วันจันทร์, ธันวาคม 23, 2556
ปล่อยม็อบเทืิอกมันบ้าไป: อีก 40 วันเลือกตั้งฝังปชป.
สิทธิในการที่ได้เลือก มันคือสิทธิของทุกคน ที่ควรจะเท่าเทียมกัน อย่าขัดขวางการออกเสียง อย่าเบียดเบียนการเลือกตั้งเลยคะ
WE VOTE
Published on Dec 22, 2013
สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย (สปป.) : คนเท่ากัน เดินหน้าเลือกตั้ง
ร่วมกันปฏิรูป ณ หอประชุม บ.ร. คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต วันอาทิตย์ ที่ 22 ธันวาคม 2556
2 กุมภาฯถ้่าไม่มีเลือกตั้ง สู้ยังไงต่อ?
We Vote 2014 Jarueanpura
Published on Dec 19, 2013
https://www.facebook.com/thailand2014...
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
We Vote 2014 Moncheep
ครูเป็ด-มนต์ชีพ:We Vote ปฏิรูปอย่างไร นานแค่ไหน น่ากลัว..We Vote 2014 pravda
Published on Dec 16, 2013
https://www.facebook.com/thailand2014...
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
ประวัติการบอยคอตเลือกตั้งโดยพรรคประชาธิปัตย์
1. ครั้งแรก ในการเลือกตั้ง 26 กุมภาพันธ์ 2495 -พรรคฝ่ายค้าน
ผลของการบอยคอท-จอมพลป.พิบูลสงครามกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี
2. ครั้งที่สอง ในการเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549-พรรคฝ่ายค้าน 3 พรรค
ผลของการบอยคอท-พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งท่วมท้น
3. ครั้งที่สาม ในการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557-พรรคประชาธิปัตย์
ผลของการบอยคอท-??!
บอยคอตครั้งนี้ดูจะซ้ำรอยปี 2495 มากกว่า 2549 นะ คือแห้งตายไป 4 ปี
รักชาติ รักชาติ รัก....ชาติที่แล้ว น่ะสิ
รุ่นใหญ่ปชป.กระตุกไม่มีระบอบประชาธิปไตยที่ไหนในโลก ที่ไม่ต้องเลือกตั้ง ถามเทือก"แล้วยังไง?"/ ชูวิทย์เดิมพันหากVOTE NOน้อยกว่าเทือกต้องเลิกม็อบ
ประเด็นปัญหาทางการเมือง วันนี้เปลี่ยนจาก "ปชป.จะลงเลือกตั้งหรือไม่?"
จะมีหรือไม่ คงหมายความถึงวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เท่านั้น ไม่ใช่ตลอดไป
ปัญหานี้คงต่อเนื่องจากคำถามที่ค้างอยู่ว่า "แล้วยังไง"
ฟังจากคำปราศรัยของท่านเลขาธิการ กปปส. บนเวทีราชดำเนินเมื่อตอนหัวค่ำนี้
"วันนี้ปิดถนนในวันหยุดเพียงครึ่งวัน ถ้ายังดื้อ ต่อไปจะปิดในวันราชการ
นี่คงเป็นคำตอบส่วนหนึ่งของคำถามว่า "แล้วยังไง"
คำตอบมีต่อไปว่า "พรุ่งนี้วันที่ ๒๓ เป็นกำหนดวันรับสมัครรับเลือกตั้ง
รายละเอียดจะมีการชี้แจงต่อไป
คำถามที่ว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ ขอทิ้งคาไว้เพียงนี้ พร้อมค้างปัญหาต่อไปว่า "แล้วยังไง ?"
.........
ชูวิทย์ประกาศลงเลือกตั้งเดิมพันหากโหวตโนน้อยกว่าเทือกต้องเลิกม็อบ
หากผมไม่ลงเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าผมอยู่ฝั่งคุณอภิสิทธิ์ หรือ กปปส.
การที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ลงเลือกตั้ง และคุณอภิสิทธิ์บอกว่า "พรรคที่ลงเลือกตั้งกลายเป็นผู้ต่ออายุให้ระบอบทักษิณ" ถือเป็นคำพูดที่เห็นแก่ตัว ยกตนข่มท่าน แบ่งแยกประชาชน ยกตัวเองเป็นเทพ และให้พรรคอื่นเป็นมาร พรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรมีวิสัยมองผู้ที่คิดต่างจากตัวเองเป็นศัตรูเสียหมด เพราะในระบอบประชาธิปไตย ย่อมต้องรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง ไม่นำเอาความคิดเห็นของตัวเองมาตัดสินว่าถูกต้องแต่เพียงผู้เดียว สามารถทำงานร่วมกับผู้คนหลากความคิด หลายอุดมการณ์ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ไม่ใช่นำเอาความคิดเห็น หรืออุดมการณ์ของตัวเองเป็นใหญ่ บดบังเหยียดหยามผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับตัวเองไปเสียหมด
แต่หากผมลงเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าผมไปต่ออายุให้ระบอบทักษิณแต่อย่างใด แม้ว่าผมเห็นว่าพรรคเพื่อไทยกระทำการโดยใช้เสียงส่วนมากหาประโยชน์ให้กับตัวเอง มองข้ามศรัทธาของประชาชน ใช้อำนาจของฝ่ายบริหารที่มีมากเกินไป สร้างความเสื่อมศรัทธาของประชาชนต่อระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทน รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่โต้แย้ง กลับเข้าข้างเห็นดีเห็นงาม คาดหวังผลประโยชน์ต่างตอบแทน ช่วยหนุนรัฐบาลให้กระทำการหยามต่อความเชื่อมั่นของประชาชนให้ลดน้อยถอยลง
แต่ผมเห็นว่าบ้านเมืองต้องมีกฎกติกาใช้ยึดถือ เพื่อให้ทุกคนในสังคมปฏิบัติตาม ไม่อย่างนั้นจะถือว่าการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ได้อย่างไร? แม้ว่าการเลือกตั้งไม่ได้ตอบโจทย์ทั้งหมด แต่อย่างน้อยยังได้ฟังเสียงของประชาชนซึ่งเป็นเสียงส่วนมากที่มีอำนาจอย่างแท้จริง เราไปคิดแทนประชาชนทั้งหมดไม่ได้ เพราะท้ายสุดนักการเมืองเป็นเพียงตัวแทน ไม่ใช่เจ้านายที่จะไปสั่งการ เราจึงต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผ่านคะแนนเสียงในวันเลือกตั้ง และนำไปปฏิบัติ
ผมจึงตัดสินใจว่าควรลงเลือกตั้ง แม้จะรู้ดีว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะไม่มีพรรคประชาธิปัตย์ อาจเกิดความวุ่นวายตั้งแต่วันรับสมัครไปจนถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง แต่ผมจำเป็นต้องรักษากฎกติกาของบ้านเมืองเอาไว้ จะทำตามอำเภอใจฝั่งใดฝั่งหนึ่งไม่ได้
หากท้ายสุด ผลการเลือกตั้งออกมาว่าประชาชนโหวตโนมากกว่า คุณสุเทพและคุณอภิสิทธิ์สามารถนำเอาความชอบธรรมจากคะแนนนี้ ไปอ้างอิงว่าเป็นเสียงส่วนมากอย่างแท้จริง ที่ต้องการให้คุณอภิสิทธิ์กับคุณสุเทพนำการปฏิรูปตามที่เสนอ
แต่หากคนมาลงคะแนนเสียงมากกว่า โดยเลือกพรรคการเมืองที่ลงเลือกตั้งในครั้งนี้ คุณอภิสิทธิ์จะต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจไม่ลงเลือกตั้ง และคุณสุเทพสมควรเลิกม็อบกลับบ้าน
มันเป็นวิถีทางเดียว ที่จะหาทางออกให้กับเรื่องนี้ได้
พิเชษฐสะท้อนภาพปชป.ระส่ำหลังบอยคอตเลือกตั้ง
ส.ส.แห่ย้ายไปสมัครพรรคอื่น-ไม่เชื่อน้ำยาเทือกชนะ
ประเด็นการเมืองเริ่มเปลี่ยนไป จากที่ว่า ปชป.จะลงเลือกตั้งหรือไม่
หากสุดท้ายไม่มีการเลือกตั้ง จะมีการนองเลือดเกิดขึ้นหรือไม่
หากมีการเลือกตั้งโดยไม่มีประชาธิปัตย์ ใครจะเป็นคนปฎิรูปการเมือง
กปปส. ไม่มีสมาชิกในสภา จะมีบทบาทปฎิรูปการเมืองในสภาได้อย่างไร
ปชป.จะจัดการอนาคตของตนเองอย่างไร
-จะรักษาสถานะทางการเมืองของตนได้อย่างไร
-สาขาพรรคทั่วประเทศเกือบสองร้อยแห่ง เป็นสาขาพรรคที่ไม่มีสมาชิกในสภา
- ฐานการเมืองท้องถิ่นทั้งหมดตั้งแต่ กทม. อบจ. อบต. และเทศบาล จะรักษาไว้ได้อย่างไร
-สส.ที่มีอยู่ปัจจุบัน จะหายไปสักเท่าไร เพราะย้ายไปลงสมัครในพรรคอื่น
- ค่าใช้จ่ายในพรรคที่เคยได้รับจาก กกต.ปีละ ๕๐-๖๐ ล้านบาทจะหายไป ค่าใช้จ่ายที่สส.บริจาคจากเงินเดือนร้อยหกสิบเอ็ดคน ปีละสิบกว่าล้านบาทหายไป จะหาที่ไหนทดแทน
.............ฯลฯ...............
กรรมการบริหารพรรคทั้งหมดที่เพิ่งเลือกเข้ามาสองวันที่แล้ว เป็นการเข้ามารับกรรมแท้ๆ
นายพิเชษฐ โพสต์ ด้วยว่า การบอยคอตครั้งนี้ของพรรคประชาธิปัตย์ไม่สมเหตุสมผล
แต่ครั้งนี้เขาอ้างได้ว่า ต้องยุบสภาเพราะเราลาออก (วันที่ ๘) เขาจึงต้องยุบสภา
เมื่อเขาต้องยุบสภาเพราะเราลาออก และจะบอยคอตการเลือกตั้งได้อย่างไร
ควันหลงจาก "ม็อบคนดี"
ม็อบขาลงเหลือหลักหมื่น ช่างกล้า!หน้าด้านโม้ 6 ล้าน
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
23 พฤศจิกายน 2556
นายสาธิต วงศ์หนองเตย แกนนำผู้ชุมนุมกปปส.ประกาศบนเวทีในเวลา 23.00 น.วันที่ 22 ธันวาคม
ขณะที่หน้าเพจ People's Democratic Reform Committee - PDRC ซึ่งเป็นหน้าเพจ
ขณะที่ ASTV ผู้จัดการ กระบอกเสียงของกลุ่มผู้ชุมนุม รายงาน"ลดยอด"ผู้ชุมนุมลงมาเหลือ 3.5 ล้านคน โดยรายงานว่า "ผู้ดำเนินรายงานทางช่องบลูสกายทีวี สรุปจำนวนผู้ชุมนุม 5 เวทีใหญ่และพื้นที่โดยรอบ เมื่อประมาณ 15.00-16.00น. โดยอ้างการคำนวณที่ทางแกนนำ กปปส.ได้ให้ บริษัทมืออาชีพช่วยคำนวณตามหลักสถาปัตยกรรม บนพื้นที่ทั้งหมด 650,077 ตารางเมตร มีประชาชนจำนวนทั้งสิ้น 3,503,685คน (ตัวเลขดังกล่าวยังไม่รวมผู้ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย)"
รายงานข่าวจากBBCในการชุมนุมใหญา่ครั้งก่อน 9 ธันวาคม มียอดจำนวน 150,000 คน แต่ผู้จัดการชุมนุมนำไปอ้างบิดเบือนว่าBBCรายงานยอดผู้ชุมนุมมากถึง 5.7 ล้านคน เป็นสถิติืโลก
ทั้งนี้ในการชุมนุมหนก่อนเมื่อ 9 ธันวาคม ผู้จัดการชุมนุมอ้างยอดผู้ชุมนุมระหว่าง 5 ถึง 5.7 ล้านคน โดยอ้างว่าเป็นรายงานจากBBC แต่ทางBBC รายงานข่าวทางเว็บไซต์ของตนเองว่ามีเพียง 150,000 คน แต่ผู้จัดการชุมนุึมก็ยังอ้่างต่อไปถุึงยอดผู้ชุมนุม5-5.7ล้านคน และกลุ่มที่สนับสนุนการชุมนุมก็ยังอ้างยอดตัวเลขดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้CNNรายงานยอดผู้ชุมนุมวันนี้ว่ามีราว 7 ถึง 8 หมื่นคน(Some 70,000 to 80,000 protesters were marching in Bangkok) ขณะที่ครั้งก่อนเมื่อ 9 ธันวาคม CNNรายงานยอด 150,000 คน
Jonathan Head ผู้สื่อข่าวBBCรายงานสดจากสนามข่าว
ขณะที่BBC รายงานสอดคล้องกับCNNว่ามียอดผู้ชุมนุม"หลายหมื่นคน"( Tens of thousands of opposition-backed protesters have marched through the Thai capital in their continuing campaign to bring down the government.)
เมื่อเป็นไปตามรายงานของCNN BBCว่ายอดผู้ชุมนุมหนนี้อยู่ที่หลักหลายหมื่น
ในรายงานข่าวดังกล่าว BBC นำเสนอภาพกลุ่มนักศึกษารามที่สนับสนุนม็อบของกปปส.
สำนักข่าวรอยเตอร์-(Reuters) - Tens of thousands of anti-government demonstrators massed peacefully across Thailand's capital on Sunday in their latest bid to topple Prime Minister Yingluck Shinawatra before a February election the main opposition party will boycott.(ผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลหลายหมื่นคนชุมนุมโดยสันติในเมืิองหลวงของไทย กดดันให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกฯก่อนการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งพรรคฝ่ายค้่านหลักได้บอนคอต)
ม็อบผู้ดีทำร้ายนักข่าวกริ้วหูฝาดได้ยินยอดมาแค่้ 3,000
Published on Dec 22, 2013
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 22 ธ.ค. ระหว่างที่ น.ส.เพ็ญพรรณ แหลมหลวง
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย กำลังปฏิบัติหน้าที่รายงานสดสถานการณ์การชุมนุม อยู่บนรถถ่ายทอดสด (โอบี)
ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท.ที่จอดอยู่หน้ากองสลากเก่าซึ่งเป็นมุมสูงได้ถูกผู้ชุมนุมส่วนหนึ่ง
ตะโกนด่าทอพร้อมเป่านกหวีดใส่และเมื่อลงมาจากรถคันดังกล่าวก็ถูกต่อว่าและพยายามทำร้ายร่างกาย
น.ส.เพ็ญพรรณ ระบุว่า ระหว่างที่รายงานก็กล่าวถึงบรรยากาศการชุมุนมและภารกิจของแกนนำ กปปส.
โดยไม่ได้พูดถึงจำนวนผู้ชุมนุมแต่อย่างใด แต่เมื่อลงจากรถปรากฎว่าชายคนหนึ่งตะโกนว่า
"ขี้ข้าทักษิณ รายงานได้อย่างมีผู้ชุมนุม 3 พันคน" จากนั้นผู้ชุมนุมที่เป็นชายฉกรรจ์เข้ามาล้อมรถ
และตนก็พยายามขอโทษพร้อมยืนยันว่าไม่ได้รายงานจำนวนคน แต่ไม่ได้ผล
สุดท้ายผู้ชุมนุมสาดน้ำเข้าที่หน้า และชายคนหนึ่งชกแขนซ้ายของตน รวมทั้งกระชากแขน
ไม่ให้ขึ้นรถออกนอกพื้นที่ นอกจากนี้มีการทำร้ายผู้ช่วยช่างภาพโดยผลักจนล้มและ
จะกระทืบแต่มีการห้ามปรามทัน
ทั้งนี้ทีมข่าวพยายามนำรถออกนอกพื้นที่ก็ยังถูกขว้างขวดน้ำ ทุบรถ ซึ่งทั้งหมดได้แจ้งความ
ลงบันทึกประจำวันที่ สน.ดุสิต แล้ว ส่วน น.ส.เพ็ญพรรณ ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์หลังเกิดเหตุว่า
"การทำร้ายสื่อขณะปฏิบัติหน้าที่ ไม่เป็นธรรม"
ทางด้าน ทีมข่าวสำนักข่าวไทย ได้เปิดเผยว่า เหตุดังกล่าวเกิดเหตุ ขณะที่ น.ส.เพ็ญพรรณ แหลมหลวง
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย กำลังรายงานข่าวชั่วโมง เวลา 16.00 น. และถูกกลุ่มคนที่อยู่บริเวณถนนราชดำเนิน
ระบุว่า เสนอข่าวไม่เป็นกลาง รายงานจำนวนผู้เข้าชุมนุมเพียง 5 พันคนเท่านั้น หลังการเสนอข่าว ปรากฎว่า
ทั้งผู้ประกาศ และทีมรายงานสด ถูกกลุ่มคนดังกล่าวเข้ามาต่อว่า เป่านกหวีดไล่ และทำร้ายร่างกาย
ทั้งที่ในสคริปต์และหลักฐานภาพข่าว ไม่ได้มีการรายงานตัวเลขจำนวนผู้ชุมนุมแต่อย่างใด
ม็อบ กปปส. ฮือทำร้ายนักข่าวสาวช่อง 9 แกนนำห้ามพัลวัน!
นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com
ม็อบ กปปส.รุมล้อมทำร้ายผู้ประกาศสาวช่อง 9 คุณเพ็ญพรรณ แหลมหลวง
หาว่าผู้ชุมนุมมาน้อย
น.ส.เพ็ญพรรณกล่าวว่า ระหว่างที่รายงานก็กล่าวถึงบรรยากาศการชุมุนมและภารกิจของแกนนำ กปปส. โดยไม่ได้พูดถึงจำนวนผู้ชุมนุมแต่อย่างใด แต่เมื่อลงจากรถปรากฎว่าชายคนหนึ่งตะโกนว่า "ขี้ข้าทักษิณ รายงานได้อย่างไรมีผู้ชุมนุม 3 พันคน" จากนั้นผู้ชุมนุมที่เป็นชายฉกรรจ์เข้ามาล้อมรถ และตนก็พยายามขอโทษพร้อมยืนยันว่าไม่ได้รายงานจำนวนคน แต่ไม่ได้ผล สุดท้ายผู้ชุมนุมสาดน้ำเข้าที่หน้า และชายคนหนึ่งชกแขนซ้ายของตน รวมทั้งกระชากแขนไม่ให้ขึ้นรถออกนอกพื้นที่ นอกจากนี้มีการทำร้ายผู้ช่วยช่างภาพโดยผลักจนล้มและจะกระทืบแต่มีการห้ามปรามทัน ทั้งนี้ทีมข่าวพยายามนำรถออกนอกพื้นที่ก็ยังถูกขว้างขวดน้ำ ทุบรถ ซึ่งทั้งหมดได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สน.ดุสิต แล้ว
นอกจากนี้ ในช่วงเช้าขณะที่ทีมข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 กำลังรายงานสถานการณ์การชุมนุม
ขณะที่บนเวทีปราศรัย หลังเกิดเหตุทีมข่าวช่อง 9 ถูกทำร้าย แกนนำได้ขึ้นเวทีประกาศ
วันอาทิตย์, ธันวาคม 22, 2556
รวมคลิป - คนเท่ากัน เดินหน้าเลือกตั้ง ร่วมกันปฏิรูป 22 ธ.ค.56
Published on Dec 22, 2013
สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย (สปป.) : คนเท่ากัน เดินหน้าเลือกตั้ง ร่วมกันปฏิรูป
ณ หอประชุม บ.ร. คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต
วันอาทิตย์ ที่ 22 ธันวาคม 2556
ม็อบขาลง:สื่อนอกบอกมาหลักพันไปยันหมื่น
AFP-Thousands of Thai anti-government protesters have massed ahead of a major rally aimed at suspending democracy, paralysing parts of central Bangkok a day after the main opposition party declared a boycott of snap polls.(ผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลหลายพันคน รวมตัวกันเดินขบวนที่มีจุดประสงค์หยุดประชาธิปไตย ทำให้บางส่วนของกรุงเทพฯเป็นอัมพาต ทั้งนี้การประท้วงมีขึ้นภายหลังพรรคฝ่ายค้านประกาศบอยคอตการเลือกตั้ง)
At least 1,000 people - mainly women - also gathered early Sunday outside Prime Minister Yingluck Shinawatra's suburban house amid tight security, according to an AFP reporter at the scene, with thousands more expected.(มีผู้ชุมนุมอย่างน้อย1,000คน ส่วนใหญ่เป็นสตรีพากันไปชุมนุมที่บ้านพักของนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด ทั้งนี้จากการรายงานของผู้สื่อข่าวAFPที่สังเกตการณ์คาดว่ามีผู้ชุมนุมทั้งหมดหลายพันคน)
Reuters - Tens of thousands of anti-government demonstrators massed at sites around Thailand's capital on Sunday in a bid to topple Prime Minister Yingluck Shinawatra before an uncertain February election the main opposition party will boycott. (ผู้ชุมนุมต่อต้านจำนวนนับหมื่นคนเดินขบวนในใจกลางนครหลวงของไทยเมื่อวันอาทิตย์เพื่อขับไล่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และการเลือกตั้งที่ยังไม่มีความแน่นอนในเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อพรรคฝ่ายค้านหลักได้บอยคอต)
ในการประท้วงใหญ่หนล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา ผู้จัดการชุมนุมอ้่างอย่างแพร่หลายว่าBBCรายงานข่าวมียอดผู้ชุมนุมมากถึง 5 ล้านคน แต่BBCระบุในรายงานข่าวว่ามีเพียง 150,000 คนเท่านั้น
ภาพเสียดสีล้อเลียนม็อบตามโซเชียลเน็ตเวิร์ค
วาทะถึงหมาหัวเน่าปชป.ก่อกบฎต้่านประชาธิปไตย
ม็อบต่อต้่านการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ 22 ธันวาคม
คุณอภิสิทธิ์ไปผลักทุกพรรคที่ลงเลือกตั้งว่าสนับสนุนระบอบทักษิณ การยกตัวเองเป็นเทพ แล้วคนอื่นเป็นมารไปเสียหมด ผมว่าไม่ใช่วิสัยที่ควรกระทำ หากลง ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไปสนับสนุนระบอบทักษิณ คุณอภิสิทธิ์ต้องหัดเปิดใจให้กว้างบ้าง-ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์
เราเคยไม่ลงเลือกตั้ง แต่ครั้งที่แล้วเพราะทักษิณยุบสภาโดยไม่ชอบธรรม แต่ครั้งนี้เขาอ้างได้ว่า ต้องยุบสภาเพราะเราลาออก กลายเป็นความชอบธรรม และจะบอยคอตการเลือกตั้งได้อย่างไร
หากมีการเลือกตั้งโดยไม่มีประชาธิปัตย์ ใครจะเป็นคนปฎิรูปการเมือง เพราะต้องออกกฎหมาย แต่ปชป.ไม่มีสมาชิกในสภาเสียแล้ว ปชป.จะจัดการอนาคตของตนเองอย่างไร..สส.ที่มีอยู่ปัจจุบัน จะหายไปสักเท่าไร เพราะย้ายไปลงสมัครในพรรคอื่น-พิเชษฐ พันธุ์วิชาตกุล อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคได้เปลี่ยนโฉมพรรคการเมืองที่ครั้งหนึ่งเคยมีสง่าราศีให้กลับกลายเป็นแค่ชมรมคนเกลียดทักษิณไปเสียแล้ว-สงกรานต์ กระจ่างเนตร นักธุรกิจ สามี"แหม่ม"คัทลียา แมคอินทอช
ประชาคมระหว่างประเทศควรเน้นว่า ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต้องยึดมั่นในวิถีทางการเลือกตั้ง และขื่อแปกฎหมาย เพื่อแก้ไขข้อพิพาท และไม่หันไปใช้ 'สภาประชาชน' ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง อันเป็นสิ่งที่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้มีอำนาจปกครองประเทศ-เคิร์ต แคมพ์เบล อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ
Voice TV: อดีตรัฐมนตรีสหรัฐวอนโลก สนับสนุนปชต.ไทย
by sathitm / Voice TV
22 ธันวาคม 2556 เวลา 09:51 น.
อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เคิร์ต แคมพ์เบล เชิญชวนโลกหนุนประชาธิปไตยในไทย ชี้พรรคประชาธิปัตย์ออกหน้าแทนชนชั้นนำ สร้างวิกฤตการเมือง หวังให้กลุ่มปฏิกิริยาครองอำนาจใน 'สภาประชาชน'
เคิร์ต แคมพ์เบล อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก เขียนบทความ เรื่อง "Respect for democracy in Thailand needs support" เผยแพร่ทางหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ระบุว่า การเมืองไทยซึ่งคาดเดาสถานการณ์ได้ยาก กำลังเข้าสู่ห้วงเวลาอันตรายอีกครั้ง
แคมพ์เบล ซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวในรัฐบาลบารัก โอบามา ระหว่างเดือนมิถุนายน 2552 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2556 บอกว่า บรรดานักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร ได้ทำพันธมิตรกับกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยอ้างว่าตนได้รับ "การสนับสนุนจากมวลมหาประชาชน" ทั้งๆที่พรรคเพื่อไทยของยิ่งลักษณ์ขึ้นครองอำนาจด้วยคะแนนเสียงถล่มทลายในการเลือกตั้งเมื่อปี 2554 ซึ่งนักสังเกตการณ์เห็นพ้องกันว่า เป็นการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม
"ตลอดเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ชนชั้นนำกรุงเทพ ซึ่งประกอบด้วยมหาเศรษฐีนักธุรกิจ, พวกรอยัลลิสต์ และนายทหารระดับสูงบางส่วน ไม่ยอมรับว่า กงล้อประวัติศาสตร์ได้หมุนเคลื่อนไปข้างหน้าแล้ว" แคมพ์เบล ซึ่งปัจจุบันเป็นกรรมการของศูนย์ความมั่นคงใหม่อเมริกัน หน่วยงานคลังสมองในสหรัฐ กล่าว
เขาบอกว่า พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งแพ้เลือกตั้งทุกครั้งนับแต่ปี 2535 เป็นต้นมา กำลังใช้กลยุทธ์ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย กลุ่มพลังที่ต่อต้านอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ในศาล, ในกองทัพ และบรรดาผู้เพ็ดทูล ได้ขับรัฐบาลจากการเลือกตั้งอย่างเป็นประชาธิปไตยไปแล้ว 3 ชุดนับแต่ปี 2549 แม้มีการเปลี่ยนนามเรียกขานมาหลายชื่อ แต่โดยเนื้อแท้ก็คือ "พลพรรคเสื้อเหลือง"
@ เคิร์ต เอ็ม. แคมพ์เบล กล่าวปาฐกถา ที่่่่่ศูนย์ความมั่นคงใหม่อเมริกัน |
"จริงอยู่ รัฐบาลได้จุดชนวนวิกฤตด้วยการผลักดันร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งจะยกเลิกข้อกล่าวหาทางอาญาต่อพ.ต.ท.ทักษิณ และเปิดทางให้เขากลับบ้าน แต่เมื่อถูกคัดค้านอย่างหนักในสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ถอนร่างดังกล่าว แต่ต่อมาได้รับคะแนนไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎร นี่คือ การทำงานตามระบอบรัฐสภา" เขากล่าว
@ แคมพ์เบล แถลงนโยบายสหรัฐต่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2554 |
"การเมืองไทยได้เปลี่ยนไปอย่างไม่มีวันหวนกลับแล้ว กลุ่มทักษิณได้ทำให้เกิดขบวนการทางการเมือง ประกอบด้วยชนชั้นจากชนบท ซึ่งปรารถนาให้ประเทศไทยมีความเท่าเทียมในอนาคต กลุ่มอำนาจเก่า ทั้งพวกสวมเครื่องแบบ, พวกนั่งในห้องประชุมอันโอ่โถง, เหล่าองคมนตรี และศาล ต้องยอมรับความเป็นจริงทางการเมืองนี้ และพรรคฝ่ายค้านซึ่งออกหน้าแทนคนพวกนี้ ต้องลงมาแข่งขันทางการเมือง ไม่ใช่วางแผนทำรัฐประหาร" แคมพ์เบล กล่าว
เขาเรียกร้องให้สหรัฐและประเทศอื่นๆสนับสนุนประชาธิปไตยในไทย "ประชาคมระหว่างประเทศควรเน้นว่า ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต้องยึดมั่นในวิถีทางการเลือกตั้ง และขื่อแปกฎหมาย เพื่อแก้ไขข้อพิพาท และไม่หันไปใช้ 'สภาประชาชน' ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง อันเป็นสิ่งที่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้มีอำนาจปกครองประเทศ".
ที่มา : Financial Times
+++++++++++++++++++++
Respect for democracy in Thailand needs support
By Kurt CampbellDecember 12, 2013
Much is made in the west of the supposed enigmatic qualities of the east and generally that sentiment really tells us more about a lack of knowledge among westerners than about the complexities of things Asian. However, Thailand may be an exception. Even the most astute observers are regularly caught off guard by political developments inside the kingdom.
I remember speaking to one of America’s most respected Thai specialists seven years ago just before the coup against former prime minister Thaksin Shinawatra, and he sagely advised that all was stable in Bangkok and there were no threats to his popularly elected government. Two weeks later, on September 19 2006, the army was in the streets and the military took power, repeating a tragic pattern that has bedevilled Thailand’s politics for decades.
Jump forward to 2013 and Thailand is again entering an exceedingly complex and potentially dangerous political period. On Sunday Thailand’s main opposition party stormed out of parliament, claiming the illegitimacy of the democratically elected government currently led by Prime Minister Yingluck Shinawatra, the sister of Mr Thaksin. These minority legislators are intimately aligned with the protesters who have staged the massive rallies in Bangkok. The opposition has claimed “popular support” even though Ms Yingluck’s Puea Thai party came to power in a landslide 2011 vote that virtually all observers agree was free and fair. This latest intrigue simply disguises a larger truth: for almost 20 years the Bangkok power elite – business tycoons, royalist followers and some senior military – have been unable to acknowledge that the wheel of history has turned.
The opposition Democrats have essentially lost every national election since 1992, and their strategy increasingly appears to rely on undemocratic practices. Rather than building a competitive political opposition that would promote popular political and economic reforms, the anti-Thaksin forces in the courts, military and whisperers around the royal court have driven three democratically elected governments out of office since 2006. These reactionary forces – despite the changing labels and political configurations – are essentially the “yellow shirts”, and it is their allies and foot soldiers who are storming the government ministries.
Ms Yingluck has comported herself admirably both at home and abroad since her election. She is widely respected in the Association of Southeast Asian Nations and has managed her country’s diplomacy with a typical Thai subtlety. At home she has tried to build bridges to the opposition. It is true that the government triggered the most recent crisis by introducing an amnesty bill in parliament that among other things would excuse the criminal charges against Mr Thaksin and would allow for her brother’s subsequent return from exile. However, in the face of strong parliamentary opposition, Ms Yingluck withdrew the bill and won a subsequent vote of confidence. This is exactly how parliament is meant to work.
However, the opposition has seized on this as an example of perfidy that cannot be excused and has stoked the crisis by putting its supporters out into the streets. Fundamentally, Thailand’s politics have changed irrevocably. The Thaksins were the first to build a political movement on a rising rural class with aspirations for a more egalitarian Thailand in the future. The old powers – that be in the uniformed elite, in cozy Thai boardrooms, in the privy council and in the courts – must adapt to this new set of political realities, and the opposition that represents them needs to compete in this political arena and not resort to coup plotting.
Amid this domestic turmoil, the international community has been curiously silent. Much has been said about the US and others seeking to advance the ramparts of democracy and rule of law into countries that are as yet undemocratic. Less, regrettably, on the imperative of strengthening already democratic but struggling states. For the US and others, a more public message of support for the democratic processes in Thailand would be welcome and could indeed be decisive in the uncertain days ahead. There are many reasons why even some in the current Thai government might be ambivalent about western public statements of support, from concern that it might somehow complicate the close relationship with China to suggesting undue American interference. The international community should, nevertheless, underscore that both sides in the domestic struggle should commit to electoral and legal means for resolving disputes and not to rely upon unelected “people’s councils” – the preferred venue for governance by key leaders on the Democratic side.
As Asia struggles with difficult issues in North Korea, worries over heightened tensions between Japan and China and evaluates the historic outcomes of Chinese Communist party’s third plenum last month, it is still important to remember Thailand and its churning, struggling and still at risk democratic trajectory.
The writer is chairman and chief executive of The Asia Group and on the board of the Center for a New American Security. From 2009-13 he served as the assistant US secretary of state for east Asian and Pacific affairs
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น