|
ปาฐกถา "เจตนารมณ์ 14 ตุลา คือประชาธิปไตย" ในงานรำลึก 40 ปี 14 ตุลา ของ นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ยอดเยี่ยม
มิใช่ยอดเยี่ยมอย่างธรรมดา หากแต่ยอดเยี่ยม "อย่างยิ่ง"
ความยอดเยี่ยมมิได้อยู่ที่ได้วิเคราะห์และแยกแยะให้เห็นถึงการปะทะกันระหว่างกลุ่มอำนาจเดิม อำนาจเก่าแก่ กับกลุ่มทุนใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็วจากกระแสโลกาภิวัตน์ หรือทุนนิยมโลกในยุคไร้พรมแดน
หากที่สำคัญเป็นอย่างมากยังได้ชี้ให้เห็นการเติบใหญ่ ขยายตัวของ "ชนชั้นกลางใหม่"
หากที่สำคัญยิ่งกว่านั้นยังชี้ให้เห็นถึงการมีผลประโยชน์ "ร่วม" เฉพาะหน้าระหว่างกลุ่มทุนใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็วจากกระแสโลกาภิวัตน์ กับ กลุ่มชนชั้นกลางใหม่ในชนบทอันกว้างไพศาลของประเทศ
ทั้งหมดได้ตอบคำถามอันเกิดขึ้นตลอด 7 ปีหลังรัฐประหาร 2549 ได้อย่างคมชัด
เป็นการตอบคำถามต่อปรากฏการณ์ "เสื้อเหลือง" เป็นการตอบคำถามต่อปรากฏการณ์ "เสื้อแดง"
เหมือนกับ "ง่าย" แต่ "ไม่ง่าย"
ถามว่าเหตุปัจจัยอันใดทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องพ่ายแพ้อย่างซ้ำซาก พ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง นับแต่การเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2538 เป็นต้นมา
คำตอบ 1 เพราะไม่เข้าใจสังคมไทย
ไม่เข้าใจว่าสังคมไทยได้เปลี่ยนไปแล้วที่เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก คือ การเปลี่ยนแปลงในชนบท
พรรคประชาธิปัตย์อาจยังมีเสน่ห์ในหมู่คนในเมือง
องค์ประกอบ 1 คือ ชนชั้นสูง หรือที่เรียกว่าชนชั้นบ้านมีรั้ว องค์ประกอบ 1 ก็อย่างที่ นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ได้สรุป คือชนชั้นกลางเก่า
ชนชั้นกลางที่ค่อนไปทางชนชั้นสูง
ตรงกันข้าม องคาพยพของประชาชนที่พรรคประชาธิปัตย์ละเลยอย่างรู้เท่าไม่ทันก็คือ ชนชั้นกลางรุ่นใหม่ที่อยู่ในชนบท หรือที่อยู่ในเมืองก็คือคนยากคนจนระดับล่าง
ระดับล่างอย่างที่เรียกกันว่า "รากหญ้า" นั้นเอง
ยิ่งชนชั้นกลางรุ่นใหม่เติบใหญ่ขยายตัว ยิ่งทำให้โอกาสของพรรคประชาธิปัตย์เหลือน้อยลง ไม่ว่าเมื่อสู้กับพรรคชาติไทยในปี 2538 ไม่ว่าเมื่อสู้กับพรรคความหวังใหม่ในปี 2539 ไม่ว่าเมื่อสู้กับพรรคไทยรักไทยในปี 2544
ในที่สุดก็ต้องแพ้แม้กระทั่งต่อ "ยิ่งลักษณ์"
ถามว่าเหตุปัจจัยอันใดทำให้พรรคไทยรักไทยไม่ว่าจะใช้ชื่อว่าพรรคพลังประชาชนหรือพรรคเพื่อไทยจึงได้ชัยชนะอย่างต่อเนื่อง
คำตอบ 1 เพราะดำเนินการเมืองอย่างเข้าใจสังคมไทย
นโยบายของพรรคไทยรักไทยตอบสนองความต้องการของคนส่วนใหญ่ในสังคมไทย จึงกำชัยเหนือทุกพรรคการเมืองตั้งแต่เมื่อปี 2544 เป็นต้นมา
แม้จะก่อตั้งพรรคได้เพียง 2 ปีเท่านั้น
คำตอบ 1 อันจำหลักอย่างหนักแน่นในความรับรู้ของประชาชนก็คือ ความสามารถในการแปรนามธรรมแห่งนโยบายกลายเป็นรูปธรรมในทางการปฏิบัติ
ความหมายก็คือ พูดแล้วทำ
เป้าหมายการเข้าหาของพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทยคือคนส่วนใหญ่ของประเทศ นั่นก็คือ ชนชั้นกลางรุ่นใหม่ เจตนาก็เพื่อปลดเปลื้องปัญหา ปลดเปลื้องความทุกข์ที่แบกรับอยู่ให้ค่อยๆ หมดสิ้นไป
จากปี 2544 เป็นต้นมาจึงได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งโดยตลอด
แม้จะมีความพยายามโค่นล้ม ทำลาย บดขยี้ ด้วยวิธีการนอกกฎหมายนอกกติกาทั้งรัฐประหารทั้งกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ แต่พรรคการเมืองนี้ก็ยังดำรงคงอยู่
ยังคง "ยืนหยัด" โดย "ท้าทาย"
ปาฐกถาของ นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล สามารถอธิบายความข้องใจทั้งหมดของสังคมไทย
อธิบายว่าการเติบใหญ่ของชนชั้นกลางใหม่นี้เองที่กำหนดและบงการทิศทางแห่งการพัฒนาของประเทศ
ประชาธิปไตยในมือของคนรุ่นใหม่ พลังใหม่
http://www.youtube.com/watch?v=DNFAth4hdLM
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น