ก่อสร้างอาคารบ้านเรือน อีก ๔ ปอนด์ไปช่วยผู้อาศัยจ่ายค่าเช่า เดี๋ยวนี้ ๑๙ ปอนด์ไปเป็นค่าเช่า เหลือเพียงปอนด์เดียวมาใช้ในการก่อสร้าง"

"เราเปลี่ยนจากการอุดหนุนสมัชชาท้องถิ่นในการสร้างบ้านเรือน ไปเป็นอุดหนุนเจ้าที่ดินเอกชนขยายอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ของพวกเขา"

สำนักงานทรัพย์สินฯ เป็นเจ้าของย่านถนนรีเจ๊นท์อันหรูหราในเขตเวสต์เอ็นด์ของกรุงลอนดอน มหาอุทยานวินเซอร์ พื้นที่เกษตรกรรมขนาดยักษ์ และศูนย์การค้าตามท้องถิ่นต่างๆ รวมทั้งเวสต์เกตช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ในอ็อกฟอร์ด และสวนค้าปลีกเดอะโคลิเซี่ยมในเชสเชียร์
การแสดงรถโบราณบนถนนรีเจ๊นท์

รายงานวิจัยของสหภาพแรงงานพบว่ามีการจ่ายเงินค่าสวัสดิการเคหะสถานแก่ผู้อยู่อาศัยในเวสต์ซอมเมอร์เซ็ทเมื่อปีที่แล้วด้วย

ในคืนนี้สำนักงานทรัพย์สินฯ ไม่สามารถยืนยันได้แน่นอนว่าได้รับเงินสวัสดิการเป็นจำนวนเท่าไรแน่

แต่โฆษกสำนักงานแจ้งว่า "ทรัพย์สินของเราให้เช่าแก่ผู้อาศัยหลากหลาย ซึ่งอาจรวมถึงผู้อยู่อาศัยที่ได้รับสวัสดิการ เช่นเดียวกับเจ้าของอสังหาฯ อื่นทั้งหลายที่มีผู้อยู่อาศัยได้รับเงินสวัสดิการช่วยเหลือ แล้วมีการจ่ายค่าเช่ามาให้โดยตรงจากเงินสวัสดิการโดยทางการท้องที่สู่เจ้าของที่ดิน"

"ผลประโยชน์ของสำนักงานทรัพย์สินฯ ทั้งหมด ส่งคืนให้แก่คลังทุกปีเพื่อประโยชน์ของระบบการงินสาธารณะ"

รายได้จากทรัพย์สินของราชวงศ์เพิ่มขึ้น ๕ เปอร์เซ็นต์เมื่อปีที่แล้วไปเป็น ๒๕๓ ล้านปอนด์ ภายใต้ระเบียบใหม่ที่ผลักดันสำเร็จโดยรัฐมนตรี จ๊อร์จ ออสบอร์น พระราชินีทรงได้รับ ๑๕ เปอร์เซ็นต์ของผลประโยชน์รายได้ เจ้าฟ้าชายชาร์ลซึ่งเป็นองค์ประธานของทรัพย์สินดัชชี่แห่งคอร์นวอล จึงทรงเป็นเจ้าของที่ดินใหญ่อันดับสามของอังกฤษ

เงินที่จ่ายเป็นค่าสวัสดิการเคหะสถานของทรัพย์สินฯ เมื่อปีที่แล้ว รวมถึงจำนวน ๑๔,๓๐๑ ปอนด์ให้กับอสังหาฯ สามแห่งในคอร์นวอล อีก ๒๕,๑๐๔ ปอนด์สำหรับหกแห่งในซอมเมอร์เซ็ท และ จำนวน ๔,๖๘๔.๗๒ ปอนด์สำหรับแห่งหนึ่งในสเวล เดวอน

สมัชชามลฑลเฮียฟอร์ดเชียร์จ่ายตรงให้กับดัชชี่ ๑๑,๓๘๖ ปอนด์เมื่อปีที่แล้วแต่ไม่ยอมบอกว่าในวงเงินนี้สำหรับผู้อยู่อาศัยกี่ราย สมัชชาท้องที่เวสต์ดอร์เส็ทจ่าย ๕๒,๒๕๗ ปอนด์เป็นค่าสวัสดิการเคหะแก่ผู้อยู่อาศัย ๑๒ รายในพาวด์เบอรี่ เมืองตัวอย่างของเจ้าฟ้าชายชาร์ลในดอร์เส็ท ทรัพย์สินนี้ให้เช่าผ่านทางกินเนสทรัสต์

แต่โฆษกของดัชชี่แห่งคอร์นวอลบอกว่า "เราจำหน่ายออกทรัพย์สินเหล่านั้นไปแล้ว" ทรัพย์สินฯ ยังได้รับค่าสวัสดิการเคหะอีก ๓๒,๐๒๖ ปอนด์สำหรับผู้อยู่อาศัย ๖ รายในบ้าธและซอมเมอร์เส็ทตะวันออกเฉียงเหนือ

สำนักดัชชี่ไม่ต้องจ่ายภาษีบรรษัทธุรกิจจากกำไรและรายได้มูลค่าเพิ่มเมื่อขายที่ดินหรืออสังหาฯ แต่ว่าตามข้อตกลงพิเศษเจ้าฟ้าชายชาร์ลทรงจ่ายภาษีเงินได้ของพระองค์เองโดยสมัครใจจากส่วนหนึ่งของรายได้ ๑๙ ล้านปอนด์ของพระองค์ที่มาจากทรัพย์สินฯ

เท่ากับว่าพระองค์ทรงจ่ายภาษีในอัตราต่ำมากเสียยิ่งว่าคนรับจ้างซักผ้า และพนักงานรายได้ต่ำอื่นๆ

ในสภาสามัญ (ผู้แทนราษฎร) รัฐมนตรีงานและบำนาญ เอียน ดันแคน สมิธ เผชิญกับข้อเรียกร้องให้มีการจำกัดอัตราจ่ายค่าสวัสดิการเคหะแก่เจ้าของที่ดิน แต่ท่านปัดส่งข้อเสนอนั้นไปโดยกล่าวว่า "ผมห่วงว่าจะทำให้เจ้าของที่ดินเปิดทรัพย์สินให้เช่าใช้กันน้อยลง"

การเปิดโปงของเรา (เดลี่มิเรอร์) ต่อนายเบ็นเนี่ยนและเศรษฐีเจ้าของที่ดินคนอื่นๆ เรื่องได้รับเงินจากสมัชชาการเคหะมีคนนำไปขยายผลทางโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมากถึง ๒ หมื่นราย
เกาะเซนต์แมริสในชิลลี่ไอส์ล

ตัวเลขต่างๆ ของความอื้อฉาวในหมู่ผู้ดีและเศรษฐีได้เศษได้เลยกับสวัสดิการเคหะ

๘,๖๐๐ ล้านปอนด์ มูลค่าทั้งหมดของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นเจ้าของย่านถนนรีเจ๊นต์ ในเขตเวสต์เอ็นด์ของกรุงลอนดอน (ภาพ) ที่ดินเกษตรกรรมมหาศาล ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ขนาดยักษ์ และทรัพย์สินอื่นๆ พระราชินีทรงได้รับผลประโยชน์ ๑๕ เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด

๑๖๓,๐๐๐ ปอนด์ เป็นจำนวนเงินที่จ่ายค่าสวัสดิการเคหะแก่ดัชชี่แห่งคอร์นวอลโดยเครือข่ายสมัชชาท้องที่ต่างๆ ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ รวมถึงชิลลี่ไอส์ล เจ้าฟ้าชายชาร์ลได้รับเงินจากดัชชี่ ๑๙ ล้านปอนด์เมื่อปีที่แล้ว

๕๒,๒๕๗ ปอนด์ เป็นจำนวนเงินที่จ่ายโดยสมัชชาท้องที่เวสต์ดอร์เส็ทเป็นค่าสวัสดิการเคหะแก่ผู้อยู่อาศัย ๑๒ รายในพาวด์เบอรี่ เมืองตัวอย่างของเจ้าฟ้าชายชาร์ล บ้านให้เช่าโดยกินเนสทรัสต์


เศรษฐีอื่นๆ ที่ได้รับสวัสดิการเคหะ

ดุ๊คแห่งเวสต์มินเตอร์ กรอสเวเนอร์เอสเตทเบลกราเวีย อันเป็นส่วนหนึ่งของกรอสเวเนอร์กรุ๊ป ได้รับ ๒๔๒,๗๖๒ ปอนด์ จากสมัชชาเวสต์มินเตอร์ ท่านดุ๊คเองมีมูลค่าความมั่งคั่งส่วนตัว ๗,๘๐๐ ล้านปอนด์

เอิร์ลแห่งสตร๊าตมอร์ พระญาติของราชินีซึ่งเป็นเจ้าของปราสาทแกลมิส ได้รับ ๑๑,๕๐๐ ปอนด์จากสมัชชาแองกัสผ่านบริษัทสตร๊าตมอร์เอสเตทโฮลดิ้ง

วิสเค้าท์คาวเดรย์ ได้รับเงินสวัสดิการเคหะ ๓๒,๙๑๔ ปอนด์เมื่อปีที่แล้วจากสมัชชาชิเชสเตอร์ ขณะที่ทรัพย์สินคาวเดรย์ของเขาได้รับอีก ๕๔,๕๐๙ ปอนด์ ตัวท่านวิสเค้าท์คาวเดรย์เองมีมูลค่าความมั่งคั่ง ๔๐๐ ล้านปอนด์

หมายเหตุ นี่เป็นเพียงเรื่องต่อเนื่อง (a sequel) เกี่ยวกับ พระราชินีอังกฤษและองค์มกุฏราชกุมาร กรณีทั้งสองพระองค์ได้รับเงินช่วยเหลือสวัสดิการเคหะสถานเป็นค่าเช่าอยู่อาศัยของคนยากไร้จากทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ปรากฏในรายงายสืบสวนของหนังสือพิมพ์ เดลี่มิเรอร์ เรื่อง "The Queen and Prince Charles cash in on tens of thousands of pounds' worth of benefits every year." โดย นิค ซอมเมอร์แล้ด (ถอดความโดยระยิบ เผ่ามโน)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น