วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เร่งปรับกฎหมายอุปถัมภ์ฯ รวม พ.ร.บ.คณะสงฆ์

 

เร่งปรับกฎหมายอุปถัมภ์ฯ รวม พ.ร.บ.คณะสงฆ์

วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 15:35:09 น.

  

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและมีความเห็นว่า ควรให้นำบทบัญญัติในส่วนที่กำหนดแนวทางเกี่ยวกับการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและการกำหนดให้มีคณะกรรมการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาไปบัญญัติเพิ่มเติมใน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 จะเหมาะสมกว่าการตรากฎหมายขึ้นมาใหม่นั้น ตนได้มีการนำความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาในเรื่องดังกล่าวรายงานต่อที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) แล้ว ซึ่งที่ประชุมเห็นว่า ให้ดำเนินการตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอมา ทั้งให้หาแนวทางว่าจะมีการดำเนินการต่อไปอย่างไร โดยในเร็วๆ นี้จะมีการประชุมหารือเพื่อหาแนวทางดำเนินการตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอมาเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาต่อไป ในส่วนของการรับรองสถานภาพของแม่ชี ที่มีการระบุไว้ในร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาด้วยนั้น ทาง มส.เห็นว่า การรับรองสถานภาพของแม่ชี สามารถออกเป็นระเบียบเพื่อมารองรับสถานภาพของแม่ชีได้ ไม่จำเป็นต้องมีการระบุไว้ในร่างกฎหมายดังกล่าว


พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการและโฆษก มส. กล่าวว่า รู้สึกงงต่อกรณีคณะกรรมการกฤษฎีกาตีกลับร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ทั้งยังแนะนำให้ไปปรับใช้กับ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 ซึ่งก็ยังถือว่ามีบางส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์ อาจกล่าวได้ว่า คนเขียนกฎหมายไม่ได้ใช้ ส่วนผู้ที่ใช้ไม่ได้เขียน ทั้งที่พระคือผู้ปฏิบัติก็น่าให้พระเป็นผู้ร่วมเขียนด้วย พระจะได้ปฏิบัติถูก แนวปฏิบัติของสังคมสงฆ์ในสมัย พ.ศ.2505 กับปัจจุบันแตกต่างกันมาก ทางคณะสงฆ์อยากให้มีกฎหมายที่ตราขึ้นให้ทันต่อสภาวการณ์ กฎหมายยุคนั้นย่อมเหมาะกับยุคนั้น แต่มายุคนี้ใช้ไม่ได้แล้ว ดังนั้น จะทำอย่างไรให้แนวบริหารกิจการคณะสงฆ์เป็นไปอย่างทันต่อสภาวการณ์ในปัจจุบัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น